ฟอร์ติเน็ตแนะองค์กรในเอเชียแปซิฟิกเร่งสร้างความปลอดภัยเชิงการป้องกันภัย

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          ในขณะนี้ ภัยไซเบอร์แรนซัมแวร์ประเภทต้องการเรียกค่าไถ่ Ransomware WannaCry และสายพันธุ์ของภัยแพร่คุกคามในหลายอุตสาหกรรมทั่วโลก ฟอร์ติเน็ตซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงมีข้อแนะนำให้องค์กรต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกลงมือดำเนินการในทันที เพื่อป้องกันอันตรายจากภัยแรนซัมแวร์ที่มีความรุนแรงสูงนี้
          มร. เดวิด มาซียาค ผู้อำนวยการฝ่ายการวิเคราะห์ภัยแห่งฟอร์ติเน็ตกล่าวว่า "ฟอร์ติการ์ต แล็ปส์ ของฟอร์ติเน็ตได้ตรวจสอบและวิเคราะห์ภัยที่รวบรวมได้จากอุปกรณ์เซ็นเซอร์ที่มีอยู่มากกว่าสองล้านชิ้นทั่วโลกอยู่ตลอดเวลา พบว่าแรนซัมแวร์ WannaCry และสายพันธุ์เป็นภัยประเภทต้องการเรียกค่าไถ่มีความรุนแรงสูงเนื่องจากมีคุณสมบัติสามารถจำลองตัวเองได้ ภัยนี้มีชื่อเรียกต่างกัน ได้แก่ WCry, WannaCry, WanaCrypt0r, WannaCrypt และ Wana Decrypt0r ภัยนี้เกิดจากจุดอ่อนของระบบ NSA Exploit ที่ชื่อ ETERNALBLUE ที่หลุดออกมาแพร่กระจายในโลกออนไลน์เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้ โดยเกิดจากกลุ่มแฮกเกอร์ที่ชื่อ The Shadow Brokers ซึ่ง ETERNALBLUE ใช้ช่องโหว่ในโปรโตคอล Microsoft Server Message Block 1.0 (SMBv1)"
          "WannaCry ได้แทรกซึมเข้าไปในองค์กรหลายพันแห่งทั่วโลกรวมถึงสถาบันที่สำคัญหลายแห่ง ซึ่งภัยแรนซัมแวร์นี้มีความโดดเด่นที่สามารถเรียกค่าไถ่ได้หลายภาษา และมีการทำงานที่สนับสนุนภาษามากกว่า 24 ภาษา และจากการวิเคราะห์และการติดตามของฟอร์ติเน็ต พบว่าเกิดเหตุการณ์ภัยแรนซัมแวร์โจมตีทุกวัน เฉลี่ยมากกว่า 4,000 ครั้งต่อวัน ตั้งแต่ 1 มกราคมปีคศ. 2016
          ถ้าหากองค์กรของท่านเกิดโชคร้ายโดนภัย WannaCry นี้คุกคามแล้ว ฟอร์ติเน็ตมีข้อแนะนำ ดังนี้
          1. แยกอุปกรณ์ที่ติดแรนซัมแวร์ออกไปทันที หมายถึงให้เอาเครื่องนั้นออกไปจากเครือข่ายโดยทันที เพื่อป้องกันไม่ให้แรนซัมแวร์นั้นแพร่กระจายไปในเครือข่ายหรือแพร่ไปยังไดร้ฟที่แชร์กัน
          2. ถ้าเครือข่ายของท่านเกิดมีภัยนี้กระจายไปแล้ว ให้ปลดอุปกรณ์ทั้งหมดที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายนั้นทันที
          3. ปิดเครื่องอุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบจากแรนซัมแวร์ที่ไม่ได้รับความเสียหายอย่างสมบูรณ์ เพื่อให้ท่านมีเวลาคลีนข้อมูล กู้ข้อมูลที่มีความเสียหายคืน และป้องกันไม่ให้สถานการณ์แย่ลง
          4. สำรองข้อมูลในแบบออฟไลน์ไว้ ทั้งนี้ เมื่อท่านตรวจพบการติดเชื้อ ให้ท่านใช้ระบบสำรองข้อมูลแบบออฟไลน์ รวมทั้งสแกนไฟล์สำรองนั้นเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีมัลแวร์หลงเหลืออยู่
          5. ติดต่อหน่วยงานด้านกฎหมายทันที เพื่อรายงานเหตุการณ์ค่าไถ่และขอความช่วยเหลือต่างๆ
          สำหรับองค์กรที่ได้มีมาตรการรองรับการโจมตีแรนซัมแวร์มาบ้างแล้ว ฟอร์ติเน็ตขอแนะนำให้ผู้ใช้งานและองค์กรดำเนินมาตรการป้องกันดังต่อไปนี้:
          • จัดหาและใช้แพ้ทช์ให้กับระบบปฏิบัติการ ซอฟต์แวร์และเฟิร์มแวร์บนอุปกรณ์ทั้งหมดให้เป็นประจำ และสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีอุปกรณ์ที่ใช้งานอยู่จำนวนมาก ให้พิจารณานำระบบการจัดการแพ้ทช์แบบรวมศูนย์มาใช้
          • ปรับใช้เทคโนโลยีป้องกันภัยคุกคาม (Intrusion Protection System: IPS), แอนตี้ไวรัส (Anti Virus: AV) และระบบกรองเว็ป (Web Filtering) และควรปรับปรุงเทคโนโลยีเหล่านี้ให้ทันสมัยอยู่ตลอดเสมอ
          • สำรองข้อมูลเป็นประจำ ตรวจสอบความสมบูรณ์ของการสำรองข้อมูลเหล่านั้น รวมถึงเข้ารหัสลับและทดสอบกระบวนการกู้คืนของข้อมูล เพื่อให้แน่ใจว่าระบบทั้งหลายทำงานได้อย่างถูกต้อง
          • สแกนอีเมลขาเข้าและขาออกทั้งหมด เพื่อตรวจจับภัยคุกคามและกรองไฟล์อันตรายไม่ให้แพร่ไปถึงผู้ใช้ปลายทาง
          • ตั้งกำหนดการทำงานของโปรแกรมป้องกันไวรัสและโปรแกรมป้องกันมัลแวร์ เพื่อให้เครื่องทำการสแกนตามปกติโดยอัตโนมัติ
          • ปิดใช้งานแมโครสคริปต์ในไฟล์ที่ส่งผ่านทางอีเมล์ และควรพิจารณาใช้ทูลส์ เช่น Office Viewer เพื่อเปิดไฟล์ Microsoft Office ที่แนบมา แทนที่จะใช้ชุดโปรแกรม Office Suite ของแอปพลิเคชั่น
          • สร้างและกำหนดกลยุทธ์ในด้านความต่อเนื่องทางธุรกิจและกลยุทธ์ในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และควรประเมินความเสี่ยงในด้านต่างๆ ให้เป็นประจำ
          เดวิดกล่าวเพิ่มเติมว่า "ฟอร์ติเน็ตจัดการกับปัญหาภัยคุกคามสมัยใหม่ที่เข้ามาคุกคามองค์กรต่างๆ ในหลายรูปแบบด้วยผืนซีเคียวริตี้แฟบริค ผืนผ้าแห่งความปลอดภัยที่รวมเซ็นเซอร์และทูลส์นานาประเภท ที่ทำหน้าที่รวบรวม ประสาน และโต้ตอบพฤติกรรมที่เป็นอันตรายเมื่อใดที่เกิดภัยขึ้น ทั้งนี้ ฟอร์ติเน็ตเห็นว่า การที่องค์กรสามารถควบคุมและใช้ทรัพยากรการป้องกันไซเบอร์ทั้งหมดในรูปแบบที่ประสานกันได้เท่านั้น จึงจะมีประสิทธิภาพและศักยภาพมากพอ ในการต่อสู้กับภัยไซเบอร์เช่น WannaCry ได้"

ฟอร์ติเน็ตแนะองค์กรในเอเชียแปซิฟิกเร่งสร้างความปลอดภัยเชิงการป้องกันภัย

ข่าวรักษาความปลอดภัย+เอเชียแปซิฟิกวันนี้

พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ คาดการณ์ความปลอดภัยไซเบอร์: ทิศทางในปี 2568 และอนาคตข้างหน้า

วันนี้ พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ ผู้นำระดับโลกด้านระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ เผยแพร่รายงานการคาดการณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคประจำปี 2568 โดยย้ำถึงแนวโน้มสำคัญ 5 ประการที่ผู้ปฏิบัติงานด้านไซเบอร์พึงระวังในอีก 12 เดือนข้างหน้า เพื่อเตรียมความพร้อมให้องค์กรมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น ในปี 2567 องค์กรต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต่างเน้นย้ำในเรื่องการนำ AI เข้ามาใช้ในกระบวนการธุรกิจ ซึ่งรวมถึงกระบวนการด้านระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ที่ทั้งองค์กรและคนร้ายหันไปพึ่งพา AI

บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ... ซินเน็คฯ จับมือแอกซิส คอมมิวนิเคชั่นส์ ขยายตลาดเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะในประเทศไทย — บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ดิสทริบิวเตอร์ผู้นำด้านไ...

ผลสำรวจฉบับใหม่จากแคสเปอร์สกี้ (Kaspersky... Kaspersky เผย องค์กรธุรกิจใน APAC เกินครึ่ง เลือกลงทุนเอ้าต์ซอร์สด้านความปลอดภัยไซเบอร์ — ผลสำรวจฉบับใหม่จากแคสเปอร์สกี้ (Kaspersky) ระบุว่า ผู้นำองค์กรต่...

การละเมิดนโยบายความปลอดภัยของข้อมูลองค์กร... Kaspersky เผย การละเมิดความปลอดภัยข้อมูลโดยพนักงานใน APAC อันตรายพอๆ กับการโดนแฮก — การละเมิดนโยบายความปลอดภัยของข้อมูลองค์กรโดยพนักงานนั้นอันตรายพอๆ กับก...

ผลการวิจัยของแคสเปอร์สกี้ระบุว่า ความกังว... รายงานแคสเปอร์สกี้ระบุองค์กรอุตฯ เกือบ 40% กังวลความปลอดภัยไซเบอร์ขวางแผนดิจิทัล — ผลการวิจัยของแคสเปอร์สกี้ระบุว่า ความกังวลด้านความปลอดภัยไซเบอร์กลายเป็...

Secutech Thailand 2025 ปักหมุดศูนย์การประ... Secutech Thailand 2025 ปักหมุดศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 5-7 พฤศจิกายน 2568 — Secutech Thailand 2025 ปักหมุดศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สถานที่จั...