เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2561 การยางแห่งประเทศไทย โดยนายกฤษดา สังข์สิงห์ ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการ พร้อมผู้บริหารระดับสูงของ กยท. ให้การต้อนรับผู้แทนจากบริษัท สยามฟอเรสแมเนจเม้นท์ จำกัด และบริษัท Idemitsu Kosan Co.,Ltd เพื่อหารือร่วมกันในเรื่องการดำเนินการจัดหาวัตถุดิบไม้ยางพารา เพื่อนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในโรงงานผลิต Black Pellet ซึ่งจะดำเนินการในประเทศไทย โดยจะเปิดในช่วงกลางปี 2561 นี้ เพื่อผลิตพลังงานชีวมวลสำหรับใช้ในโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าของประเทศญี่ปุ่น ทดแทนโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่กำลังจะปิดตัวลงในไม่ช้านี้
นายกฤษดา สังข์สิงห์ ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการ กล่าวว่า บริษัท สยามฟอเรสแมเนจเม้นท์ จำกัด และบริษัท Idemitsu Kosan Co.,Ltd ได้ให้ความสนใจในการลงทุนสร้างโรงงานเพื่อนำวัตถุดิบไม้ในประเทศไทยไปผลิตเชื้อเพลิงชีวมวล หรือ Black Pellet เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงให้กับโรงงานผลิตไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่น นับเป็นเรื่องที่ดีที่ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ตลาดการส่งออกพลังงานชีวมวล ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีความต้องการใช้ไม้เป็นจำนวนมาก โดยประเทศไทยถือว่ามีสวนยางมากเป็นอันดับแรกๆ ของโลก ประกอบกับมาตรการควบคุมปริมาณผลผลิต โค่นปีละ 400,000 ไร่ จะทำให้มีปริมาณเศษไม้ที่มาจากปีกไม้ และขี้เลื่อย มากถึง 8 ล้านตัน ซึ่งมากพอที่จะป้อนเข้าสู่โรงงานผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลหรือ Wood Pellets เพื่อนำไปใช้ในโรงงานผลิตไฟฟ้าทั้งในประเทศไทย และส่งออกวัตถุดิบไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้ ซึ่งเบื้องต้น บริษัท Idemitsu Kosan Co.,Ltd ได้แสดงความต้องการใช้ปีละประมาณ 1.2 ล้านตัน โดยเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะมีวัตถุดิบเพียงพอกับความต้องการแม้จะมีผู้สนใจอีกหลายรายที่มีตวามต้องการวัตถุดิบดังกล่าวเช่นเดียวกัน
นายณรงศักดิ์ ใจสมุทร ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมและพัฒนาการผลิต ในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการการจัดการสวนยางอย่างยั่งยืน กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งสำคัญคือไม้ที่จะนำไปผลิตนั้น จะต้องผ่านการคัดกรองในเรื่องคุณภาพที่ต้องได้ตามมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และไม่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมเมื่อนำไปผลิตเป็นพลังงานแล้ว ซึ่งก็คือต้องเป็นไม้ที่มาจากสวนที่ผ่านการรับรองมาตรฐานการจัดการสวนยางอย่างยั่งยืน หรือ FSC ซึ่งในปัจจุบัน กยท. ได้ร่วมกับหน่วยงานจากเอกชน สถาบันเกษตรกร ในการเดินหน้าจัดทำโครงการนี้ โดยนำร่องที่จังหวัดที่มีพื้นที่สวนยางเข้าร่วมโครงการ ภาคใต้ ได้แก่ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี พังงา ตรัง นครศรีธรรมราชพัทลุง กระบี่ ภาคตะวันออก ได้แก่ ตราด จันทบุรี ระยอง และภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย จำนวนทั้งหมดประมาณ 200,000 ไร่ ขณะนี้มีจังหวัดระนอง ผ่านการรับรองมาตรฐานแล้ว 1,300 ไร่ และในพื้นที่อื่นๆอยู่ระหว่างการตรวจสอบรับรองมาตรฐาน FSC ต่อไป
นายกฤษดา กล่าวทิ้งท้ายว่า "การเป็นผู้นำตลาดหรือแหล่งวัตถุดิบป้อนไม้ จากต้นยางหรือไม้โตเร็วต่างๆ เพื่อเข้าสู่โรงงานผลิตพลังงานชีวมวลนั้น ความมีเสถียรภาพของวัตถุดิบเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปริมาณหรือราคาที่จะต้องไม่ปรับตัวผันผวนขึ้นหรือลงมากเกินไป เพราะการดำเนินการจัดหาวัตถุดิบแปรรูปเป็นพลังงานชีวมวลเพื่อใช้ในการผลิตพลังงานของโรงไฟฟ้านั้นเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องวางแผนกันในระยะยาว ให้มีปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการใช้ และราคาที่เหมาะสมกับสภาวะตลาด และนี่เป็นอีกทางหนึ่งที่จะสร้างรายได้ที่ดีต่อเกษตรกรชาวสวนยางที่พร้อมเดินหน้าเข้าสู่โครงการจัดการสวนอย่างยั่งยืนภายใต้มาตรฐาน FSC ที่การยางแห่งประเทศไทยผลักดันให้เกิดขึ้น"
กยท. MOU ร่วม บ.ไทยอีสเทิร์น สร้างสมดุลระบบยาง หนุนตลาดรองรับผลผลิตที่เป็นธรรม
กยท. เยือนท่าเรือชิงเต่า ศึกษาระบบบริหารจัดการฯ มุ่งสนับสนุนสถาบันเกษตรกรฯ ผ่านการปั้น "แบรนด์ RAOT" สู่ตลาดโลก
พร้อมแล้ว! ทุนปลูกแทนปีงบฯ 69 กยท. เปิดรับคำขอฯ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. - 31 มี.ค. 69 สนับสนุนเกษตรกรเพื่อการปลูกแทนสู่ความยั่งยืน
กยท. จัดสรรงบ 2,800 ลบ. หนุนชาวสวนยางที่ยื่นขอโค่นยางฯ ด้วยทุนตนเองไว้แล้ว ตั้งเป้าอนุมัติสวนครบ - พร้อมจ่ายเงิน ภายใน 15 ก.ย. นี้
STA สนับสนุน "ทำยางไทยอย่างยั่งยืน" ส่งต่อองค์ความรู้แก่เกษตรกร สหกรณ์ และผู้ค้ายาง ในงานปิดกรีดยาง ประจำปี 68 จ.พิษณุโลก
กยท. หนุนงบ 16 ลบ. ดันอาชีพเสริมชาวสวนยาง สอดรับนโยบายรัฐบาล สร้างรายได้ระยะยาวแก่เกษตรกร
NER ลงนาม MOU กยท. ยกระดับการพัฒนาการซื้อขายยางพารา
กลุ่มบริษัท TEGH จับมือ Apollo และ การยางแห่งประเทศไทย จ.ฉะเชิงเทรา จัดประชุม การจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน (FSC) ประจำปี 2565
กลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นนำกลุ่มเกษตรสวนยางเยี่ยมชม IRPC และสวนตัวอย่าง