กองทุน KTSE เน้นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนแก่นักลงทุนอย่างสม่ำเสมอไม่ว่าจะผ่านการจ่ายเงินปันผล หรือการเติบโตของเงินลงทุน ซึ่งในปีนี้ได้มีการจ่ายปันผลไปแล้วถึง 3 ครั้ง เป็นจำนวน 1.50 บาท หรือคิดเป็นประมาณ 10% ของมูลค่า NAVโดยกองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนในหลักทรัพย์เป็นรายตัว โดยเฉพาะหลักทรัพย์ขนาดกลาง และเล็ก ที่มีอัตราการเจริญเติบโตที่สูง และสามารถเติบโตในอนาคตท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน ที่ธุรกิจได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หรืออาจจะมีอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทที่สามารถปรับตัว ให้เข้ากับสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ จะได้รับประโยชน์มากที่สุด ทั้งนี้ สภาวะเศรษฐกิจของไทยเริ่มที่จะมีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยธนาคารแห่งประเทศไทยมีการปรับตัวเลข GDP ของไทยขึ้นจาก 3.5% เป็น 3.8% รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจของโลกเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของตลาดพัฒนาแล้ว รวมถึงจีนเองเช่นเดียวกัน
ด้านตลาดหุ้นไทย บริษัทคาดการณ์การเติบโตในปีหน้าไว้ที่ 10% คิดเป็น EPS ราว 108 บาท/หุ้น คิดด้วย PE 16.5 เท่า จะได้ดัชนีราว 1,770 จุด ระยะสั้นราคาได้ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจากเงินทุนไหลเข้าระยะสั้น ทำให้อาจมีแรงขายทำกำไรสร้างความผันผวนบ้าง แต่ในระยะยาว การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เม็ดเงินลงทุนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคการท่องเที่ยวที่ยังคงแข็งแกร่ง และภาวะดอกเบี้ยต่ำ น่าจะช่วยผลักดันดัชนีให้เพิ่มสูงขึ้นได้ โดยกลยุทธ์การลงทุนจะยังเน้นสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดหุ้นเป็นหลักและตราสารหนี้ระยะสั้น โดยคาดว่าดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับขึ้น แบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น จากผลกำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดพัฒนาแล้ว และตลาดเกิดใหม่ ที่เริ่มอยู่ในระดับสูงและจะทำจุดสูงสุดใหม่หากการเติบโตยังมีอย่างต่อเนื่อง
ส่วนกองทุน KT-CLMVT มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ในกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งประกอบไปด้วย ประเทศสมาชิกใหม่ของอาเซียน ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนามและไทย ที่มีการลงทุนหรือรายได้จากประเทศในกลุ่ม CLMV สำหรับผลตอบแทนในอนาคต กองทุนมีโอกาสในการสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว เนื่องจากประเทศ CLMV เป็นกลุ่มประเทศชายขอบ หรือ Frontier Countries ซึ่งกำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลกอย่างมาก อีกทั้งเศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดด มีโครงสร้างประชากรในวัยแรงงานสูง และการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามการขยายตัวของชนชั้นกลางและสังคมเมือง อย่างไรก็ดี การลงทุนในประเทศเหล่านี้ยังมีอุปสรรคในการเข้าถึงข้อมูล ดังนั้นบริษัทจึงได้จัดตั้งทีมงานเพื่อลงทุนในประเทศเหล่านี้โดยเฉพาะ ซึ่งประกอบไปด้วย ทีมผู้จัดการกองทุนและทีมนักวิเคราะห์ของบริษัท และมีการลงพื้นที่พบปะกับผู้บริหารอย่างสม่ำเสมอ โดยก่อนจัดตั้งกองทุนบริษัทได้ลงพื้นที่เพื่อทำการวิเคราะห์การลงทุนในตลาดCLMV เป็นระยะเวลาเกือบ 2 ปี เพื่อสร้างความมั่นใจต่อการลงทุน ทั้งยังติดตามภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์ของบริษัทในตลาดอย่างต่อเนื่อง
โดยในเดือนที่ผ่านมาทีมผู้จัดการกองทุนได้ทำการลงพื้นที่ในเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่กองทุนให้ความสำคัญค่อนข้างมาก ปัจจุบันมีสัดส่วนการลงทุนประมาณ 40 % ของ NAV ซึ่งจากการลงพื้นที่ดังกล่าว บริษัทยังคงเห็นว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดย GDP ปีนี้คาดว่าเพิ่มขึ้นประมาณ 6.5% กองทุนนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ลงทุนในระยะยาว ที่ต้องการลงทุนในประเทศเกิดใหม่เหล่านี้ โดยมีผู้เชี่ยวชาญบริหารเงินลงทุนให้กับท่าน
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน และผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
KTAM เอาใจสายลงทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี เปิด"KT-PRECIOUS RMF IPO 18-24 ธ.ค.นี้ เสริมพอร์ตด้วยสินทรัพย์ Real Value
บลจ.ทิสโก้เพิ่มทุน "TWORLD" เป็น 8,000 ล้านบาท รับความต้องการลูกค้า - ใช้เป็นกองทุนหลักของพอร์ต ลงทุนหุ้นโลก
บลจ.จิตตะ เวลธ์ คว้ารางวัลจาก ก.ล.ต. ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ย้ำภารกิจสร้างความมั่งคั่งให้คนไทยด้วยความรู้และเทคโนโลยี
KTAM เตรียมจ่ายปันผลและลดทุน กลุ่มกองทุนอสังหาฯ-อินฟราฯ Q3 ปี 68 กว่า 1.1 พันล้านบาท ในวันที่ 15 ธ.ค. และ 25 ธ.ค. นี้
KTAM มองโอกาสจากตราสารหนี้ทั่วโลก เสนอขาย "KTWC-INCOME RMF" IPO 11-17 ธ.ค.นี้ พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
บลจ.ทิสโก้ ปลื้ม ! กองทุน TGSMART กระแสตอบรับดี ประกาศเพิ่มทุนเป็น 4,000 ล้านบาท
บลจ.ทิสโก้ ตัวจริงเรื่องทริกเกอร์ฟันด์ บริหาร กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลด์ ทริกเกอร์ 5M#1 ถึงเป้าหมายใน 25 วัน
ธปท.แต่งตั้ง บลจ.ทิสโก้ ร่วมบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
BBLAM เสนอขาย IPO 'กองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 10/25' วันที่ 3-8 ธ.ค. 2568