CPL ลั่นพ้นจุดต่ำสุด หลังไตรมาสแรกกำไรพุ่ง 47 ล้านบาท รับอานิสงส์ยอดขายแพงโกลินทุบสถิติสูงสุด-ธุรกิจฟอกหนังกลับมาทำกำไร ตั้งเป้า 3 ปี ดันรายได้แตะ 3 พันล้าน

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          CPL เผยผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2560 พลิกขาดทุนเป็นกำไร 47 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 72 ล้านบาท ขณะที่รายได้แตะ 541 ล้านบาท ผู้บริหารมั่นใจธุรกิจฟอกหนังพ้นจุดต่ำสุดแล้ว ชี้รับปัจจัยบวก จากการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ หลังรับโอนกิจการธุรกิจเซฟตี้โปรดักส์ทั้งหมดจาก "แพงโกลิน" โดยในช่วง 3 เดือนแรก ยอดขายสินค้าแพงโกลินทำสถิติสูงสุดใหม่ ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้คู่ค้าทยอยส่งออเดอร์ผลิตหนังฟอกสำเร็จรูปอย่างต่อเนื่อง ส่งผลธุรกิจฟอกหนังกลับมาทำกำไรได้ตามปกติ และบริษัทฯ ไม่มีผลขาดทุนจากการตัดขายหนังชั้นท้องในสต็อกแล้ว มั่นใจปีนี้ภาพรวมธุรกิจคึกคักขึ้น ตั้งเป้า 3 ปี ดันรายได้แตะ 3 พันล้านบาท
          นายสุวัชชัย วงษ์เจริญสิน ประธานกรรมการ บริษัท ซีพีแอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CPL ผู้นำอุตสาหกรรมฟอกหนังสำเร็จรูปรายใหญ่ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นกิจการในกลุ่มบริษัทเจริญสิน เปิดเผยผลประกอบการของบริษัทฯ ประจำไตรมาสแรก (มกราคมถึงมีนาคม) ปี 2560 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 541 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 147 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72 ล้านบาท โดยพลิกจากที่เคยขาดทุนสุทธิ 25 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2559 ที่ผ่านมา 
          สำหรับปัจจัยที่ทำให้ผลประกอบการไตรมาสแรกปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมานั้น มาจากปัจจัยหลัก 4 ประการ ได้แก่ การปรับโครงสร้างบริษัทฯ ด้วยการรับโอนกิจการทั้งหมดของบริษัท แพงโกลิน เซฟตี้ โปรดักส์ จำกัด ทำให้ CPL รับรู้รายได้ของแพงโกลินเข้ามาในงบการเงินของบริษัทฯ ทั้งจำนวน โดยในไตรมาสแรกที่ผ่านมา สินค้าเซฟตี้โปรดักส์ของแพงโกสินมียอดขายสูงสุดสร้างสถิติใหม่ (New High) นอกจากนี้ ธุรกิจฟอกหนังยังกลับมามีกำไรได้อีกครั้ง หลังจากในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจโลกมีสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นเป็นลำดับ ทำให้ลูกค้าของ CPL ซึ่งอยู่ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปต่างก็ทยอยส่งคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้ปรับปรุงระบบการจัดการภายใน เพื่อขจัดอุปสรรคและลดโอกาสขาดทุน โดยเฉพาะในไตรมาสแรกนี้ บริษัทฯ ไม่มีผลขาดทุนจากการขายหนังชั้นท้องเพื่อผลิตเป็นหนังกลับในสต็อกที่ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว รวมทั้งบริษัทฯ ยังมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอีกด้วย
          "จากการผลการดำเนินงานไตรมาสแรกที่ผ่านมา ทำให้เรามั่นใจว่า อุตสาหกรรมฟอกหนังได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับปี 2559 ซึ่งเกิดความผันผวนทั้งกับเศรษฐกิจโลกและยังมีปัจจัยการเมืองระหว่างประเทศแทรกซ้อน ทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวมชะลอลง แต่ ณ เวลานี้ เราเชื่อว่าสถานการณ์พลิกกลับไปในทิศทางที่ดีขึ้นแล้ว สภาพเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น ลูกค้าแบรนด์เนมต่างๆ เริ่มทยอยสั่งสินค้าและขายสินค้าได้มากขึ้น ทำให้ CPL ได้รับคำสั่งซื้อที่คาดว่าจะอยู่ในเกณฑ์ปกติ ทำให้บริษัทฯ มีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น ขณะที่การรับโอนกิจการแพงโกลิน ทำให้บริษัทฯ มีสินค้าในตลาดเครื่องมือเครื่องใช้ทางด้านความปลอดภัย ทำให้การรับรู้รายได้เป็นไปในทางบวกมากขึ้น และสามารถดำเนินกิจกรรมทางการตลาดได้มากขึ้น ทั้งหมดนี้ทำให้ CPL ตั้งเป้าว่า ภายใน 3 ปีนี้ บริษัทฯ จะมีรายได้แตะระดับ 3 พันล้านบาทได้อย่างแน่นอน" นายสุวัชชัยกล่าว 
          ในส่วนของการลดอุปสรรคเกี่ยวกับสต็อกสินค้า ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ ต้องรับรู้ผลขาดทุนจากการขายหนังชั้นท้องในสต็อกนั้น บริษัทฯ ได้ดำเนินการผ่านบริษัท อินทิเกรเต็ด เลเธอร์ เน็ตเวอร์ค จำกัด หรือ ILN ที่ CPL จัดตั้งขึ้นร่วมกับพันธมิตร โดย CPL ถือหุ้น 40% ทั้งนี้ ILN จะทำหน้าที่ในการสต็อกสินค้าและจัดจำหน่ายหนังทุกประเภทให้กับลูกค้าทั่วภูมิภาค ซึ่งผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของ ILN ก็สามารถทำกำไรได้อย่างน่าพอใจเช่นกัน
          ประธานกรรมการ CPL กล่าวต่อว่า ส่วนการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในปีนี้นั้น บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะใช้เงินลงทุนเพื่อพัฒนาและขยายฐานการผลิต พร้อมทั้งปรับปรุงระบบการผลิตให้มีความสะดวกรวดเร็ว และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้เพื่อให้ CPL เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมฟอกหนังและจัดจำหน่ายหนังฟอกที่มีความหลากหลายและมีปริมาณมากที่สุดในประเทศ
CPL ลั่นพ้นจุดต่ำสุด หลังไตรมาสแรกกำไรพุ่ง 47 ล้านบาท รับอานิสงส์ยอดขายแพงโกลินทุบสถิติสูงสุด-ธุรกิจฟอกหนังกลับมาทำกำไร ตั้งเป้า 3 ปี ดันรายได้แตะ 3 พันล้าน
 

ข่าวผลประกอบการไตรมาส+เศรษฐกิจโลกวันนี้

ไทยยูเนี่ยน โกยรายได้ไตรมาส 3/2568 แตะ 3.4 หมื่นลบ. รับกำไรสุทธิปรับปรุง 1,516 ลบ. ดันกำไรต่อหุ้นขยายตัว 12.1% สะท้อนความสามารถในการทำกำไรของบริษัทสดใส

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,304 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า สะท้อนความสามารถในการทำกำไรต่อเนื่อง แม้ภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงมีความท้าทาย โดยมียอดขายรวมอยู่ที่ 34,501 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตของยอดขายแบบ organic sales ได้รับแรงหนุนจากกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแช่แข็ง ขณะที่กำไรสุทธิต่อหุ้นเติบโตเพิ่มขึ้น 12.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ ไทยยูเนี่ยนยังมีกระแสเงินสดแข็งแกร่งต่อเนื่องที่ 4,127

ปักหมุดปี 73 เพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์อาหารมู... "TWPC" โชว์ไตรมาส 1/68 กำไรจากการดำเนินงานหลักพุ่ง 77% สอดรับแผนทรานสฟอร์มองค์กร "Thai Wah 2030" — ปักหมุดปี 73 เพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์อาหารมูลค่าสูงเป็น 2 ...

ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิ... 'AIMIRT' โชว์ผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 68 เติบโตกว่า 50% จ่ายปันผลสูงอย่างต่อเนื่อง' — ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เ...

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริ... KTAM ส่งกองทุนผสมเสริมพอร์ตพร้อมลดหย่อนภาษี "KTWC Moderate RMF" IPO 24-31 ต.ค.นี้ — นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุ...

กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและยานยนต์โตเด่น ดันร... อลจี โชว์ฟอร์มแกร่ง เผยผลประกอบการไตรมาส 3 ประจำปี 2568 — กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและยานยนต์โตเด่น ดันรายได้ทุบสถิติสูงสุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ บริษัท ...

นางสาวชนากานต์ เยี่ยมวิญญะ ผู้ช่วยผู้อำนว... TSE พร้อมรุกพลังงานสะอาด-ธุรกิจสุขภาพ สร้างการเติบโตยั่งยืน — นางสาวชนากานต์ เยี่ยมวิญญะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบัญชี (ขวา) พร้อมด้วย นางสาววีณัชฐย นีรภาพิ...