นางสาวรังษิต ภู่ศิริภิญโญ รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ผู้แทนกระทรวงเกษตรเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยในฐานะผู้แทนรัฐมนตรีเกษตรและป่าไม้ของอาเซียน (ASEAN Minister of Agriculture and Forestry: AMAF) ถึงการเข้าร่วมการสัมมนา "Solving the Triple Challenge to Agriculture: Trade, New Technologies and Food Security" ในหัวข้อ "ความสำคัญของการรักษาฐานการผลิตอาหาร" ซึ่งจัดโดย World Agricultural Forum และสถาบันการศึกษานานาชาติ RSiS ร่วมด้วย NanYang Technological University ระหว่างวันที่ 6-7 กรกฎาคม 2560 ณ ประเทศสิงคโปร์
การสัมมนาครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้บริหารระดับสูงจากภาครัฐ เอกชนและองค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศชั้นนำที่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตรได้แลกเปลี่ยนความเห็นและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไข 3 ประเด็นปัญหาสำคัญของภาคเกษตรยุคปัจจุบัน คือ ทิศทางการค้ายุคใหม่ เทคโนโลยีใหม่ และความมั่นคงด้านอาหาร อีกทั้งยังครอบคลุมแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลก เช่น การเติบโตของสังคมเมืองอย่างรวดเร็วและมีรูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบเทคโนโลยีและนวัตกรรม การเปลี่ยนแปลงรูปแบบของกฎระเบียบการค้าโลก ความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น สภาพแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง และการพัฒนาที่ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การผลิต รูปแบบการบริโภค การกระจายและการเข้าถึงสินค้าเกษตรและอาหารในอนาคต
นอกจากนี้ ได้แลกเปลี่ยนความเห็นและข้อเสนอแนะสำหรับรองรับและแก้ไขประเด็นความท้าทายของภาคเกษตรของโลกใน 4 หัวข้อหลัก คือ 1) การค้าสินค้าเกษตรและอาหารในบริบทของโลกยุคใหม่ 2) ความสำคัญของการรักษาฐานการผลิตอาหาร 3) เทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืนและความมั่นคงอาหารและ 4) การกำกับดูแลที่ดีและพันธมิตรทางการเกษตร
ในการนี้ รองเลขาธิการ สศก. ได้นำเสนอแนวทางเชิงนโยบายทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาคอาเซียน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตด้านการเกษตรที่มีประสิทธิภาพ และการยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกร โดยการดำเนินงานของประเทศไทย ได้ดำเนินนโยบายด้านการเกษตรครอบคลุมตลอดห่วงโซ่การผลิต เช่น การจัดการฟาร์มแบบเกษตรแปลงใหญ่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน การรับรองการผลิตให้ได้มาตรฐาน การจัดตั้งธนาคารสินค้าเกษตร การจัดตั้งศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพทางการเกษตร (ศพก.) ในพื้นที่ และการเชื่อมโยงภาคเกษตรกับโครงการประชารัฐเพื่อประสานการดำเนินงานร่วมกันระหว่างกลุ่มเกษตรกร ผู้ประกอบการ และภาครัฐ โดยน้อมนำแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาประยุกต์ใช้ในทุกกระบวนการของการดำเนินงาน
ทั้งนี้ สำหรับภูมิภาคอาเซียน ได้กำหนดแผนความร่วมมืออาเซียน สาขาอาหาร เกษตร และ ป่าไม้ ปี 2016–2025 ซึ่งมีเป้าหมายยกระดับความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกษตรอาเซียนในตลาดโลก ภาคเกษตรมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง มีความยั่งยืน และเชื่อมโยงเข้ากับเศรษฐกิจโลก ส่วนประเด็นความมั่นคงด้านอาหาร อาเซียนยังจัดทำ แผนบูรณาการด้านความมั่นคงอาหารของอาเซียน และ แผนกลยุทธ์ด้านความมั่นคงอาหารอาเซียน เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานความร่วมมือให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด อย่างไรก็ตาม ผู้เข้าร่วมสัมมนาจากหลายประเทศ อาทิ สิงคโปร์ อินเดีย และเยอรมนี (BAYER) ได้แสดงความชื่นชมประเทศไทยที่ดำเนินนโยบายการเกษตรที่สำคัญ เช่น แปลงใหญ่ Zoning by Agri-Map และเกษตรทฤษฎีใหม่ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่มุ่งสร้างความมั่นคงด้านรายได้เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร อย่างแท้จริง และพร้อมนำข้อมูลของประเทศไทยไปปรับใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและดำเนินงานของตนอีกด้วย
ต้นแบบแปลงใหญ่ 'ตะไคร้บ้านวงฆ้อง' จ.กำแพงเพชร รวมกลุ่มผลิตมาตรฐาน GAP สร้างรายได้ หนุนเศรษฐกิจชุมชน
เลขาธิการ สศก. เตรียมนำทีม ลุย Crop Cutting ภาคสนามเพชรบูรณ์ 27 ตุลาคมนี้ ลงพื้นที่แปลงข้าวโพดเกษตรกร ยกระดับข้อมูลแม่นยำพืชเศรษฐกิจของประเทศ
ของดีเมืองสงขลา 'ส้มโอหอมควนลัง' GI เกษตรกรรวมกลุ่มผลิตส้มโอคุณภาพ ออกตลาด ต.ค. - พ.ย. นี้
'แปลงใหญ่ทั่วไป (ข้าว)' จ.สุพรรณบุรี ผลิตข้าว GAP คุณภาพ แหล่งให้บริการเครื่องจักรกลการเกษตรในพื้นที่ สร้างรายได้ให้กลุ่ม 810,000 บาท/ปี
สศท.12 ชวนศึกษาวิถี เกษตรอินทรีย์ 'บ้านสวนน้อยชมจันทร์' จ.เพชรบูรณ์ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรแบบยั่งยืน
สศท.5 หนุน 'ผำ' อาหารแห่งอนาคต สู่โปรตีนทางเลือกยุคใหม่ ตามนโยบายเกษตรมูลค่าสูง
โครงการปรับปรุงคลองส่งน้ำ ท่ามะกา ระยะ 5 ช่วยเกษตรกร 40 ครัวเรือน ผลผลิตและรายได้เพิ่ม
ปีนี้ ไม้ผลภาคใต้ 4 ชนิด ผลผลิตรวม 6.7 แสนตัน สศท.8 ชวนบริโภค 'ลองกอง' ในฤดู ก.ย. - ต.ค. นี้ ออกตลาด ร้อยละ 42
สศก. ลงพื้นที่สมุทรสาคร หนุนเกษตรกรเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม GAP ชี้ได้เปรียบทั้งคุณภาพและความปลอดภัย