จุดจบของโรคมาลาเรียในเอเชียพลิกผันเมื่อเชื้อดื้อยาฆ่าแมลงและยารักษา

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมาลาเรียในเอเชียที่ร่วมการสำรวจในรายงานฉบับใหม่กล่าวว่ามีความจำเป็นในการใช้เครื่องมือใหม่ๆ ในการกำจัดโรคมาลาเรียเนื่องจากเชื้อโรคมีการดื้อต่อมาตรการป้องกันและการรักษาในปัจจุบัน และเรียกร้องให้มีการลงทุนเพื่อพัฒนาและวิจัยยารักษาโรคมาลาเรียและยาฆ่าแมลงตัวใหม่ เพื่อบรรลุเป้าหมายในการกำจัดโรคภายในปีพ.ศ. 2573 ขององค์การอนามัยโลก
          รายงานมาลาเรียฟิวเจอร์สฟอร์เอเชียได้เปิดตัวในกรุงเทพฯ ในวันนี้ รายงานฉบับนี้แสดงมุมมองของผู้อำนวยการโครงการด้านโรคมาลาเรีย นักวิจัย และองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรในประเทศกัมพูชา อินเดีย เมียนมาร์ ไทยและเวียดนามเกี่ยวกับความคืบหน้าในการกำจัดโรคมาลาเรีย จัดทำโดยนักวิจัยอิสระด้านนโยบายด้วยการสนับสนุนของโนวาร์ตีส ซึ่งเป็นบริษัทแรกที่ผลิตขนาดยาในปริมาณคงที่ของยากลุ่มอาร์ติมิซินินที่ใช้ร่วมกับยาเมฟโฟลควิน (Artemisinin-based combination therapy - ACTs) เมื่อสองทศวรรษที่แล้ว ยานี้นับได้ว่าทรงประสิทธิภาพที่สุดในปัจจุบันสำหรับการรักษาโรคมาลาเรีย
รายงานฉบับนี้ถูกจัดทำในสถานการณ์ที่การกำจัดโรคมาลาเรียคืบหน้าไปมาก โดยมีรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อต่อพันคนลดลงกว่าร้อยละ 60 นับจากปี พ.ศ. 2553 ผู้เชี่ยวชาญที่ร่วมการสำรวจเกือบสองในสามเชื่อว่าภูมิภาคเอเชียจะสามารถบรรลุเป้าหมายในการกำจัดเชื้อมาลาเรียประเภท P. falciparum ซึ่งเป็นเชื้อที่มีความรุนแรงมากที่สุด แต่ส่วนใหญ่ยังคงไม่มั่นใจว่าจะสามารถกำจัดมาลาเรียสายพันธุ์ P. vivax ได้ภายในปี พ.ศ. 2573 
          "นับเป็นครังแรกในรอบหลายปีที่มีการสำรวจความคิดเห็นของผู้วางนโยบายและผู้ปฏิบัติในพื้นที่ในเรื่องความคืบหน้า ความท้าทาย และโอกาสในการกำจัดโรคมาลาเรีย" ศ. ยงยุทธ ยุทธวงศ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและหนึ่งในคณะกรรมการขององค์การนานาชาติมาลาเรียอาร์บีเอ็มเพื่อการกำจัดมาลาเรีย และประธานร่วมของการสำรวจกล่าว "ในขณะที่คนส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่ามีความคืบหน้าในการกำจัดโรคมาลาเรีย บางคนอาจมีความมั่นใจมากเกินไป การเพิกเฉยเป็นเรื่องอันตราย ผมต่อสู้กับโรคมาลาเรียมาเกือบทั้งชีวิตและรู้ดีว่าการต่อสู้ในขั้นสุดท้ายเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในการกำจัดโรคมาลาเรีย"
          การที่เชื้อดื้อต่อยาฆ่าแมลงและยากลุ่มอาร์ติมิซินินได้ก่อให้เกิดความกังวลเป็นอย่างมาก ผู้ร่วมการสำรวจบางคนเชื่อว่าภูมิภาคนี้จะสามารถควบคุมปัญหานี้ได้ พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมายการกำจัดโรค ขณะที่บางคนกลับมีความเชื่อมั่นน้อยกว่า ทั้งนี้เกือบทั้งหมดกล่าวว่าการสนับสนุนงานด้านการวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับยาฆ่าแมลงและการรักษาโรคเป็นสิ่งสำคัญ ปัจจุบันทางโนวาร์ตีสกำลังทดลองยารักษาโรคมาลาเรียเชิงคลินิกในประเทศไทยและเวียดนาม ในกรณีที่ภาวะดื้อยากลุ่มอาร์ติมิซินินนั้นแพร่กระจายไป
          ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าโรคมาลาเรียที่ยังระบาดอยู่ในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นส่วนใหญ่ปรากฏอยู่ในพื้นที่ป่าที่เข้าถึงยากและประชากรที่อาศัยอยู่ไม่เป็นหลักแหล่งหรือผู้อพยพ พื้นที่เหล่านี้มักจะเป็นพื้นที่ชายแดนที่ห่างไกล ดังนั้นการเก็บข้อมูลและสร้างความเชื่อมั่นว่าผู้ที่มีความเสี่ยงได้รับการวินิจฉัย การรักษาและการดูแลจึงเป็นเรื่องท้าทาย
ขณะที่ภูมิภาคนี้ได้เข้าใกล้ความเป็นจริงในการกำจัดมาลาเรีย หลายฝ่ายต่างเห็นว่าการผสมผสานงานด้านมาลาเรียควบคู่ไปกับระบบการดูแลสุขภาพหลักเป็นเรื่องที่จำเป็น อย่างไรก็ตามผู้ร่วมการสำรวจมีความกังวลว่าทักษะของผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการวินิจฉัยโรคด้วยกล้องจุลทรรศน์อาจถูกกลืนหายไปในกระบวนการดังกล่าว
          "การพัฒนาระบบการดูแลขั้นพื้นฐานที่ครอบคลุมมีความสำคัญมากเนื่องจากภูมิภาคเอเชียยังคงเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคเรื้อรังที่มีมากขึ้น" ดร.ศรีนาถ เรดดี ประธานมูลนิธิสาธารณสุขแห่งอินเดียและประธานร่วมของการศึกษา MalaFAsia กล่าว "อย่างไรก็ตามเราต้องพยายามรักษาความรู้ความชำนาญด้านโรคมาลาเรียที่จำเป็นไว้เพื่อให้บรรลุผลในการกำจัดมาลาเรีย"
โนวาร์ตีสได้สนับสนุนการจัดทำรายงาน MalaFA อันเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาชิ้นใหญ่ที่มีระยะเวลาสองปีเพื่อทำความเข้าใจมุมมองของผู้เชี่ยวชาญระดับชาติและระดับภูมิภาคทั่วเอเชียและแอฟริกาเกี่ยวกับความคืบหน้าและความท้าทายของการกำจัดมาลาเรีย
จุดจบของโรคมาลาเรียในเอเชียพลิกผันเมื่อเชื้อดื้อยาฆ่าแมลงและยารักษา
 

ข่าวองค์การอนามัยโลก+องค์การอนามัยโลวันนี้

สธ. ดันโครงการ "เด็กฉลาดสร้างได้ตั้งแต่แรกเกิด" ชี้ธาตุเหล็กช่วยพัฒนาสมองลูกน้อย เสริมพัฒนาการให้สมวัย

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดโครงการ "เด็กฉลาดสร้างได้ตั้งแต่แรกเกิด" พร้อมด้วย พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี Mr. Mark Landry เจ้าหน้าที่โครงการขององค์การอนามัยโลก (WHO) ประจำประเทศไทย นางนภัทร พิศาลบุตร ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทยผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหารกรมอนามัย ร่วมงาน ณ บริเวณโถงชั้นล่าง อาคาร 3 ชั้น 1 สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข

ปัจจุบันปัญหาการบริโภคโซเดียมเกินความจำเป... ผงปรุงรสจากพืชพื้นบ้าน: นวัตกรรมทางเลือกเพื่อสุขภาพและความยั่งยืนของชุมชน — ปัจจุบันปัญหาการบริโภคโซเดียมเกินความจำเป็นเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ส่งผ...

การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ห่วงใยประชาชนพ... กปภ. ตรวจเข้มคุมคุณภาพน้ำ 24 ชั่วโมงย้ำ ! น้ำประปาเชียงรายสะอาด ปลอดภัย มั่นใจได้ — การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ห่วงใยประชาชนพื้นที่จังหวัดเชียงราย กำชับ ก...

บริษัท โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) ... โนโว นอร์ดิสค์ จัดงานแถลงข่าวมุ่งเน้นประโยชน์สำหรับคนไข้ที่มากกว่าการลดน้ำหนัก — บริษัท โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด หรือ "โนโว นอร์ดิสค์" จัดง...

องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้ทุกวันที่ ... GSK ร่วมรณรงค์ "สัปดาห์การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโลก 2025" ชูการป้องกันโรคสำหรับทุกวัย — องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้ทุกวันที่ 24-30 เมษายนของทุกปีถือเป็...