TASCO เด้งรับสุดตัว! สนองรับนโยบายรัฐบาลมาเลเซีย ลุยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โครงการPan Borneo Project มุ่งพัฒนามาเลเซียตะวันออก บิ๊กโปรเจ็กต์ระหว่างปี 2561-2565 สร้างถนนยางมะตอยสายหลัก เดินหน้าจับมือพันธมิตรที่แข็งแกร่งในพื้นที่ ตั้งบริษัทร่วมทุน-สร้างคลังเก็บยางมะตอย มั่นใจช่วยผลักดันยอดขายยางมะตอยในปี 2561
นายชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) (TASCO) เปิดเผยถึงโครงการ Pan Borneo Project ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องระยะยาวตั้งแต่ปี (2561-2565) ที่รัฐบาลประเทศมาเลเซียจะนำมาใช้ในพัฒนาประเทศโครงสร้างพื้นฐานในฝั่ง "มาเลเซียตะวันออก (East Malaysia)" โดยได้รวมเอางบประมาณในการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานเข้าไว้ด้วยกัน
"เราเชื่อว่าโครงการ Pan Borneo Project จะผลักดันให้เกิดการใช้งานยางมะตอยในมาเลเซียตะวันออกเพิ่มขึ้นอีกกว่าเท่าตัวจากปกติมีการใช้งานยางมะตอยเฉลี่ยประมาณ 80,000-90,000 ตันต่อปี ดังนั้นบริษัทฯ จึงจะใช้โอกาสนี้ในการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า โดยการลงนามจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) แห่งใหม่ชื่อ Borneo Asphaslt Sbn Bhd ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง Kemaman Bitumen Company Sdn Bhd (KBC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของTASCO ที่ดำเนินธุรกิจโรงกลั่นยางมะตอยของ TASCO ในประเทศมาเลเซียและ Senari Synergy Sdn Bhd (Senari) ซึ่งเป็นเจ้าของท่าเรือและคลังน้ำมัน จะช่วยในเรื่องการจัดจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ใช้ยางมะตอยท้องถิ่นในพื้นที่ "มาเลเซียตะวันออก" โดยที่ KBC จะถือหุ้น 50% และอีก 50% ถือโดย Senari โดยมีทุนจดทะเบียน 10 ริงกิตมาเลเซีย (ประมาณ 78 ล้านบาท) ซึ่งบริษัทลูกแห่งใหม่นี้ (Borneo Asphaslt Sbn Bhd) จะทำหน้าที่ตัวแทนจำหน่ายและจัดสร้างคลังเก็บยางมะตอย ขนาด 4,000 ตัน" นายชัยวัฒน์กล่าว
"เชื่อว่าโครงการ Pan Borneo Project จะช่วยผลักดันให้ยอดขายยางมะตอยสำหรับตลาดต่างประเทศ ในปี 2561เป็นไปตามแผนที่วางเป้าหมายไว้ เช่นเดียวกับแผนในการลงทุนสร้างคลังและโรงงานผลิฅยางมะฅอยในประเทศในภูมิภาคเอเซียฅะวันออกเฉียงใฅ้ภายในปี 2560"นายชัยวัฒน์กล่าวในที่สุด
นายชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) (TASCO) เปิดเผยถึงโครงการ Pan Borneo Project ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องระยะยาวตั้งแต่ปี (2561-2565) ที่รัฐบาลประเทศมาเลเซียจะนำมาใช้ในพัฒนาประเทศโครงสร้างพื้นฐานในฝั่ง "มาเลเซียตะวันออก (East Malaysia)" โดยได้รวมเอางบประมาณในการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานเข้าไว้ด้วยกัน
"เราเชื่อว่าโครงการ Pan Borneo Project จะผลักดันให้เกิดการใช้งานยางมะตอยในมาเลเซียตะวันออกเพิ่มขึ้นอีกกว่าเท่าตัวจากปกติมีการใช้งานยางมะตอยเฉลี่ยประมาณ 80,000-90,000 ตันต่อปี ดังนั้นบริษัทฯ จึงจะใช้โอกาสนี้ในการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า โดยการลงนามจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) แห่งใหม่ชื่อ Borneo Asphaslt Sbn Bhd ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง Kemaman Bitumen Company Sdn Bhd (KBC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของTASCO ที่ดำเนินธุรกิจโรงกลั่นยางมะตอยของ TASCO ในประเทศมาเลเซียและ Senari Synergy Sdn Bhd (Senari) ซึ่งเป็นเจ้าของท่าเรือและคลังน้ำมัน จะช่วยในเรื่องการจัดจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ใช้ยางมะตอยท้องถิ่นในพื้นที่ "มาเลเซียตะวันออก" โดยที่ KBC จะถือหุ้น 50% และอีก 50% ถือโดย Senari โดยมีทุนจดทะเบียน 10 ริงกิตมาเลเซีย (ประมาณ 78 ล้านบาท) ซึ่งบริษัทลูกแห่งใหม่นี้ (Borneo Asphaslt Sbn Bhd) จะทำหน้าที่ตัวแทนจำหน่ายและจัดสร้างคลังเก็บยางมะตอย ขนาด 4,000 ตัน" นายชัยวัฒน์กล่าว
"เชื่อว่าโครงการ Pan Borneo Project จะช่วยผลักดันให้ยอดขายยางมะตอยสำหรับตลาดต่างประเทศ ในปี 2561เป็นไปตามแผนที่วางเป้าหมายไว้ เช่นเดียวกับแผนในการลงทุนสร้างคลังและโรงงานผลิฅยางมะฅอยในประเทศในภูมิภาคเอเซียฅะวันออกเฉียงใฅ้ภายในปี 2560"นายชัยวัฒน์กล่าวในที่สุด
TASCO เผยยอดขายยางมะตอย ไตรมาสที่ 2 เฉียด 2.8 แสนตัน กำไรสุทธิ 400 ล้านบาท
TASCO เผยยอดขายยางมะตอย ไตรมาสที่ 1 เฉียด 3 แสนตัน กำไรสุทธิ 444 ล้านบาท
ผู้ถือหุ้น TASCO ไฟเขียวจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.90 บาท/หุ้น
TASCO เผยยอดขายยางมะตอยรวมปี 2567 ทะลุ 1.1 ล้านตัน กำไรสุทธิ 1,417 ล้านบาท
TASCO เผยยอดขายยางมะตอยไตรมาส 3 อยู่ที่ 3.35 แสนตัน กำไรสุทธิ 735 ลบ. จากความต้องการยางมะตอยในประเทศปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
TASCO กำไรไตรมาส 2/2567 จำนวน 99 ล้านบาท ได้รับผลกระทบจากการเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้าตามคาด
TASCO บุ๊กงบ Q3/66 มีกำไร 202 ล้านบาท เป็นไปตามสภาวะตลาด
TASCO ร่วมงาน Thailand Focus โชว์ศักยภาพของบริษัทฯ สร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนสถาบันทั้งใน-ต่างประเทศ
TASCO บุ๊คงบ Q2/66 มีกำไร 744 ล้านบาท บอร์ดใจดี อนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.25 บาทต่อหุ้น