ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตของ SVI ที่ 'BBB+(tha)’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

           บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาว ของ บริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SVI ที่ 'BBB+(tha)' และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ 'F2(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

          ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
          การฟื้นตัวของธุรกิจหลังเหตุการณ์ไฟไหม้: ธุรกิจของ SVI ฟื้นตัวกลับมาหลังเหตุการณ์ไฟไหม้ในช่วงปลายปี 2557 โดยบริษัทน่าจะสามารถฟื้นฟูกำลังผลิตให้กลับมาเท่ากับก่อนเหตุการณ์ไฟไหม้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2559 รายได้ของบริษัท ลดลงเพียง 2% ในปี 2558 ซึ่งดีกว่าที่ฟิทช์คาดการณ์ไว้ แม้ว่าจะเป็นช่วงที่บริษัทอยู่ระหว่างการฟื้นฟูกำลังผลิต ฟิทช์เชื่อว่า SVI จะสามารถรักษาสถานะทางธุรกิจ และฐานะการเงินให้สอดคล้องกับอันดับเครดิตปัจจุบันในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
          สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง: ฟิทช์คาดว่า SVI น่าจะสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (FFO-Adjusted Net Leverage) ให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 1.0 เท่าได้ในช่วง 2 ปีข้างหน้า โดยกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทซึ่งอยู่ที่ประมาณ 400-600 ล้านบาทต่อปี น่าจะเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทุนจำนวน 400-600 ล้านบาท ต่อปี และเงินปันผล ในช่วงปี 2559-2560 นอกจากนี้ ณ สิ้นปี 2558 บริษัทมีเงินสดมากกว่าหนี้สินจำนวน 3.0 พันล้านบาท
          โอกาสเติบโตในธุรกิจ EMS: SVI ยังคงได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวของตลาดรับประกอบแผงวงจรสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Manufacturing Service) ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ในภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนแนวโน้มที่เจ้าของผลิตภัณฑ์ต้นแบบจะว่าจ้างผู้รับประกอบแผงวงจรสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ให้ผลิตแทนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะส่วนที่ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค (consumer electronic) บริษัทเน้นการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ระดับบนประเภท non-traditional ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี มีความผันผวนจากความต้องการที่ต่ำกว่า และมีอัตราส่วนกำไรจากการผลิตที่สูงกว่า ซึ่งส่งผลให้บริษัทสามารถรักษาผลการเนินงาน และสถานะทางธุรกิจในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าสภาวะอุตสาหกรรมจะมีความท้าทาย 
          การเติบโตโดยการควบรวมกิจการ: การเข้าซื้อกิจการของ Seidel Electronics Group Company (Seidel) น่าจะช่วยให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจไปยังผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีกำไรสูง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ รถยนต์ ระบบขนส่ง และการแพทย์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ Seidel ผลิตอยู่ นอกจากนี้การเข้าซื้อกิจการดังกล่าวน่าจะช่วยลดการพึ่งพารายได้จากลูกค้าในกลุ่มประเทศ Scandinavia ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 70% ของรายได้ในปี 2558 SVI ได้เข้าซื้อกิจการของ Seidel ซึ่งเป็นผู้รับประกอบแผงวงจรสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีโรงงานผลิตในประเทศออสเตรีย สโลวาเกีย และฮังการี ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2559
          ขนาดและการกระจุกตัวของรายได้: ปัจจัยเสี่ยงของ SVI ประกอบด้วยการที่บริษัทมีกลุ่มลูกค้าที่กระจุกตัว แนวโน้มการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในธุรกิจรับประกอบแผงวงจรสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภท non-traditional และความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ SVI ยังเผชิญกับความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน โดยการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อาจส่งผลให้บริษัทรับรู้รายได้ในรูปสกุลเงินบาทลดลง อย่างไรก็ตามความเสี่ยงดังกล่าวได้ถูกลดทอนบางส่วนจากการทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า 

          สมมุติฐานที่สำคัญ
          สมมุตฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ
          - รายได้ในปี 2559 ปรับตัวเพิ่ม 20% จากการเข้าซื้อกิจการของ Seidel
          - อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า ต่อรายได้ (EBITDAR Margin) ลดลงมาอยู่ที่ 8% (2558: 9.5%) จากการรวมงบการเงินของ Seidel ซึ่งมีอัตราส่วนกำไรที่ต่ำกว่าของ SVI, EBITDAR margin ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8.5%-9.0% ในปี 2560 และ 2561
          - การลงทุนจำนวน 600 ล้านบาทในปี 2559 และ 400 ล้านบาทต่อปี ตั้งแต่ปี 2560 
          - เข้าซื้อกิจการของ Seidel ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2559
          - จ่ายเงินปันผลที่ 40% ของกำไรสุทธิ

          ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
          ปัจจัยลบ: 
          - หนี้สินสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากการจ่ายเงินปันผลที่สูง การลงทุนที่สูงกว่าที่คาดไว้ หรือการเข้าซื้อกิจการอื่นโดยใช้เงินทุนจากการกู้ยืมที่สูง (Debt Funded Acquisition) ซึ่งส่งผลให้ FFO-Adjusted Net Leverage สูงกว่า 1.0 เท่าอย่างต่อเนื่อง (ณ สิ้นปี 2558 บริษัทไม่มีหนี้สิน)
          - EBITDAR Margin ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 6% อย่างต่อเนื่อง (ปี 2558 บริษัทมี EBITDAR margin อยู่ที่ 9.5%)
          - สถานะทางการตลาดที่อ่อนแอลง หรือการสูญเสียลูกค้ารายสำคัญ

          ปัจจัยบวก: 
          บริษัทสามารถรักษาอัตราส่วน FFO-Adjusted Net Leverage ให้อยู่ต่ำกว่า 1.0 เท่า และอัตราส่วน FFO-Adjusted Leverage ให้อยู่ต่ำกว่า 1.5 เท่า อย่างต่อเนื่อง (ณ สิ้นปี 2558: 0.1 เท่า) และสามารถ
          - เพิ่มขนาดธุรกิจ โดยมีรายได้สูงกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ปี 2558 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ลดการกระจุกตัวของลูกค้า และเพิ่มการกระจายตัวของกลุ่มลูกค้าในภูมิภาคอื่นๆ หรือ
          - เพิ่ม EBITDAR Margin ให้อยู่ในระดับสูงกว่า 10% อย่างต่อเนื่อง
 

ข่าวฟิทช์ เรทติ้งส์+ฟิทช์เรทติ้งส์วันนี้

ฟิทช์เรทติ้งส์: ผลการดำเนินงานของธนาคารไทยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจที่ค่อยๆ ฟื้นตัว

ฟิทช์ เรทติ้งส์ คาดว่าความแข็งแกร่งทางการเงินของตัวธนาคารเอง (standalone profiles) สำหรับธนาคารขนาดใหญ่ในประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอในช่วงปี 2563-2564 กิจกรรมทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นและส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวหรือปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยน่าจะช่วยสนับสนุนรายได้ของธนาคาร ธนาคารได้มีการตั้งสำรองหนี้สูญในระดับสูงต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฟิทช์เชื่อว่าค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองหนี้สูญน่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แม้ว่าค่าใช้ช่าย

ฟิทช์เรทติ้งส์: ธนาคารกสิกรไทยมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากการขยายธุรกิจในอินโดนีเซียแต่ยังไม่มีผลกระทบต่ออันดับเครดิต

ฟิทช์ เรทติ้งส์ กล่าวว่า แผนของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBank ('BBB'/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ที่จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในธนาคาร PT Bank Maspion Indonesia Tbk (Maspion) ...

ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตสากลของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยที่ 'BBB+' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Issuer Default Rating หรือ IDR) ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM) ที่ 'BBB+' ...

ฟิทช์จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิชนิดไม่มีกำหนดชำระคืนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีลักษณะคล้ายทุน ซึ่งเสนอออกโดยบริษัท จีซี ศูนย์บริหารเงิน จำกัด ที่ 'BB'

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศอันดับเครดิตที่ 'BB' ให้แก่หุ้นกู้ด้อยสิทธิชนิดไม่มีกำหนดชำระคืนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีลักษณะคล้ายทุน ซึ่งเสนอออก...

ฟิทช์คงอันดับเครดิต บริษัท ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) จำกัด ที่ 'AAA(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัท ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) จำกัด หรือ ICBCTL ที่ 'AAA(tha)' พร้อมกันนี้ฟิทช์ได้คงอันดับเครดิตระยะสั้น ที่ 'F1+(tha)' โดยมีแนว...

ฟิทช์คงอันดับเครดิตหุ้นกู้ของ DAD SPV ที่ 'AAAsf(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัท ดีเอดี เอสพีวี จำกัด (DAD SPV) ที่ 'AAAsf(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ โครงการนี้เป็นโครงการแปลงสินทรัพย์...

ฟิทช์คงอันดับเครดิตของธนาคารไทยพาณิชย์ และ บมจ. เอสซีบี เอกซ์ ที่ 'BBB' และ 'AA+(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Issuer Default Rating) ของบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX และ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)...

ฟิทช์ประกาศจัดอันดับหุ้นกู้เงินบาทของ บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ ที่ 'B+; แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศจัดอันดับเครดิตสุดท้าย (Final Rating) ของหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิ ครบกำหนดในปี 2573 ของ บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (ซึ่งมีอันดับเครดิตสากลระยะยาวที่ 'B+', แนว...