เมื่อพิจารณาพื้นที่ปลูกข้าวจังหวัดนนทบุรี พบว่า ปัจจุบันมีพื้นที่มีความเหมาะสมมากและปานกลางสำหรับปลูกข้าว จำนวน 139,336 ไร่ ในขณะที่พื้นที่มีความเหมาะสมน้อยและไม่เหมาะสมสำหรับปลูกข้าวมีจำนวน 15,363 ไร่ โดยปัจจุบันเกษตรกรได้มีการปรับการเพาะปลูกข้าวให้เร็วขึ้นในพื้นที่ราบลุ่ม เพื่อให้เก็บเกี่ยวทันก่อนฤดูน้ำหลากเพื่อเป็นที่รองรับน้ำ และพื้นที่บางส่วนเกษตรกรได้มีการปรับเปลี่ยนการผลิตและพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพเพื่อเพิ่มมูลค่าอย่างหลากหลาย ได้แก่
การทำนาบัว (บัวฉัตร) แหล่งผลิตอยู่ที่ อ.บางใหญ่ และ อ.บางกรวย มีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 27,313 บาท/ไร่/ปี เกษตรกรได้ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย 10,887 บาท/ไร่/ปี การทำนาผักบุ้งน้ำ อายุปลูก-เก็บเกี่ยว 90 วัน มีต้นทุนการผลิต 7,474 บาท/ไร่ เกษตรกรได้ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย 11,526 บาท/ไร่/รอบการผลิต การปลูกผักต่างๆ หมุนเวียนให้เหมาะสมกับฤดูกาลและความต้องการของตลาด อาทิ เช่น กุยช่าย เก็บใบและดอกกุยช่ายขาย มีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 49,387 บาท/ไร่/ปี ได้ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย 31,813 บาท/ไร่/ปี กะเพราแดง มีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 59,576 บาท/ไร่/ปี ได้ผลตอบแทนสุทธิ เฉลี่ย 12,425 บาท/ไร่/ปี ผักกาดหอม อายุเก็บเกี่ยว 50 วัน มีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 10,482 บาท/ไร่ ได้ผลตอบแทนสุทธิ เฉลี่ย 1,518 บาท/ไร่/รอบการผลิต รวมทั้งการปลูกไม้ดอกไม้ประดับต่างๆ เช่น ปลูกต้นดอกรัก ซึ่งเป็นไม้ยืนต้น ทนแล้ง สามารถปลูกตามคันนาหรือปลูกแซมในพื้นที่ว่างเปล่า เก็บผลผลิตได้ตลอดปี มีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 24,514 บาท/ไร่/ปี ได้ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย 25,486 บาท/ไร่/ปี ทั้งนี้ ผักบุ้งน้ำ กุยช่าย กะเพราแดง ผักกาดหอม และดอกรัก แหล่งผลิตอยู่ที่ อ.ไทรน้อยและ อ.บางบัวทอง นอกจากนี้ หากเกษตรกรมีการปลูกแซมไม้ดอกอื่นๆ ได้แก่ ต้นดอกจำปี ดอกดาหลา และ เตยหอม เป็นต้น ก็จะช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกรอีกด้วย
ด้านนายชีวิต เม่งเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 7 จังหวัดชัยนาท (สศท.7) กล่าวเสริมว่า ในส่วนของตลาดรับซื้อนั้น จังหวัดนนทบุรีมีที่ตั้งใกล้แหล่งรับซื้อ เช่น ตลาดไท ตลาดปากคลองตลาด ซึ่งช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งและรักษาคุณภาพของสินค้าได้ ทั้งนี้ การร่วมวางแผนการผลิตสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับการลงทุนมากที่สุด สิ่งสำคัญการมีข้อมูลด้านการผลิตและการตลาดจะเป็นข้อมูลเชื่อมโยงเพิ่มช่องทางการตลาดได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม จังหวัดนนทบุรีได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำเค็ม จึงควรมีแหล่งเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนไว้ใช้ในหน้าแล้ง ทั้งนี้ ท่านที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมข้อมูลพืชทางเลือกในพื้นที่ภาคกลาง สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 7 โทร. 056 405 005 - 8 หรือ อีเมล [email protected]
เลขาธิการ สศก. เตรียมนำทีม ลุย Crop Cutting ภาคสนามเพชรบูรณ์ 27 ตุลาคมนี้ ลงพื้นที่แปลงข้าวโพดเกษตรกร ยกระดับข้อมูลแม่นยำพืชเศรษฐกิจของประเทศ
สศท.12 ชวนศึกษาวิถี เกษตรอินทรีย์ 'บ้านสวนน้อยชมจันทร์' จ.เพชรบูรณ์ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรแบบยั่งยืน
โครงการปรับปรุงคลองส่งน้ำ ท่ามะกา ระยะ 5 ช่วยเกษตรกร 40 ครัวเรือน ผลผลิตและรายได้เพิ่ม
สศก. ลงพื้นที่สมุทรสาคร หนุนเกษตรกรเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม GAP ชี้ได้เปรียบทั้งคุณภาพและความปลอดภัย
สศก. จัดสัมมนาระดมความเห็น ดึงแพลตฟอร์ม "AgriDataProv" ขับเคลื่อนการเกษตรด้วย Big Data สู่จังหวัดยุคดิจิทัล
สศก. ติดตามความก้าวหน้าโครงการจัดการความเสื่อมโทรมของที่ดิน ด้วยแนวคิด LDN มุ่งสู่การใช้ที่ดินอย่างยั่งยืน
สศท.6 ชวนเช็คอิน 'สวนผลอำไพ' จ.ตราด แหล่งเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ สร้างมูลค่าเพิ่มเชื่อมโยงการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
โครงการส่งเสริมและพัฒนาสินค้าเกษตรชีวภาพ หนุนเกษตรกรสร้างรายได้จากสมุนไพร-แมลงเศรษฐกิจ
สศท.6 ชี้ผลสำเร็จโครงการนำร่องการแก้ไขปัญหาลดผลกระทบจากช้างป่า พื้นที่บ้านหนองกระทิง จ.ฉะเชิงเทรา ช่วยเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ลดรายจ่ายครัวเรือน