ข้อคำนึงถึงในการดำเนินนโยบายบ้านประชารัฐ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          ดร.นณริฎ พิศลยบุตร
          นักวิชาการ ฝ่ายการวิจัยนโยบายเศรษฐกิจส่วนรวม
          สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย

          บ้านประชารัฐ เป็นนโยบายของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา ที่จะเข้ามาช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่ไม่มีที่อยู่อาศัย ให้ได้มีโอกาสที่จะเป็นเจ้าของบ้าน สาระสำคัญของนโยบายคือ จะเป็นการวางนโยบายช่วยเหลือทางด้านดอกเบี้ยและผ่อนปรนเกณฑ์ปล่อยเงินกู้ ผ่าน 3 ธนาคารหลัก ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารอาคารสงเคราะห์
          เป้าหมายในการเข้าถึง จะประกอบไปด้วยลูกค้าที่เป็นผู้มีรายได้น้อย (และเป็นผู้ที่ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ครอบครองบ้านมาก่อน) จำนวน 60,000 คน โครงการมีวงเงินรวม 70,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกจำนวน30,000 ล้านบาท จะปล่อยกู้ให้กับธุรกิจเอกชน และการเคหะ เพื่อนำไปสร้างบ้านประชารัฐ ส่วนที่สองจำนวน 40,000ล้านบาท จะปล่อยกู้ให้กับบุคคลทั่วไป โดยแบ่งย่อยออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ขอกู้เพื่อซื้อ เช่าซื้อและก่อสร้างบ้านใหม่ จะปล่อยกู้ไม่เกินรายละ 700,000 บาท กลุ่มที่ซ่อมแซมบ้านที่มีอยู่เดิมจะปล่อยกู้ไม่เกินรายละ 500,000 บาท และกลุ่มที่ขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้าน จะปล่อยรายละประมาณ 700,000-1,500,000 บาท
          การช่วยเหลือภาคเอกชนมีข้อกำหนดให้เอกชนจะต้องช่วยเหลือผู้บริโภคโดยเป็นผู้แบกรับค่าธรรมเนียมโอน2% (หรือค่าธรรมเนียมจำนอง 1% เฉพาะปีแรก) รวมทั้งให้เป็นผู้ออกค่าส่วนกลางในปีแรก และให้ลดราคาจากราคาขายอีก 2% การอุดหนุนจากภาครัฐจะกระทำใน 2 ลักษณะ คือการอุดหนุนลดดอกเบี้ยให้ต่ำลง และการลดเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อ Debt to service ratio ให้เป็นร้อยละ 50 สำหรับลูกค้าทั่วไปและร้อยละ 80 สำหรับพนักงานรัฐ
          ในมุมมองส่วนตัว มองว่านโยบายนี้จะมีข้อดี คือ ช่วยเหลือคนรายได้น้อยที่มีความพร้อมทางด้านการเงินและมีความต้องการที่อยู่อาศัย ในขณะที่ภาคเอกชนทั้งที่มีสต็อกบ้านราคาย่อมเยา และภาคเอกชนที่จะสร้างโครงการใหม่ในพื้นที่ภาครัฐจะได้รับประโยชน์ ซึ่งรวมไปถึงธุรกิจวัสดุก่อสร้าง และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการตกแต่งบ้านในทางตรงกันข้าม จุดเสี่ยงที่สำคัญ คือ คนรายได้น้อยบางส่วนอาจจะซื้อที่อยู่อาศัย ทั้งๆที่ตนเองไม่มีศักยภาพทางด้านการเงิน หรือตนเองคิดไม่รอบคอบถึงผลดี/ผลเสียของการซื้อที่อยู่อาศัย
          กลุ่มที่ไม่มีศักยภาพทางการเงิน เกิดขึ้นจากการปรับเพิ่ม Debt to service ratio ให้สูงขึ้นเป็นร้อยละ 50 ซึ่งอยู่เหนือจุดเหมาะสมที่วิจัยโดย ดร.อธิภัทร (จุฬา) ที่ประมาณร้อยละ 20-40
          กลุ่มที่ไม่คำนึงถึงผลดี/ผลเสียของการซื้อที่อยู่อาศัย เกิดขึ้นเนื่องจากการซื้ออสังหาริมทรัพย์ก่อให้เกิดภาระหนี้ที่ยาวนาน (ประมาณ 30 ปี) ดังนั้นในอนาคต อาจจะเกิดสถานการณ์ที่ไม่ดีที่คาดไม่ถึง เช่น 1. เศรษฐกิจตกต่ำไม่มีกำลังทรัพย์เพื่อผ่อน 2. การย้ายถิ่นที่อยู่ ที่ทำงานจะมีความสะดวกกว่าหากการอยู่อาศัยอยู่ในลักษณะเช่า หรืออยู่กับเพื่อนฝูง/เครือญาติ 3. โครงสร้างบ้านจะต้องเอื้ออำนวยต่อการใช้ชีวิตในอนาคต คนมีรายได้น้อยจะไม่สามารถซื้อบ้านใหม่ได้ง่าย ดังนั้น การออกแบบบ้านจะต้องคำนึงถึงการใช้ชีวิตในยามชราด้วย เป็นต้น
นอกจากนี้ อีกกลุ่มหนึ่งที่จะมีปัญหา ก็คือ กลุ่มธุรกิจเช่าบ้านที่อาจจะสูญเสียลูกค้าไป และธุรกิจบ้านในsegment อื่นๆที่อาจจะถูกดึงความต้องการให้ซบเซาลง
          สำหรับการกำหนดความช่วยเหลือโดยบังคับภาคธุรกิจให้ช่วยผู้ซื้อนั้น ในทางเศรษฐศาสตร์มองว่าไม่มีผลกระทบใดๆ เพราะผู้ผลิตสามารถผลักภาระต่างๆ โดยกำหนดราคาให้สูงขึ้นได้ ภาระต่างๆจึงตกเป็นของผู้ซื้ออยู่ดี
          ในมุมมองของผู้เขียน การดำเนินนโยบายบ้านประชารัฐ จะส่งผลดีมากกว่าผลเสีย หากภาครัฐสามารถวางมาตรการให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ซื้อ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ซื้อมีความพร้อมในการซื้อจริงๆ ทั้งทางด้านการเงิน และทางด้านความรู้พื้นฐานในเรื่องข้อคำนึงถึงในการเป็นเจ้าของบ้าน นอกจากนี้ ภาครัฐยังควรที่จะคำนึงถึงการออกแบบ "บ้านประชารัฐ" ให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถที่จะอาศัยอยู่ได้จนถึงบั้นปลายชีวิตอย่างแท้จริง เพราะผู้มีรายได้น้อยส่วนมากคงไม่มีกำลังทรัพย์เพียงพอที่จะจัดหาบ้านใหม่มาได้อีกครั้ง
ข้อคำนึงถึงในการดำเนินนโยบายบ้านประชารัฐ
 

ข่าวสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย+สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศวันนี้

รายงาน Whitepaper ฉบับใหม่เผยศักยภาพ AI ในการพลิกโฉมอุตสาหกรรมการผลิต หนุนไทยก้าวสู่ยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0

รายงาน whitepaper ฉบับใหม่ที่เผยแพร่ในวันนี้ ได้เผยให้เห็นว่าปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จในยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 ซึ่งมุ่งยกระดับเศรษฐกิจไทยจากการพึ่งพาการผลิตแบบดั้งเดิม ไปสู่การขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง อย่างไรก็ตาม รายงาน whitepaper ซึ่งจัดทำโดยสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ร่วมกับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ) (ETDA) ภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) และ SAP ผู้นำตลาดด้านซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร ชี้ให้

คปภ. ผนึกกำลังจังหวัดปราจีนบุรี ภาคธุรกิจ... คปภ. ผนึกกำลังจังหวัดปราจีนบุรี ภาคธุรกิจประกันภัย ทีดีอาร์ไอ จัดงาน "ปราจีน ยืนหนึ่งถนนปลอดภัย อุ่นใจด้วยการประกันภัย" — คปภ. ผนึกกำลังจังหวัดปราจีนบุรี ...

สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประก... คปภ. เผยมุมมองผู้เชี่ยวชาญ ประเทศไทยต้องปรับตัวเร่งด่วน รับมือ Climate change ภาคประกันภัย…มีส่วนสำคัญสำหรับการเปลี่ยนแปลง — สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่ง...

สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอา... ทีดีอาร์ไอเปิดเวทีเสวนา "เศรษฐกิจแพลตฟอร์ม ชูกรณีศึกษา Grab ช่วยขับเคลื่อน GDP สร้างมูลค่าเศรษฐกิจแสนล้าน — สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)...

The Active Thai PBS จับมือ TDRI และภาคีฯ ... The Active Thai PBS จับมือ TDRI "ปั้นนักสื่อสารรุ่นใหม่" ร่วมสะท้อนแง่มุมด้านพลังงาน — The Active Thai PBS จับมือ TDRI และภาคีฯ ปั้นนักสื่อสารรุ่นใหม่ สะท...

การศึกษาล่าสุด โดยองค์การยูนิเซฟและสถาบัน... รายงานใหม่โดยยูนิเซฟและทีดีอาร์ไอ พบว่า เด็กยากจนร้อยละ 34 ไม่ได้รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด — การศึกษาล่าสุด โดยองค์การยูนิเซฟและสถาบันวิจั...

Thai PBS World เปิดเวทีสาธารณะ 'AI และอนา... ไทยพีบีเอส จัดงาน Thai PBS World Forum เตรียมพร้อมรับมือความเปลี่ยนแปลงสื่อยุค AI — Thai PBS World เปิดเวทีสาธารณะ 'AI และอนาคตของห้องข่าว' เตรียมพร้อมรับ...

ดร.สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพ... วางผังภาคกรุงเทพฯ และปริมณฑล — ดร.สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เป็นประธานในงาน ...

เคทีซีจัดงานเสวนา KTC FIT Talks #9 จับเข่... เคทีซี x ทีดีอาร์ไอ เปิดเวทีเสวนา KTC FIT Talks #9 "จับตาเศรษฐกิจไทยและธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคครึ่งหลังปี 2566" — เคทีซีจัดงานเสวนา KTC FIT Talks #9 ...

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานกา... วช. หนุนทีดีอาร์ไอศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมของอุบัติเหตุทางถนน หวังผลักดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลวิจัยไปใช้กำหนดนโยบายด้านความปลอดภัยทางถนนในระดับประเทศให้มีความชัดเจน — ดร.วิภารัตน...