นางสาลินี วังตาล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว.เปิดเผยว่า
การจัดงานสัมมนา"ด้วยเครือข่าย...SME เติบโตได้อย่างยั่งยืน" ในพื้นที่ภาคเหนือ จังหวัดเชียงรายครั้งนี้ นับเป็นการจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 โดยครั้งแรกจัดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อเผยแพร่ผลสำเร็จการพัฒนาคลัสเตอร์ยางพาราครบวงจร และครั้งที่ 2 จัดขึ้นในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น เพื่อเผยแพร่การพัฒนาคลัสเตอร์ผ้าไหมครบวงจร ซึ่งการจัดสัมมนาฯดังกล่าว เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การสร้างแนวทางส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ในรูปแบบการสร้างเครือข่าย และยกระดับความสามารถด้านการผลิต นวัตกรรม การเชื่อมโยงและพัฒนา รวมถึงบูรณาการความร่วมมือกับผู้เกี่ยวข้อง แลกเปลี่ยนมุมมองความคิดและแนวทางในการต่อยอดธุรกิจร่วมกันของผู้ประกอบการและเครือข่ายให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยในพื้นที่ภาคเหนือได้คัดเลือกการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs เครือข่ายการพัฒนาชาไทยคุณภาพสู่ตลาดของผู้บริโภค ซึ่งนับเป็นกลุ่มเครือข่ายตัวอย่างที่ได้รับความสำเร็จในการพัฒนาศักยภาพเชิงธุรกิจ
"การดำเนินงานภายใต้โครงการสนับสนุนเครือข่าย SME ใน 18 กลุ่มจังหวัด มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมการเชื่อมโยงธุรกิจ ตลอดจนเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs ในลักษณะเครือข่าย เพื่อสร้างโอกาสในการทำความรู้จัก การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การพัฒนากิจกรรมระหว่าง SME ในอุตสาหกรรมและผู้เกี่ยวข้องทั้งในและนอกพื้นที่ สามารถต่อยอดเป็นสังคมหรือเครือข่ายที่มีพลังอำนาจในการต่อรอง และผลักดันให้ภาคธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยการคัดเลือกกลุ่มเครือข่าย SME ทั่วประเทศรวม 54 เครือข่าย ทั้งในภาคเกษตรแปรรูป อุตสาหกรรม การค้า และบริการ ให้เข้าสู่กระบวนการพัฒนา โดยมีหน่วยงานร่วมดำเนินการอีก 9 หน่วยงาน ที่ช่วยทำหน้าที่เสมือนพี่เลี้ยงสนับสนุนเครือข่ายสู่การพัฒนาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายคือ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันไม่น้อยกว่า 10,000 ราย สร้างโอกาสทางการตลาดรวมถึงมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 1,000 ราย และสามารถลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจไม่น้อยกว่า 150 ล้านบาท"
นางยุพรัตน์ ศตวิริยะ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาการจัดการอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า
สำนักพัฒนาการจัดการอุตสาหกรรม ได้ดำเนินการพัฒนาคลัสเตอร์ทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทยภายใต้ภารกิจของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 จนถึงปัจจุบัน รวม 10 ปี มีคลัสเตอร์ที่ได้รับการพัฒนาแล้ว 77 คลัสเตอร์ และได้คัดเลือกคลัสเตอร์ที่รวมตัวกันอย่างเข้มแข็ง จำนวน 17 คลัสเตอร์ เพื่อมาพัฒนาต่อยอด ภายใต้โครงการสนับสนุนเครือข่าย SME ใน 18 กลุ่มจังหวัด ภายใต้งบประมาณที่ได้รับการสนับสนุนจาก สสว. โดยภารกิจหลักที่ใช้ทำการขับเคลื่อนการสร้างเครือข่าย SME ให้เติบโตอย่างยั่งยืนที่ทางหน่วยงานดำเนินการอยู่ ได้แก่
1. จัดกิจกรรมพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งเครือข่าย โดยจะมีการสร้าง คลัสเตอร์ Roadmap ให้กับทั้ง 17 คลัสเตอร์ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตและยั่งยืนสู่สากลได้
2. จัดกิจกรรมพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายให้มากยิ่งขึ้น โดยการสร้างระบบการบริหารงานเครือข่ายและการบริหารสมาชิก การพัฒนาผู้นำเครือข่าย และผู้ประสานงานเครือข่าย (Network / Cluster Development Agent) การจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดประสบการณ์ องค์ความรู้ ปัญหา อุปสรรค โอกาส และปัจจัยความสำเร็จในการรวมกลุ่ม เพื่อสร้างองค์ความรู้ที่เป็น Lesson learned และการจัดกิจกรรมเชื่อมโยงระหว่างเครือข่ายในลักษณะ Supply Chain และ
3. จัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพเชิงธุรกิจของเครือข่าย อาทิ กิจกรรมการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และบริการ พัฒนากระบวนการผลิต ประสิทธิภาพการบริหารธุรกิจ และอื่นๆ ที่ครอบคลุมการต่อยอดธุรกิจ เพื่อก่อให้เกิดผลิตภาพ รวมไปถึงกิจกรรมการส่งเสริมการตลาดเชิงรุกหรือการสร้างนวัตกรรมทางการตลาด
สำหรับอุตสาหกรรมชา ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย นั้นหากย้อนไปในปี 2553 ถือเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทย จึงมีการมอบให้ศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์ประยุกต์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ประเมินศักยภาพกลุ่มอุตสาหกรรมภายใต้โครงการพัฒนาการรวมกลุ่มและเชื่อมโยง 8 กลุ่มอุตสาหกรรม โดยอุตสาหกรรมชาเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับการประเมินดังกล่าว ว่ามีศักยภาพในการรวมกลุ่มได้ จึงเกิดเป็น "กลุ่มเครือข่ายชาอินทรีย์ดอยแม่สลอง" ที่มีเป้าหมายร่วมกัน มุ่งพัฒนาคุณภาพมาตรฐานสู่ระดับสากล เพื่อเป็นแนวทางที่จะทำให้กลุ่มสามารถแข่งขันและขยายตลาดได้ ปัจจุบันกลุ่มเครือข่ายได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากลของ U.S.A. (มาตรฐาน USDA) และมาตรฐานสหภาพยุโรป (มาตรฐาน EU) รวมทั้งมาตรฐานโรงงานผลิตของ GMP ต้องขอขอบคุณ สสว. ซึ่งได้ให้งบประมาณดำเนินการโครงการนี้ ทำให้สามารถพัฒนาเครือข่ายนี้ได้ต่อเนื่อง และนำแนวทางนี้ขยายผลสู่เครือข่ายอื่น
ด้านการบูรณาการความช่วยเหลือของกลุ่มที่เชื่อมโยงกันเป็นห่วงโซ่การผลิต คือ การทำให้กลุ่มย่อยภายใต้ห่วงโซ่ที่สัมพันธ์กันอาศัยอยู่ร่วมกัน ทำหน้าที่ประสานกันอย่างกลมกลืนเป็นองค์รวม เกิดการเชื่อมโยงอย่างมีประสิทธิภาพ และร่วมกันขับเคลื่อนกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นๆ ให้มีความเข้มแข็งและเติบโตทางธุรกิจ ทำให้รูปแบบความช่วยเหลือเกิดใน 2 ลักษณะ ได้แก่ 1. ความช่วยเหลือให้กับสมาชิกตลอดห่วงโซ่ในแนวตั้งคือ ตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยพัฒนาต้นน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อส่งไปยังกลางน้ำให้เกิดการพัฒนาที่เหมาะสมและเกิดการเชื่อมโยงไปถึงปลายน้ำ เน้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ก่อให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจ เป็นพลังในการขับเคลื่อนกลุ่ม และประสานความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการพัฒนาเป็นแนวทางเดียวกัน และ 2. ความช่วยเหลือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแนวนอนที่ได้จากการจัดทำแผนภาพคลัสเตอร์ (Cluster map) เป็นการเชื่อมโยงหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือ Business Development Service: BDS หรือสถาบันการศึกษา สถาบันการเงิน สถาบันวิจัยพัฒนา เป็นต้น ให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนาเชิงบูรณาการตามหน้าที่งานและความถนัด เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมชา จังหวัดเชียงราย มีการบูรณาการความช่วยเหลือจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ สถาบันชา และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมในการพัฒนาการผลิตชาของสมาชิกในกลุ่มให้เป็นชาอินทรีย์
ด้านรศ.ดนุวัติ เพ็งอ้น ผู้อำนวยการสถาบันบริการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า สถาบันฯ ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมและสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในการขับเคลื่อนกลุ่มเครือข่ายการพัฒนาชาคุณภาพไทยสู่ตลาดของผู้บริโภค จังหวัดเชียงราย โดยมีกิจกรรมหลักแบ่งเป็น 3 กิจกรรม ได้แก่
1. ประสานกับหน่วยงานร่วมดำเนินการภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมชา
2. ดำเนินงานพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่าย จัดทำแผนพัฒนาเครือข่ายและการจัดกิจกรรมพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายและจัดอบรมพัฒนาศักยภาพให้แก่ผู้เกี่ยวข้องในเครือข่าย พร้อมทั้งจัดแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดประสบการณ์องค์ความรู้ และเชื่อมโยงเครือข่ายในลักษณะ Supply chain และ
3. ดำเนินการพัฒนาศักยภาพเชิงธุรกิจของเครือข่าย โดยจัดกิจกรรมฝึกอบรมให้แก่บุคลากรที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมชา และการสอนการทำปุ๋ยหมักคุณภาพสูง การนำงานวิจัยมาพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ โดยจัดทำผลิตภัณฑ์ใหม่ให้แก่ผู้ประกอบการชา จำนวน 3 ผลิตภัณฑ์ การพัฒนาตราสินค้า (Branding) และออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ 3 ผลิตภัณฑ์ การจัดฝึกอบรมด้านการตลาด อีกทั้งยังได้ทำการยกระดับมาตรฐานทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยดำเนินการให้กลุ่มอุตสาหกรรมชาจนได้รับมาตรฐานสากล จำนวน 30 ราย และมีการพัฒนาจัดการการผลิตโดยการลดพลังงานให้แก่สถานประกอบการ จำนวน 3 กิจการ ตลอดจนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเชิงรุกให้แก่ผู้ประกอบการชา อย่างน้อย 10 ราย อาทิเช่น การออกงานแสดงสินค้าทั้งในไทยและตลาดสากล
"ทั้งนี้ การบูรณาการกิจกรรมการพัฒนาชาคุณภาพไทยสู่ตลาดของผู้บริโภคในกระบวนการต้นน้ำ สถาบันบริการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้ดำเนินการพัฒนาแหล่งปลูกชาอินทรีย์ตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากล โดยการต่ออายุใบรับรองตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากล NOP-USDA และ EU ให้แก่ผู้ผลิตชาอินทรีย์ จำนวน 30 ราย ผ่านกระบวนการกลางน้ำ โดยทางสถาบันฯ ได้ทำการพัฒนากระบวนการผลิตและแปรรูปชาอินทรีย์ตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากล เพื่อรับรองผลิตภัณฑ์ชาอินทรีย์ว่าเป็นไปตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์เช่นเดียวกันกับการรับรองแปลงชาอินทรีย์ในกระบวนการต้นน้ำ นอกจากนี้ ยังได้ทำการพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ชาอินทรีย์รวมทั้งกระบวนการพัฒนาตราสินค้า ตลอดจนการดำเนินกิจกรรมลดพลังงานในสถานประกอบการให้แก่ผู้ประกอบการ ส่วนในกระบวนปลายน้ำ สถาบันฯ ได้ทำการจัดฝึกอบรมด้านการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อให้ผู้ประกอบการมีแนวคิดและช่องทางในการนำผู้ประกอบการไปร่วมออกงานแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศ เพื่อทำการจับคู่ทางธุรกิจ (Business matching) เป็นการเพิ่มและขยายโอกาสทางการค้า ตลอดจนเพิ่มรายได้ให้แก่สถานประกอบการและชุมชนอีกทางหนึ่ง ปัจจุบันคลัสเตอร์ชาอินทรีย์แม่สลอง มีผู้เข้าร่วมเป็นสมาชิกเครือข่ายจำนวนทั้งสิ้น 25 ราย โดยแต่ละรายได้มีการประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในกระบวนการผลิตชาอินทรีย์ตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ร่วมกับหน่วยงานสนับสนุนทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างสม่ำเสมอ ทำให้การพัฒนาและขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจชาอินทรีย์ของกลุ่มมีความเข้มแข็งและขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกันจนเติบโตอย่างรวดเร็วและยั่งยืน"
รูปแบบของการผลิตภัณฑ์ชาโดยส่วนใหญ่ยังมีความคล้ายคลึงกันค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นรูปแบบที่มีความน่าเชื่อถือต่อผู้บริโภคมาเป็นเวลาช้านาน แต่ปัจจุบันสมาชิกเครือข่ายบางรายได้มีโอกาส ได้ไปออกงานแสดงสินค้าในตลาดสากล จึงเกิดแนวคิดที่จะสร้างอัตลักษณ์ให้แก่ผลิตภัณฑ์ของตนมากยิ่งขึ้น สถาบันฯ จึงได้นำกิจกรรมบางส่วนของโครงการฯ มาพัฒนาและสนับสนุนผู้ประกอบการในการสร้างรูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ให้มีเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้น โดยได้คัดเลือกผู้ประกอบการบางราย จากความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้อย่างสมบูรณ์จนประสบความสำเร็จ ทำให้สามารถเพิ่มมูลค่าสินค้าสูงขึ้นถึง 30% และสามารถเพิ่มอัตราการแข่งขันในตลาดได้ ทั้งในช่วงของการดำเนินโครงการและหลังจากการดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการสร้างตราสินค้าของตนเองต่อไป และสามารถต่อยอดไปสู่การพัฒนาธุรกิจและเครือข่ายชาอินทรีย์แม่สลองสืบไปอย่างยั่งยืน
ด้านนางสาวพรรณทิพา กิจวิถี ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คลัสเตอร์ชาอินทรีย์ดอยแม่สลอง กล่าวว่า ในฐานะผู้ประกอบการที่ได้เข้ามารวมกลุ่มเป็นเครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูกใบชา ทำให้การรวมกลุ่มเกิดความเข้มแข็ง สมาชิกกลุ่มที่มีไร่ปลูกชาเป็นของตนเองก็พร้อมที่จะพัฒนา รวมถึงขยายพื้นที่ปลูกเป็นอินทรีย์ และที่สำคัญทำให้รู้จักสามัคคีกัน พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ให้คำแนะนำและปรึกษาในกลุ่มด้วยกันได้ให้เห็นไปในทิศทางเดียวกัน และก่อเกิดประโยชน์ให้กับสมาชิกเกษตรกรชาอินทรีย์ทุกคนที่อยู่ในกลุ่ม โดยการรวมกลุ่มคลัสเตอร์อินทรีย์ดอยแม่สลอง ทำให้รูปแบบการดำเนินธุรกิจเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะในเรื่องของระบบการเพาะปลูกและการสร้างผลผลิต จากเดิมที่ทำการเกษตรแบบเกษตรอินทรีย์คือการทำการเกษตรด้วยหลักธรรมชาติ บนพื้นที่การเกษตรที่ไม่มีสารพิษ และหลีกเลี่ยงจากการปนเปื้อนของสารเคมีทั้งทางดิน ทางน้ำ และทางอากาศ เพื่อส่งเสริมความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางธรรมชาติ การรวมกลุ่มคลัสเตอร์ชาอินทรีย์ดอยแม่สลองทำให้รูปแบบการทำการเกษตรเกิดการเปลี่ยนแปลงปลอดสารพิษ ปลอดสารเคมี ทำให้ขยายพื้นที่เพาะปลูกมากยิ่งขึ้น เกษตรกรผู้ปลูกมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น
การจัดสัมมนา "ด้วยเครือข่าย...SME เติบโตได้อย่างยั่งยืน" ภายใต้โครงการสนับสนุนเครือข่าย SME ใน 18 กลุ่มจังหวัด กำหนดจะจัดขึ้นทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยครั้งต่อไปจะจัดที่ภาคกลาง (กรุงเทพมหานคร) และดูงานเครือข่ายพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม จังหวัดสุพรรณบุรี สำหรับผู้สนใจเข้าร่วมงานสัมมนา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 08-3823-9116
                                                                                                                                        
                                                            
                                                                                                                            
                                                            
                                                                                                                            
                                                            
                                                                                                                            
                            
                            วว. จับมือ วช. ขับเคลื่อนโครงการปลูกไม้ดอกไม้ประดับเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและลดมลภาวะฝุ่น PM 2.5 มุ่งสร้างโมเดลลดการเผาในพื้นที่เกษตร สร้างรายได้ใหม่ให้เกษตรกรจังหวัดเชียงราย/พะเยา
                        
                            กรมโยธาธิการ ฯ พัฒนา "หนองน้ำพุ" รอบอุทยานถ้ำหลวง - ขุนน้ำนางนอน สู่สวนสาธารณะแลนด์มาร์กแห่งใหม่ หนุนการท่องเที่ยวเชียงราย ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
                        
                            กปภ. อัดงบ 2 พันล้านบาท ดึงน้ำลาว-น้ำโขง ผลิตประปาเชียงราย-แม่สาย มุ่งแก้ปัญหาน้ำดิบปนเปื้อนอย่างยั่งยืน
                        
                            "คืนรอยยิ้มสู่โรงเรียน" ทรู คอร์ปอเรชั่น โดยทรูปลูกปัญญา ร่วมกับมูลนิธิพลังน้ำใจ และภาคีเครือข่าย ผนึกกำลังฟื้นฟูโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ สานต่อพลังแห่งการให้ ผ่านคอนเสิร์ตการกุศล "พลังน้ำใจไทย" ปีที่ 15
                        
                            OPPO x T-POP Campus Tour 2025 ปิดท้ายความาสนุก! บุกมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ชวนนักศึกษามาฟินแบบจัดเต็ม
                        
                            สวทช. โดย นาโนเทค คิกออฟ "เชียงราย" พื้นที่ต้นแบบ วทน. ยกระดับคุณภาพน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำกก
                        
                            ชื่นฉ่ำเที่ยวหน้าฝน และดื่มด่ำกาแฟรักษ์โลกที่ "เฮอริเทจ เชียงราย โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น"
                        
                            'อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์' โตไม่หยุด เดินเกมบุกครึ่งปีหลัง ขยายสาขาใหม่ลำดับที่ 35 ปักหมุดจังหวัดเชียงราย
                        
                            กลุ่มดุสิตธานีเดินหน้าขยายวิสัยทัศน์ "Tree of Life" ส่งเสริมท่องเที่ยวยั่งยืน ปักหมุดเชียงราย หลังเริ่มบริหารรีสอร์ทหรู "ทานตะวันเต็นท์แคมป์"