จากการติดตามสถานการณ์การผลิตในภาคเหนือตอนล่างของแหล่งผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่สำคัญใน 5 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเพชรบูรณ์ นครสวรรค์ กำแพงเพชร พิจิตร และอุทัยธานี พบว่า มีเนื้อที่ปลูกทั้ง 5 จังหวัด รวม 2.78 แสนไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 38โดยข้อมูลจากเกษตรกรขึ้นทะเบียนข้าวโพดหลังนา กับกรมส่งเสริมการเกษตร (ณ 11 กุมภาพันธ์ 2562) พบว่า
เพชรบูรณ์ มีเนื้อที่เพาะปลูก 101,589 ไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 48 นครสวรรค์ มีเนื้อที่เพาะปลูก 83,290 ไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 กำแพงเพชร มีเนื้อที่เพาะปลูก 42,799.04 ไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 อุทัยธานี มีเนื้อที่เพาะปลูก 21,292 ไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 และ พิจิตร มีเนื้อที่เพาะปลูก 29,067 ไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 52 ซึ่งจะเห็นว่าภาพรวมทั้ง 5 จังหวัดมีเนื้อที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากเกษตรกรเห็นว่าการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้ผลตอบแทนดีกว่าจึงขยายเนื้อที่ปลูก ภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมด้านตลาดนำการผลิตที่ชัดเจน ประกอบกับฤดูที่ผ่านมาขายได้ราคาดีจูงใจให้ปลูกมากขึ้น โดยหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวนาปีเกษตรกรได้ทยอยปลูกตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึง มกราคม และคาดว่าจะเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตในเดือนกุมภาพันธ์ ถึง เดือนพฤษภาคม โดยผลผลิตจะออกมากสุดเดือนเมษายนประมาณ ร้อยละ 45 ของผลผลิตทั้งหมด
สำหรับราคาขาย (ณ 13 กุมภาพันธ์ 2562) เพชรบูรณ์ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้น 14.5% ราคากิโลกรัมละ 8.10 บาท ที่ความชื้น 30% ราคากิโลกรัมละ 6.63 บาท นครสวรรค์ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้น 14.5% ราคากิโลกรัมละ 8.42 บาท ที่ความชื้น 30% ราคากิโลกรัมละ 6.89 บาทกำแพงเพชร ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้น 14.5% ราคากิโลกรัมละ 8.33 บาท ที่ความชื้น 30% ราคากิโลกรัมละ 6.82 บาท อุทัยธานี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้น 14.5% ราคากิโลกรัมละ 8.45 บาท ที่ความชื้น 30% ราคากิโลกรัมละ 6.92 บาท และ พิจิตร ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้น 14.5% ราคากิโลกรัมละ 8.38 บาท ที่ความชื้น 25% ราคากิโลกรัมละ 6.86 บาท
ด้านนางพัชรารัตน์ ลิ้มศิริกุล ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 12 นครสวรรค์ (สศท.12) กล่าวเสริมว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พบว่ามีการระบาดของหนอนกระทู้ Fall armyworm (FAW) ในแปลงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนา ซึ่งจะเข้าทำลายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตั้งแต่อายุ 7 วัน การระบาดระยะต้นอ่อนจะเสียหาย ฝักลีบเล็ก ดังนั้น เกษตรกรควรเฝ้าติดตามสำรวจแปลงปลูกข้าวโพด ซึ่งการระบาดหากพบกลุ่มไข่ ให้ทำลายทิ้ง และใช้แมลงหางหนีบ (ตัวห้ำ) พบดักแด้ในดิน ทำลายโดยไถพลิกดิน และไถพรวน หากพบหนอนขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ใช้ชีวภัณฑ์ แมลงมวนพิฆาต (ตัวห้ำ) และสารเคมีตามคำแนะนำ ส่วนตัวเต็มวัย (ผีเสื้อกลางคืน) ให้ทำลายโดยใช้กับดักกาวเหนียว สีเหลืองจำนวน 80 กับดัก/ไร่ ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 12 จังหวัดนครสวรรค์ โทร. 0 5680 3525 หรือ[email protected] นอกจากนี้ สามารถสอบถามโดยตรงสายด่วนหนอนกระทู้ Fall armyworm ของกรมวิชาการเกษตร โทร. 06 1415 2517 หรือ www.doa.go.th
เลขาธิการ สศก. เตรียมนำทีม ลุย Crop Cutting ภาคสนามเพชรบูรณ์ 27 ตุลาคมนี้ ลงพื้นที่แปลงข้าวโพดเกษตรกร ยกระดับข้อมูลแม่นยำพืชเศรษฐกิจของประเทศ
สศท.12 ชวนศึกษาวิถี เกษตรอินทรีย์ 'บ้านสวนน้อยชมจันทร์' จ.เพชรบูรณ์ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรแบบยั่งยืน
โครงการปรับปรุงคลองส่งน้ำ ท่ามะกา ระยะ 5 ช่วยเกษตรกร 40 ครัวเรือน ผลผลิตและรายได้เพิ่ม
สศก. ลงพื้นที่สมุทรสาคร หนุนเกษตรกรเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม GAP ชี้ได้เปรียบทั้งคุณภาพและความปลอดภัย
สศก. จัดสัมมนาระดมความเห็น ดึงแพลตฟอร์ม "AgriDataProv" ขับเคลื่อนการเกษตรด้วย Big Data สู่จังหวัดยุคดิจิทัล
สศก. ติดตามความก้าวหน้าโครงการจัดการความเสื่อมโทรมของที่ดิน ด้วยแนวคิด LDN มุ่งสู่การใช้ที่ดินอย่างยั่งยืน
สศท.6 ชวนเช็คอิน 'สวนผลอำไพ' จ.ตราด แหล่งเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ สร้างมูลค่าเพิ่มเชื่อมโยงการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
โครงการส่งเสริมและพัฒนาสินค้าเกษตรชีวภาพ หนุนเกษตรกรสร้างรายได้จากสมุนไพร-แมลงเศรษฐกิจ
สศท.6 ชี้ผลสำเร็จโครงการนำร่องการแก้ไขปัญหาลดผลกระทบจากช้างป่า พื้นที่บ้านหนองกระทิง จ.ฉะเชิงเทรา ช่วยเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ลดรายจ่ายครัวเรือน