ฟิทช์จัดอันดับเครดิตภายในประเทศหุ้นกู้ชุดใหม่ของ บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย ที่ระดับ 'A(tha)’

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

           บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศจัดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long Term Rating) หุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิชุดใหม่ของ บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย หรือ SCC (ซึ่งมีอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ 'A(tha)' แนวโน้มเครดิตเป็นบวก) มูลค่ารวม 3.5 หมื่นล้านบาท ที่ระดับ 'A(tha)' โดยหุ้นกู้ดังกล่าวมีจำนวนสองชุด ได้แก่ ชุดที่ 2/2560 จำนวน 1.0 หมื่นล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2567 และชุดที่ 3/2560 จำนวน2.5 หมื่นล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2564 
          เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้จะนำไปใช้สำหรับชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดและใช้สำหรับการลงทุนในอนาคต หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ SCC เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวมีสถานะเท่าเทียมกับหนี้ไม่มีหลักประกัน และไม่ด้อยสิทธิของ SCC 

          ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
          อัตราส่วนหนี้สินยังเป็นไปตามที่คาด – ฟิทช์คาดว่า SCC จะสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (FFO adjusted net leverage) ไว้ได้ในระดับต่ำกว่า 2.8 เท่า แม้ว่าบริษัทฯ มีการใช้เงินลงทุนที่สูงกว่าที่คาดในโครงการปิโตรเคมีในประเทศเวียดนาม (Long Son Petrochemicals Project หรือ LSP) โดยกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปี 2560 เป็นไปตามที่ฟิทช์คาดไว้ อัตราส่วนหนี้สินในปัจจุบันที่อยู่ในระดับต่ำที่ระดับ 2.0 เท่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2560 น่าจะช่วยทำให้ SCC สามารถรองรับแผนการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนจำนวน 2.5-2.6 แสนล้านบาท ในช่วงห้าปีข้างหน้า ซึ่งรวมถึงโครงการ LSP ได้โดยที่อัตราส่วนหนี้สินไม่เพิ่มสูงขึ้นจนกระทบอันดับเครดิต
          SCC จะยังคงแผนการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนในช่วงห้าปีข้างหน้าที่ระดับเดิม ฟิทช์คาดว่าบริษัทฯ น่าจะต้องมีปรับเปลี่ยน เลื่อน หรือ ยกเลิก แผนการลงทุนในบางโครงการ เนื่องจากเงินลงทุนในโครงการ LSP อยู่ที่ประมาณ 1.9 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 70 ของแผนการใช้จ่ายลงทุนทั้งหมดในช่วงห้าปีข้างหน้า โดย SCC มีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนแผนการลงทุน เนื่องจากแผนการลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่ได้กำหนดแน่นอน เช่น แผนการขยายกำลังการผลิตในโรงงานเดิม หรือการเข้าซื้อกิจการ อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายลงทุนที่สูงขึ้นเกินกว่าที่ฟิทช์คาดไว้อย่างมีนัยสำคัญ อาจมีผลกระทบต่ออันดับเครดิตได้ 
          การกระจายความเสี่ยงในภูมิศาสตร์ที่ดีขึ้น – แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นบวกสะท้อนถึงมุมมองของฟิทช์ต่อสถานะทางธุรกิจของ SCC ที่ดีขึ้นจากการขยายกำลังการผลิตและการลงทุนในภูมิภาค ซึ่งเมื่อสัดส่วนของกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในภูมิภาคเหล่านี้เพิ่มขึ้นจนมีนัยสำคัญต่อกระแสเงินสดโดยรวม จะช่วยสนับสนุนให้สถานะทางธุรกิจและการเงินของ SCC แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยสัดส่วนของกำลังการผลิตปูนซีเมนต์นอกประเทศไทยต่อกำลังการผลิตทั้งหมดของ SCC น่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 31 ในปี 2560 จากร้อยละ 4 ในปี 2557 นอกจากนี้ อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคน่าจะอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนกำไรจากการส่งออกจากประเทศไทย
          โครงการ LSP น่าจะช่วยเพิ่มการกระจายความเสี่ยงในธุรกิจของ SCC ให้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นโครงการปิโตรเคมีครบวงจรขนาดใหญ่ในต่างประเทศ โดยโครงการ LSP จะทำให้ SCC มีกำลังการผลิตโอเลฟินส์ เพิ่มขึ้นประมาณ 1.6 ล้านตันต่อปี จากเดิมที่มีกำลังการผลิตประมาณ 3.1 ล้านตันต่อปี (ไม่รวมโรงงานที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งอยู่ภายใต้บริษัทร่วม) ฟิทช์คาดว่า โครงการ LSP จะช่วยขยายขนาดของธุรกิจและสร้างผลประโยชน์ทางการค้าอื่นๆ ให้กับ SCC ในระยะยาว อย่างไรก็ตาม โครงการนี้จะยังไม่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้ในระยะเวลาอันใกล้ เนื่องจากการก่อสร้างโรงงานคาดว่าต้องใช้เวลาก่อนสร้างประมาณ 4.5 ปี
          การกระจายความเสี่ยงในหลากหลายธุรกิจ – อันดับเครดิตของ SCC ยังได้รับการสนับสนุนจากการที่บริษัทฯ มีแหล่งที่มาของรายได้จากธุรกิจหลักที่หลากหลาย ได้แก่ ธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง ธุรกิจเคมีภัณฑ์ และธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ซึ่งมีส่วนช่วยให้กระแสเงินสดของบริษัทฯ มีความสม่ำเสมอมากขึ้น รวมถึงลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น ในปี 2558-2559 เป็นช่วงวงจรธุรกิจขาขึ้นของอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ ซึ่งส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทฯ และช่วยชดเชยผลกระทบที่เกิดขึ้นจากอุปสงค์ที่อ่อนแอของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในประเทศ 
          สถานะความเป็นผู้นำตลาด – SCC เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อันดับเครดิตของ SCC ได้รับการสนับสนุนจากสถานะความเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจหลักของบริษัทฯ โดย SCC มีกำลังการผลิตและส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในกลุ่มสินค้าปูนซีเมนต์ กระเบื้องเซรามิก เคมีภัณฑ์ขั้นปลาย (โพลีโอเลฟินส์และพีวีซี) และกระดาษบรรจุภัณฑ์ ฟิทช์คาดว่า SCC มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่ระดับ 7.5-8.0 หมื่นล้านบาทต่อปี และอัตราส่วนกำไรดังกล่าวต่อรายได้ (EBITDA Margin) ที่ระดับร้อยละ 15-17 ในปี 2560-2562 โดยกำไรส่วนใหญ่ของ SCC ในปี 2560 น่าจะยังคงมาจากธุรกิจเคมีภัณฑ์เป็นหลัก ในขณะที่การฟื้นตัวของธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างน่าจะชัดเจนขึ้นในปี 2561
          ความผันผวนของธุรกิจ – อันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงการที่ SCC ต้องเผชิญกับความผันผวนของธุรกิจเคมีภัณฑ์ ทั้งนี้ SCC มีอิทธิพลในการกำหนดราคาที่จำกัด เนื่องจากสินค้าหลักส่วนใหญ่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งถูกกำหนดราคาโดยอุปสงค์และอุปทานในตลาดโลก

          การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป
          SCC มีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างในประเทศไทย ซึ่งรวมถึง บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) (SCCC, 'A(tha)'/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) และบริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) (TASCO, 'A-(tha)'/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) โดย SCCC และ TASCO ประกอบธุรกิจหลักเพียงอย่างเดียว และ SCCC มีส่วนแบ่งการตลาดในประเทศต่ำกว่าบริษัทฯ ในแง่ของสถานะทางการเงิน SCC มีอัตราส่วนหนี้สินที่สูงกว่า อย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าวสามารถชดเชยได้ด้วยขนาดธุรกิจของ SCC ที่ใหญ่กว่าและการกระจายความเสี่ยงในธุรกิจที่หลากหลายกว่า 

          สมมุติฐานที่สำคัญ
          สมมุติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ
          - รายได้เติบโตในอัตราประมาณร้อยละ 10 ต่อปี ในปี 2560 โดยมาจากธุรกิจเคมีภัณฑ์เป็นหลัก และประมาณร้อยละ 5 ต่อปี ในปี 2561 โดยมาจากธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างเป็นหลัก
          - EBITDA Margin ลดลงมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 15-17 ในปี 2560-2561
          - ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุน 4.5-6 หมื่นล้านบาทต่อปี ในปี 2560-2561
          - อัตราการจ่ายเงินปันผลต่อกำไรสุทธิ (Dividend Payout) ที่ระดับร้อยละ 40-50

          ปัจจัยที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตในอนาคต 
          ปัจจัยบวก: 
          - กระแสเงินสดจากการดำเนินงานในภูมิภาคเพิ่มขึ้นจนมีสัดส่วนที่มีนัยสำคัญต่อกระแสเงินสดรวม โดยยังคงรักษา FFO adjusted net leverage ให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 2.8 เท่า อย่างต่อเนื่อง
          ปัจจัยลบ:
          - แนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับเป็นมีเสถียรภาพ หากปัจจัยบวกดังกล่าวข้างต้นไม่เกิดขึ้น 

          สภาพคล่อง
          สภาพคล่องอยู่ในเกณฑ์ดี: สภาพคล่องของ SCC ได้รับการสนับสนุนจากเงินสดและเงินลงทุนเทียบเท่าเงินสด (ได้รับการปรับปรุงตัวเลขโดยฟิทช์) จำนวน 4.2 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2560 กระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งกว่า 5 หมื่นล้านบาทต่อปี และความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ผ่านตลาดตราสารหนี้ในประเทศรวมถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2560 บริษัทฯ มีหนี้ทั้งหมดจำนวน 1.9 แสนล้านบาท โดยร้อยละ 86 เป็นหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิ สกุลเงินบาท ประมาณร้อยละ 37 ของหนี้ทั้งหมดจะถึงกำหนดชำระในช่วง 12 เดือนข้างหน้า
 
 

ข่าวฟิทช์ เรทติ้งส์+ฟิทช์เรทติ้งส์วันนี้

ฟิทช์เรทติ้งส์: ผลการดำเนินงานของธนาคารไทยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจที่ค่อยๆ ฟื้นตัว

ฟิทช์ เรทติ้งส์ คาดว่าความแข็งแกร่งทางการเงินของตัวธนาคารเอง (standalone profiles) สำหรับธนาคารขนาดใหญ่ในประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอในช่วงปี 2563-2564 กิจกรรมทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นและส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวหรือปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยน่าจะช่วยสนับสนุนรายได้ของธนาคาร ธนาคารได้มีการตั้งสำรองหนี้สูญในระดับสูงต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฟิทช์เชื่อว่าค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองหนี้สูญน่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แม้ว่าค่าใช้ช่าย

ฟิทช์เรทติ้งส์: ธนาคารกสิกรไทยมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากการขยายธุรกิจในอินโดนีเซียแต่ยังไม่มีผลกระทบต่ออันดับเครดิต

ฟิทช์ เรทติ้งส์ กล่าวว่า แผนของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBank ('BBB'/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ที่จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในธนาคาร PT Bank Maspion Indonesia Tbk (Maspion) ...

BAFS เตรียมออกหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไ... BAFS เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ ชูดอกเบี้ย 4.75 - 5.10% ต่อปี คาดเปิดจองซื้อแก่ "สถาบัน-รายใหญ่" วันที่ 9 - 14 พ.ค. นี้ รองรับการขยายตัวธุรกิจในอนาคต — BAFS เตรียม...

บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 จำกัด (มห... SCAP สุดปลื้ม! ฟิทช์จัดอันดับเครดิต 'A-(tha)' สะท้อนฐานะการเงินมั่นคง เพิ่มศักยภาพเข้าถึงแหล่งเงินต้นทุนต่ำ ช่วยเสริมแกร่งกลุ่ม SAWAD — บริษัท ศรีสวัสดิ์ ...

ฟิทช์คงอันดับเครดิตของ บล. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่ 'AA(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LHS ที่ 'AA(tha)' และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น ...

เอสซีจี เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ ครั้ง... เอสซีจี เตรียมเสนอขายหุ้นกู้เรทติ้ง "A" แก่ประชาชนทั่วไป อายุหุ้นกู้ 4 ปี ดอกเบี้ยคงที่ 3.20% ต่อปี เริ่มจองซื้อ 3 มี.ค. 68 ผ่าน 5 ธนาคารชั้นนำ — เอสซีจี เตร...

ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตของ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส และ บจก.แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค ในเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ (Rating Watch Negative; RWN) ของอันดับเครดิต บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (AIS) และบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ท...

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน... GC พร้อมเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ 4-12 ธันวาคมนี้ ชูดอกเบี้ย 5 ปี 6 เดือนที่ 5.25% ฟิทช์ เรทติ้งส์ ยืนยันความน่าเชื่อถือของบริษัทและหุ้นกู้คงเดิม ที่ AA(tha) และ A+(tha) — บริษัท พีที...

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน... ครั้งแรกในรอบ 10 ปีของกลุ่ม ปตท. GC เตรียมออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน ไถ่ถอนครั้งแรกเมื่อครบ 5 ปี 6 เดือน — บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด ...

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนา... EXIM BANK โชว์สถานะทางการเงินแข็งแกร่ง คงอันดับเครดิตสูงสุดในประเทศ ระดับ AAA(tha) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 19 และอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ BBB+ เท่ากับประเทศไทย ต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 — ดร.รักษ์ วร...