“อนันตพร” ลงพื้นที่ตรวจติดตามแหล่งน้ำมันสิริกิติ์ กำกับดูแลการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ย้ำต้องอยู่ร่วมกับชุมชนได้

15 Jan 2016
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ลงพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร ตรวจติดตามประสิทธิภาพการกำกับดูแลการผลิตปิโตรเลียม แหล่งน้ำมันสิริกิติ์ ของ ปตท .สผ.สยาม และแหล่งบูรพา ของสยามโมเอโกะ ต้นแบบการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างยั่งยืน ลดการปล่อย CO2 กว่า 5,000 ตันต่อปี สอดรับแผน EEP 2015 และมติที่ประชุม COP 21 ที่ประเทศฝรั่งเศส ตามพันธสัญญานานาประเทศทั่วโลก พร้อมสร้างรายได้ อาชีพเสริม ช่วยส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนประหยัดค่าเชื้อเพลิงปีละกว่า 72 ล้านบาท ย้ำการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมไทยเทียบเท่ามาตรฐานสากล
“อนันตพร” ลงพื้นที่ตรวจติดตามแหล่งน้ำมันสิริกิติ์ กำกับดูแลการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ย้ำต้องอยู่ร่วมกับชุมชนได้

วันนี้ (13 มกราคม 59) พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน นำคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงาน ลงพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชรและจังหวัดสุโขทัย เพื่อตรวจติดตามการกำกับดูแลการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแหล่งน้ำมันสิริกิติ์ ของบริษัท ปตท .สผ.สยาม จำกัด และแหล่งบูรพา ของบริษัท สยามโมเอโกะ จำกัด โดยมี นายวีระศักดิ์ พึ่งรัศมี อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สผ.จำกัด (มหาชน) และนายธานี ธัญญาโภชน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร นายฐานุพงศ์ เจริญสุรภิรมย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ให้การต้อนรับ

พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังจากการตรวจติดตามความคืบหน้าการดำเนินการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแหล่งน้ำมันสิริกิติ์ ของบริษัท ปตท.สผ.สยาม จำกัด และ แหล่งบูรพา ของบริษัท สยามโมเอโกะ จำกัด ว่า ปัจจุบันการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมของประเทศไทย มีการดำเนินการที่ได้มาตรฐานเทียบเท่าสากล ที่คำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมและการอยู่ร่วมกันของชุมชนเป็นสำคัญ โดยมีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ควบคุมและกำกับดูแล ให้เป็นไปตามกฎหมายที่กำหนด สำหรับแหล่งน้ำมันสิริกิติ์ นอกจากจะมีส่วนช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงานแล้ว ยังถือเป็นต้นแบบการประกอบกิจการด้านปิโตรเลียมที่อยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างยั่งยืนควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างชัดเจน โดยที่ผ่านมากระบวนการผลิตปิโตรเลียมจำเป็นต้องมีการเผาก๊าซธรรมชาติที่เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำมันดิบ เนื่องจากมีปริมาณน้อยและไม่คุ้มค่าการลงทุนในเชิงพาณิชย์ แต่ในพื้นที่แหล่งสิริกิติ์กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้ร่วมกับบริษัท ปตท.สผ. สยาม จำกัด ศึกษาความเป็นไปได้ในการนำก๊าซธรรมชาติดังกล่าวไปใช้ประโยชน์กับชุมชนในพื้นที่แทนการเผาทิ้ง โดยนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงให้กับวิสาหกิจชุมชนบ้านหนองตูมเพื่อทดแทนการใช้ก๊าซ LPG สนับสนุนกิจการสินค้า OTOP คือการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ได้แก่ กล้วยฉาบ กล้วยทอด มันทอด เผือกทอด เป็นต้น

กิจกรรมวิสาหกิจชุมชนบ้านหนองตูมสามารถสร้างอาชีพเสริมและรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ และลดรายจ่ายค่าเชื้อเพลิงซึ่งเป็นต้นทุนหลักให้กับชาวบ้านได้ปีละ 72 ล้านบาท ประการที่สำคัญยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมจากการลดการปล่อย CO2 สู่ชั้นบรรยากาศได้ปีละกว่า 5,000 ตัน ซึ่งถือเป็นแนวทางปฏิบัติที่สอดคล้องกับมติที่ประชุม COP 21 ที่ประเทศฝรั่งเศสเมื่อปลายปี 2558 ที่ได้มีการผลักดันให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกคำนึงถึงสภาวะโลกร้อน ตลอดจนเป็นการใช้ทรัพยากรของประเทศได้อย่างคุ้มค่า และเป็นบทพิสูจน์การอยู่ร่วมกันอย่างไร้ปัญหาของชุมชนกับการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมได้อย่างเป็นรูปธรรม

"ปัจจุบันการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมของประเทศไทย มีการดำเนินการที่ได้มาตรฐานเทียบเท่าสากล มุ่งเน้นความปลอดภัย การใช้ทรัพยากรพลังงานอย่างคุ้มค่า และการรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ ซึ่งถือเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับแผนอนุรักษ์พลังงาน (EEP 2015) หนึ่งในแผนบูรณาการพลังงานระยะยาวที่กระทรวงพลังงานเริ่มผลักดันให้เป็นรูปธรรม" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกล่าวทั้งนี้ แหล่งสิริกิติ์ มีขนาดพื้นที่จำนวน 1,328 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยพื้นที่สำรวจจำนวน 1,039 ตารางกิโลเมตร และพื้นที่ผลิตประมาณ 817 ตารางกิโลเมตรครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร พิษณุโลก และสุโขทัย ปัจจุบันดำเนินการผลิตมาแล้วกว่า 30 ปี มีปริมาณการผลิตในปี 2558 ดังนี้ น้ำมันดิบจำนวน 28,000 - 30,000 บาร์เรล/วัน ก๊าซธรรมชาติจำนวน 40 - 50 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน และก๊าซ LPG จำนวน 240 - 250 ตัน/วัน

แหล่งน้ำมันสิริกิติ์มีปริมาณสำรองเพื่อรองรับต่อความต้องการใช้พลังงานในประเทศในส่วนของน้ำมันดิบอีกประมาณ 54.57 ล้านบาร์เรล และก๊าซธรรมชาติประมาณ 1.23 แสนล้านลูกบาศก์ฟุต ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นแหล่งปิโตรเลียมบนบกที่สามารถสร้างความมั่นคงให้กับภาคพลังงานของประเทศมายาวนาน และจะยังสร้างความมั่นคงต่อไปในอนาคตอีกด้วย

นอกเหนือจากเป็นแหล่งน้ำมันดิบบนบกที่สำคัญของประเทศแล้ว ยังมีก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการผลิตน้ำมันดิบที่นำไปใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า เช่น การผลิตกระแสไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าลานกระบือ ประดู่เฒ่า เสาเถียร การผลิตก๊าซหุงต้ม (LPG) ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานพาหนะ(NGV) เป็นต้น

ในโอกาสเดียวกันนี้ พลเอก อนันตพร ยังได้ลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัย เพื่อตรวจติดตามการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมบริเวณแหล่งบูรพา ของบริษัท สยามโมเอโกะ จำกัด ซึ่งเป็นแหล่งที่เปิดให้สิทธิสำรวจในรอบที่ 18 และเป็นแหล่งสัมปทานขนาดเล็กๆ เช่นเดียวกับแหล่งปิโตรเลียมส่วนใหญ่ของประเทศไทย อย่างไรก็ดี แม้ว่าแหล่งบูรพาจะเป็นเพียงแหล่งผลิตขนาดเล็ก แต่ก็มีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานสากล คำนึงถึงความปลอดภัยและรักษาสิ่งแวดล้อมตามมาตรการที่กระทรวงพลังงานกำหนด ตลอดจนคำนึงถึงผลประโยชน์ของชุมชนและประเทศชาติเป็นหลักเช่นเดียวกับแหล่งปิโตรเลียมขนาดใหญ่

“อนันตพร” ลงพื้นที่ตรวจติดตามแหล่งน้ำมันสิริกิติ์ กำกับดูแลการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ย้ำต้องอยู่ร่วมกับชุมชนได้ “อนันตพร” ลงพื้นที่ตรวจติดตามแหล่งน้ำมันสิริกิติ์ กำกับดูแลการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ย้ำต้องอยู่ร่วมกับชุมชนได้