นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EPCO เปิดเผย ว่า เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561 คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเห็นชอบและอนุมัติแผนการนำ
บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วนร้อยละ 75 เข้าระดมทุนผ่านการเพิ่มทุนจดทะเบียนและเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และนำหุ้นสามัญเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) "Spin off โดยได้กำหนดสัดส่วนจำนวนหุ้นสามัญที่ออกใหม่ที่ EP จะเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกเป็นสัดส่วนร้อยละ 20 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ EP ภายหลังการเพิ่มทุน โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติอนุมัติให้ EP ให้สิทธิแก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในการจองซื้อหุ้นสามัญที่ออกใหม่ที่จะเสนอขายต่อประชุมทั่วไปเป็นครั้งแรกของ EP ตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทฯ โดยกำหนดสัดส่วนจำนวนหุ้นสามัญที่ออกใหม่ที่จะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท (Pre-emptive Right) ในอัตราไม่เกินร้อยละ 35 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของEP ที่จะเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกสำหรับแผนการจำหน่ายหุ้น (Spin Off) ครั้งนี้ มีจุดประสงค์ที่จะนำเงินทุนที่ได้รับจากการระดมทุนเพื่อปรับโครงสร้างทางการเงินและขยายธุรกิจ รวมถึงเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของ EP
โดยหุ้นสามัญที่ออกใหม่ IPO ที่จะเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกของ EP จะเป็นจำนวนเงิน 300 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 600ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาทจากทุนจดทะเบียนเดิม 1,200 ล้านบาท และจัดสรรหุ้น IPO จำนวน 210 ล้านหุ้น (ร้อยละ 35) (Pre-emptive Rights) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ EPCO ภายหลังการเพิ่มทุน และบริษัทฯ จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุมใน EP ในสัดส่วนร้อยละ 60 ของทุนจดทะเบียนภายหลังการเพิ่มทุน ทั้งนี้ การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน จะกระทำได้ต่อเมื่อ EP ได้รับอนุญาตให้เสนอขายหุ้นที่ออกใหม่จาก กลต.
ทั้งนี้ การ Spin Off ดังกล่าวจะส่งผลกระทบ (Dilution) ต่อสัดส่วนการถือครองหุ้นของบริษัทฯ ใน EP จึงเข้าข่ายเป็นรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนตามนัยแห่งประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ทว่าเมื่ออ้างอิงจากงบการเงินรวมสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2560 ของบริษัทฯ และของ EP พบว่าขนาดของรายการมีมูลค่าสูงสุดเมื่อคำนวณตามเกณฑ์มูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิ เท่ากับร้อยละ 14.48 ซึ่งจากขนาดของรายการดังกล่าวบริษัทฯ ไม่มีหน้าที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับรายการการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือต้องจัดทำสารสนเทศเพื่อส่งให้แก่ผู้ถือหุ้นรวมถึงขออนุมัติการเข้าทำรายการจากผู้ถือหุ้นตามรายละเอียดที่กำหนดในประกาศเรื่องการได้มาหรือจำหน่ายไป
อย่างไรก็ดีคณะกรรมการบริษัทได้คำนึงถึงแนวปฏิบัติที่ดีและเพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน บริษัทฯ จึงได้เปิดเผยรายละเอียดเบื้องต้นของแผนการSpin Off ผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ และจะดำเนินการจัดทำสารสนเทศ เพื่อส่งให้แก่ผู้ถือหุ้นลำดับต่อไป
อนึ่ง บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าทั้งสิ้น 435.5 เมกะวัตต์ โดยแบ่งเป็น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนขนาดกำลังการผลิต 360 เมกะวัตต์ และไอน้ำกำลังการผลิตรวม 90 ตันต่อชั่วโมง และโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มและโซลาร์รูฟท็อป จำนวน 75.5เมกะวัตต์ โดยแบ่งเป็นในประเทศ 24 เมกะวัตต์ และประเทศญี่ปุ่น 45 เมกะวัตต์ และโซลาร์รูฟท็อป 6.5 เมกะวัตต์
"MEDEZE" โชว์ศักยภาพผลประกอบการไตรมาส 3/2568 กำไรสุทธิ 160 ล้านบาท เดินหน้าสู่ "Thailand's First ATMPs" ปักธงผู้นำธุรกิจการแพทย์แห่งภูมิภาค
AGE คว้าคะแนน CGR ระดับ 5 ดาว ประจำปี 2568 ตอกย้ำความเป็นองค์กรโปร่งใสและยั่งยืน ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3
ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ! Work Life Festival 2025 มหกรรมเพื่อคนทำงาน
กลุ่มทิสโก้ คว้าคะแนน CGR ระดับ "ดีเลิศ" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 19 สะท้อนความมุ่งมั่นสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
FVC คว้า CGR ระดับ 4 ดาว "ดีมาก" สะท้อนการยกระดับการกำกับดูแลกิจการที่ดี
"FTI" ปังไม่พัก คว้า CG Rating ระดับ 5 ดาว
'กลุ่มบริษัทศรีตรัง' คว้า CGR ระดับดีเลิศ ติดอันดับกลุ่ม Top Quartile สะท้อนมาตรฐานด้านธรรมาภิบาลแข็งแกร่ง
CMC คว้า 5 ดาว ด้านธรรมาภิบาล จากการประเมิน CGR 2025 ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
NL เป็นปลื้ม ได้รับการประเมิน CGR ในเกณฑ์ "ดีมาก" ประจำปี 2568 เป็นปีแรก ตอกย้ำองค์กรก่อสร้างมืออาชีพ ที่ดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี