ดร.ธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เผยว่า การยางแห่งประเทศไทยต้องการพัฒนาคุณภาพยางพาราของไทยทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแปรรูปขั้นกลางเป็นยางแผ่นรมควัน ซึ่งในแต่ละปีมีปริมาณการส่งออกยางแผ่นรมควันหลายล้านบาท ในปี 2558 ที่ผ่านมา ประเทศไทยส่งออกยางแผ่นรมควันประมาณ 6.4 แสนตัน คิดเป็นมูลค่า 35,628 ล้านบาท เพื่อให้คุณภาพของยางแผ่นรมควันได้มาตรฐานสากล กยท. ในฐานะหน่วยงานผู้ดูแลยางพาราทั้งระบบครบวงจร ได้มีการออกใบรับรองมาตรฐาน GMP ให้กับโรงงานผลิตยางแผ่นรมควัน โดยผ่านกระบวนการตรวจสอบตามมาตรฐานสินค้าเกษตร มกษ. 5906-2556 เรื่องการปฏิบัติที่ดีสำหรับการผลิตยางแผ่นรมควัน (GOOD MANUFACTURING PRACTICES FOR RIBBED SMOKED SHEET) จากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ในเรื่องอุตสาหกรรมยาง ของ กยท. เริ่มตั้งแต่น้ำยางที่กรีดลงถ้วย ภาชนะที่ใส่ การรีดยาง การรมควัน คัดชั้นคุณภาพ การบรรจุ และขนส่ง ทุกขั้นตอนจะถูกควบคุมอย่างละเอียด
ขณะนี้ กยท. ดูแลและส่งเสริมการดำเนินงานธุรกิจแปรรูปด้วยการสร้างโรงอบ/รมยางของสหกรณ์กองทุนสวนยาง ทั่วประเทศ จำนวน 176 แห่ง และ จังหวัดตรัง เป็นหนึ่งในลำดับต้นๆ ของประเทศที่มีสหกรณ์ดำเนินธุรกิจในการแปรรูปยางแผ่นรมควันมากถึงจำนวน 30 สหกรณ์ นับว่าเป็นจังหวัดตัวอย่างที่เกษตรกรและสถาบันเกษตรมีความต้องการยกระดับสินค้าของตนเอง พร้อมรับเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบตามมาตรฐาน GMP ยางแผ่นรมควัน ล่าสุด กยท. ได้ให้การตรวจรับรองมาตรฐาน GMP โรงงานยางแผ่นรมควันและผ่านการรับรองแล้ว จำนวน 5 สหกรณ์ ได้แก่ สหกรณ์กองทุนสวนยางโพธิ์โทน จำกัด สหกรณ์กองทุนสวนยางวังคีรี จำกัด สหกรณ์กองทุนสวนยางคลองปาง จำกัดสหกรณ์กองทุนสวนยางหนองบัว จำกัด และสหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านหนองศรีจันทร์ จำกัด ทั้ง 5 สหกรณ์ดังกล่าว ได้ใช้เวลาในการประเมินอย่างเข้มงวดมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 เดือน ส่งผลให้แผ่นยางที่มาจากทั้ง 5 สหกรณ์ มีมาตรฐานที่ใกล้เคียงกันทั้งความกว้าง ความยาว ความหนา และน้ำหนัก รวมทั้งลักษณะภายนอกอื่นๆ เป็นการยกระดับมาตรฐานยางแผ่นรมควันเกรดพรีเมี่ยม และยังคงมีสหกรณ์กองทุนสวนยางอีก 25 สหกรณ์ที่พร้อมจะให้ทาง กยท. เข้าตรวจให้การรับรองมาตรฐาน GMP ตามแนวทางที่จะให้ทั้งจังหวัดทำยางเกรดพรีเมี่ยมมาตรฐาน GMP
ทั้งนี้การผลักดันโรงงานผลิตยางแผ่นรมควันและโรงงานยางอัดก้อนให้ได้ตามมาตรฐาน GMP เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางจะได้รับประโยชน์ทั้งในเรื่องผลิตยางที่มีคุณภาพดี ภายใต้โรงงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล สามารถต่อรองราคาสินค้าในราคาที่สูงขึ้นได้ และยังส่งผลถึงผู้ประกอบการที่รับซื้อยางก็จะมีความมั่นใจในกระบวนการผลิต และการจัดเก็บ พร้อมทั้งมีความสะดวกในการรับซื้อมากขึ้น ซึ่งทาง กยท. จะเข้าไปตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เกษตรกรรักษาคุณภาพยางให้ได้ตามมาตรฐานพรีเมี่ยมที่กำหนดไว้
กยท. MOU ร่วม บ.ไทยอีสเทิร์น สร้างสมดุลระบบยาง หนุนตลาดรองรับผลผลิตที่เป็นธรรม
กยท. เยือนท่าเรือชิงเต่า ศึกษาระบบบริหารจัดการฯ มุ่งสนับสนุนสถาบันเกษตรกรฯ ผ่านการปั้น "แบรนด์ RAOT" สู่ตลาดโลก
พร้อมแล้ว! ทุนปลูกแทนปีงบฯ 69 กยท. เปิดรับคำขอฯ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. - 31 มี.ค. 69 สนับสนุนเกษตรกรเพื่อการปลูกแทนสู่ความยั่งยืน
กยท. จับมือ นอร์ทอีส รับเบอร์ ลงนาม MOU บริหารจัดการผลผลิตยาง 200,000 ตันต่อปี
กยท. ร่วมมหกรรมเกษตรในร่มที่ใหญ่ที่สุดในไทย "FARM EXPO 2025" จัดเต็ม !! เนรมิตพื้นที่แสดงผลงาน ชู "ขับเคลื่อนนวัตกรรม ยางพาราไทย สู่โลกอนาคต
กยท. ร่วมเฝ้าฯ รับเสด็จ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ พร้อมคว้ารางวัลพระราชทาน ในงาน"ของดีเมืองนราฯ 68"
กยท. ยกทัพร่วมเปิดงาน 9.9 Global Business Linkage Festival ณ กรุงปักกิ่ง
กยท. จัดสรรงบ 2,800 ลบ. หนุนชาวสวนยางที่ยื่นขอโค่นยางฯ ด้วยทุนตนเองไว้แล้ว ตั้งเป้าอนุมัติสวนครบ - พร้อมจ่ายเงิน ภายใน 15 ก.ย. นี้
กยท. พร้อมเคียงข้างชาวสวนยาง ก้าวผ่านวิกฤต 'พายุวิภา' ไปด้วยกัน ย้ำ! เตรียมเยียวยาสวนยางเสียสภาพสวนหลังน้ำลด