สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) เตรียมจัดงาน “เวทีการประชุมระดับภูมิภาคว่าด้วยการค้าและการพัฒนา ประจำปี 2559”

14 Sep 2016
สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (ITD) ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และคณะกรรมการธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (UNESCAP) จัดเวทีการประชุมระดับภูมิภาคว่าด้วยการค้าและการพัฒนา ประจำปี 2559 (Trade and Development Regional Forum 2016) ในวันที่ 21-22กันยายน 2559 เวลา 8.30-17.00น. ณ ห้องบอลล์รูม โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ โดย ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการ ที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) และอดีตผู้อำนวยการใหญ่ องค์การการค้าโลก (WTO) ให้เกียรติเข้าร่วมการประชุมฯ และนพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดงาน

ดร.กมลินทร์ พินิจภูวดล ผู้อำนวยการ สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (ITD)กล่าวว่า "ในฐานะที่ ITD เป็นสถาบันที่จัดตั้งขึ้นโดยความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) เพื่อส่งเสริมการค้า การพัฒนา และกิจกรรมอื่นๆ ที่สอดคล้องกับความความตกลงที่เกิดขึ้น จึงได้เข้าร่วมการประชุม UNCTAD ครั้งที่ 14 ณ กรุงไนโรบี ประเทศเคนย่า เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ From Decision to Actions: Moving towards an Inclusive and Equitable Global Economic Environment for Trade and Development

นำมาสู่การจัดเวทีการประชุมระดับภูมิภาคว่าด้วยการค้าและการพัฒนา ประจำปี 2559 ภายใต้หัวข้อหลักที่ต่อเนื่องกันคือ 'การค้าและการลงทุนอย่างยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย: เวลาแห่งการปฏิบัติการ' (Sustainable Trade and Investment in Asia: Time for Actions) เพื่อเป็นเวทีถ่ายทอดองค์ความรู้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างประเทศสมาชิกในเอเชีย พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงช่วงเวลาสำคัญที่ประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในเอเชียต้องลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังในประเด็นต่างๆ เช่น การดำเนินงานตามกรอบวาระการพัฒนาอย่างยั่งยืนปี 2573 (2030 Agenda for Sustainable Development) การช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาที่กำลังเผชิญกับผลกระทบจากการก่อภาระหนี้สินเพื่อการพัฒนา การดำเนินงานตามข้อริเริ่มด้านการค้าอิเล็กทรอนิกส์เพื่อทุกคน (eTrade for All Initiative) เป็นต้นซึ่ง ITD หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการประชุมครั้งนี้จะกระตุ้นให้ประเทศต่างๆ ผลักดันนโยบายที่เกี่ยวข้อง และก่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมได้ในอนาคต"