“จ๊อบไทย” แนะ 4 เทคนิคเปลี่ยนองค์กรสู่การเป็น “Work-Life Integration” มัดใจคนทำงานยุคใหม่

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

           จะดีกว่าไหมถ้าคนทำงานสามารถจัดการเรื่องงานและใช้ชีวิตส่วนตัวไปพร้อม ๆ กันได้ เพราะการแบ่งสมดุลระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัวออกจากกันโดยสิ้นเชิงอย่าง Work-Life Balance ดูเป็นเรื่องที่จะทำได้ยาก เนื่องจากในความเป็นจริงคนทำงานหลายคนก็ยังตอบลูกค้าหรือคุยงานทางโทรศัพท์แม้ว่าจะเป็นเวลาเลิกงานไปแล้วก็ตาม นั่นเป็นเพราะเทคโนโลยีทุกวันนี้เอื้อให้เราสามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลามากขึ้น ทำให้เราสามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างอิสระ ตลอดจนมีระบบคลาวด์ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลจากที่ไหน เวลาใดก็ได้ ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนทำงาน ทำให้เริ่มมีการนำแนวคิด "Work-Life Integration" หรือการผสมผสานชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวเข้าด้วยกัน มาปรับใช้ในการทำงานมากขึ้น ในวันนี้ นางสาวแสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการของจ๊อบไทย (JobThai) ผู้นำด้านการหางาน สมัครงานออนไลน์ อันดับ 1 ของประเทศไทย จะมาแนะนำ 4 เทคนิคเปลี่ยนองค์กรเป็น "Work-Life Integration" เพื่อมัดใจคนทำงานยุคใหม่และเป็นตัวเลือกหนึ่งสำหรับการปรับตัวรองรับรูปแบบการทำงานในอนาคต โดยเทคนิคเหล่านี้จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย 
          - เวลาทำงานที่ยืดหยุ่น (Flexible Hours) – เริ่มต้นกันที่เรื่องของเวลาในการทำงาน เพราะแนวคิดแบบ "Work-Life Integration" จะเน้นที่ประสิทธิภาพงานมากกว่าเวลาเข้า-ออก ซึ่งหลายบริษัทในประเทศไทยเริ่มนำเทคนิคนี้มาปรับใช้กันมากขึ้น ด้วยการให้พนักงานจัดสรรชั่วโมงในการทำงานด้วยตัวเอง แทนที่จะต้องเข้าทำงาน 9 โมงเช้า เลิก 6 โมงเย็น ก็ให้พนักงานเก็บชั่วโมงการทำงานตามจำนวนที่กำหนดไว้ในแต่ละสัปดาห์ ซึ่งเป็นการให้ความสำคัญกับรูปแบบในการทำงานของคนแต่ละประเภท อย่างคนที่ชอบตื่นเช้า (Early Bird) อาจต้องการเข้างานเช้ากว่าคนอื่น ๆ และเลิกงานเร็วขึ้นเพื่อไปทำกิจกรรมตามที่ต้องการ หรือคนที่ชอบใช้ชีวิตกลางคืน (Night Owl) มักจะไม่มีสมาธิกับการทำงานในช่วงกลางวัน ก็อาจจะเข้างานสายหน่อยแต่กลับค่ำกว่าคนอื่น ๆ เป็นต้น ดังนั้นการจัดสรรเวลาทำงานที่ยืดหยุ่น จะช่วยให้พนักงานได้ทำงานเต็มประสิทธิภาพและสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ตามแบบที่เขาต้องการ
- ทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Remote Working) – อย่างที่ทราบกันดีว่าทุกวันนี้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้เราเข้าสู่ยุคดิจิทัลที่ไร้พรมแดนด้านการสื่อสาร เวลา และสถานที่ทำงาน ทำให้การเข้าออฟฟิศเพื่อนั่งทำงานไม่ใช่สิ่งสำคัญสูงสุดอีกต่อไป เพราะแค่มีโน้ตบุ๊คสักเครื่องและอินเทอร์เน็ตก็สามารถทำงานจากมุมไหนของโลกได้แล้ว เมื่อมีการประชุมก็สามารถ Video Conference หรือหากต้องการส่งงานก็สามารถส่งผ่าน Cloud Server ได้ ซึ่งบริษัทในองค์กรประเภทสตาร์ทอัพ (Startup) เริ่มนำเทคนิคนี้ไปปรับใช้กันแล้ว ในขณะเดียวกันฝั่งพนักงานเองก็ต้องมีความรับผิดชอบและจัดตารางการทำงานของตัวเองให้ดี เพราะทั้งเวลาการทำงานที่ยืดหยุ่นและทำงานจากที่ไหนก็ได้ ทำให้เราอยู่ในกฎระเบียบของบริษัทน้อยลง หากไม่จัดการตารางชีวิตให้ดีก็อาจส่งผลกระทบกับการทำงานส่วนอื่น ๆ ได้
          - สวัสดิการและสิทธิพิเศษที่เลือกได้ (Customizable Perks) - เป็นการให้ความสำคัญกับพนักงานเป็นรายบุคคลมากขึ้น เพราะพนักงานแต่ละคนล้วนมีความสนใจที่แตกต่างกัน บางคนชอบดนตรีและความบันเทิง อาจต้องการส่วนลดบัตรคอนเสิร์ตหรือบัตรชมภาพยนตร์ บางคนอยากได้เงินสนับสนุนค่าสมาชิกฟิตเนส หรือบางคนก็ต้องการวันลาพักร้อนที่มากกว่าปกติ ดังนั้นการให้พนักงานเลือกสวัสดิการและสิทธิพิเศษอื่น ๆ ด้วยตัวเองได้นั้น นอกจากจะช่วยจูงใจให้คนอยากเข้ามาทำงานกับองค์กรแล้ว ยังเป็นวิธีที่แสดงให้เห็นว่าองค์กรใส่ใจในตัวของพนักงาน ซึ่งจะช่วยรักษาคนที่มีศักยภาพไว้ได้อีกด้วย
          - สร้างโอกาสทางการเรียนรู้ (Invest in Training) – เพราะโลกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะคนยุคมิลเลนเนียลที่กำลังก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักในหลาย ๆ องค์กร ซึ่งคนเหล่านี้มีความรู้สึกว่าหากบริษัทสนับสนุนการเติบโตของพวกเขาไม่ว่าจะเป็นการเปิดคอร์สอบรมภายในบริษัท การส่งพนักงานไปอบรมหรือศึกษาดูงาน รวมถึงการสนับสนุนค่าเรียนพิเศษเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับงาน จะช่วยให้เขาสามารถพัฒนาตัวเองและเติบโตไปพร้อมกับองค์กรได้นั่นเอง
          ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเทคนิคบางส่วนในการเปลี่ยนองค์กรสู่การเป็น "Work-Life Integration" ซึ่งแต่ละองค์กรสามารถนำไปเป็นแนวทางในการปรับใช้ให้เหมาะสม เพื่อรองรับกับพฤติกรรมและค่านิยมของคนทำงานที่กำลังเปลี่ยนไป เพราะหากองค์กรมีแรงจูงใจที่เหมาะสมจะทำให้คนรุ่นใหม่เกิดความพึงพอใจกับงานและมีทัศนคติที่ดีกับองค์กร ซึ่งส่งผลให้การทำงานมีประสิทธิภาพ ส่วนคนทำงานเองเมื่อองค์กรให้ความอิสระก็ต้องมีความรับผิดชอบพร้อมทั้งต้องเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เพื่อให้มีทักษะที่เหมาะกับงานและสามารถขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้ 
          อย่างไรก็ตาม จ๊อบไทยยังมีบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อคนทำงานอีกมากมาย โดยผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.jobthai.com
“จ๊อบไทย” แนะ 4 เทคนิคเปลี่ยนองค์กรสู่การเป็น “Work-Life Integration” มัดใจคนทำงานยุคใหม่
“จ๊อบไทย” แนะ 4 เทคนิคเปลี่ยนองค์กรสู่การเป็น “Work-Life Integration” มัดใจคนทำงานยุคใหม่
 


ข่าวระบบคลาวด์+เทคโนโลยีวันนี้

Tencent Cloud ยักษ์ใหญ่ระบบคลาวด์ ประกาศจับมือ Bitkub ผู้นำด้านสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศไทย

Tencent Cloud ธุรกิจคลาวด์ของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกอย่าง Tencent ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Bitkub Group (บิทคับ กรุ๊ป) ผู้นำด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและบล็อกเชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วยหลาย ๆ บริษัท ได้แก่ Bitkub Exchange (บิทคับ เอ็กซ์เชนจ์) ผู้ให้บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของไทยที่มีส่วนแบ่งปริมาณธุรกรรมมากกว่า 90% ในตลาดภายในประเทศ, Bitkub Academy (บิทคับ อะคาเดมี) ศูนย์กลางด้านสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับประเทศ, Bitkub Blockchain Technology (บิทคับ บล็อกเชน เทคโน

องค์กรเกือบแปดในสิบแห่ง (78%) มีแผนเพิ่มง... PwC ชี้องค์กรเร่งลงทุน AI รับมือภัยไซเบอร์ พบเพียง 6% มีศักยภาพสูงสุดป้องกันทุกช่องโหว่ — องค์กรเกือบแปดในสิบแห่ง (78%) มีแผนเพิ่มงบประมาณด้านความปลอดภัยท...

PwC ประเทศไทย เผยแม้ว่าเทคโนโลยี AI agent... PwC ประเทศไทย ชี้ธุรกิจไทยใช้ AI agent ด้านการเงินยังต่ำ เหตุคลาวด์ช้า-ต้นทุนสูง — PwC ประเทศไทย เผยแม้ว่าเทคโนโลยี AI agent จะช่วยยกระดับงานด้านการเงินอง...

ในยุคที่เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวด... 5 ภาษาโปรแกรมที่ควรรู้จัก เพื่อก้าวทันเทคโนโลยี — ในยุคที่เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์ (AI), ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data)...