นายพลเชษฐ์ ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงในพื้นที่จังหวัดน่านตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยแล้ง จำนวน 44,642 ไร่ (ข้อมูล ณ 14 กุมภาพันธ์ 2563) และพบว่าสถานการณ์ภัยแล้งยังส่งผลกระทบต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มี ความเสี่ยง ขาดแคลนน้ำในการทำการเกษตร เกษตรกรจึงควรปรับเปลี่ยนการปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย มีความทนทานต่อภัยธรรมชาติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากภัยแล้งได้อีกทางหนึ่ง
จากการลงพื้นที่ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 2 จังหวัดพิษณุโลก (สศท.2) เพื่อศึกษาสินค้าเกษตรที่สำคัญในพื้นที่จังหวัดน่าน พบว่า ไผ่รวกและมะม่วงหิมพานต์เป็นพืชเศรษฐกิจที่ควรส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก เนื่องจากเป็นพืชที่เหมาะสมต่อการปลูกในสภาพพื้นที่ค่อนข้างแห้งแล้ง ใช้น้ำน้อย มีต้นทุนการผลิตต่ำแต่ให้ผลตอบแทนสูง อีกทั้ง ตลาดยังมีความต้องการต่อเนื่อง โดยสินค้าทางเลือกแต่ละชนิด มีต้นทุนและผลตอบแทน ดังนี้
ไผ่รวก มีพื้นที่เพาะปลูก จำนวน 18,983 ไร่ เนื้อที่ให้ผล 16,010 ไร่ ผลผลิตรวม 14,232,890 ลำ/ปี พื้นที่ปลูกส่วนใหญ่อยู่ในอำเภอปัว ท่าวังผา สันติสุข และทุ่งช้าง มีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย5,503 บาท/ไร่ (เริ่มให้ผลผลิต ในปีที่ 3-4 และเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ระยะยาว) ระยะเวลาเก็บเกี่ยว สามารถเก็บผลผลิตได้ตลอดทั้งปี ให้ผลผลิตเฉลี่ย 889 ลำ/ไร่ คิดเป็นผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย (กำไร) 6,833 บาท/ไร่ หรือ 7.69 บาท/ลำ ราคาที่เกษตรกรขายได้ 13.50 บาท/ลำ ลักษณะของไผ่ลวก สามารถทนแล้งได้ดี ปลูกง่ายในดินร่วนปนทราย ปลูกได้ตั้งแต่ที่ราบจนถึงภูเขาสูง 400 - 600 เมตร ต้องการปริมาณน้ำฝนเพียง 1,020 มิลลิเมตรต่อปี อุณหภูมิที่เหมาะสม 8.8 – 36 องศาเซลเซียส ซึ่งในช่วงปีแรกๆ ที่ไผ่ยังไม่ให้ผลผลิต เกษตรกรอาจปลูกพืชผัก สมุนไพร หรือพืชตระกูลถั่วแซมเพื่อเพิ่มรายได้ หรือปลูกควบคู่กับไม้ผลอื่นๆ ได้ด้วย ด้านการจำหน่ายผลผลิต ส่วนใหญ่ร้อยละ 90 จำหน่ายในลักษณะเหมาสวนให้กับพ่อค้าในท้องถิ่น อีกร้อยละ 10 จำหน่ายให้แก่พ่อค้าต่างจังหวัด เพื่อขนส่งไปยังผู้เลี้ยงฟาร์มหอยแมลงภู่ในภาคกลางและภาคใต้ เนื่องจากลำไม้ไผ่มีความยืดหยุ่น ทนกระแสคลื่นและลมทะเลได้ดี ปัจจุบันมีผู้ประกอบการโรงงานในพื้นที่อำเภอนาน้อย นำมาแปรรูปเป็นตะเกียบ ไม้เสียบลูกชิ้น เครื่องเรือน เครื่องจักรสาน วัสดุตกแต่ง และเฟอร์นิเจอร์
มะม่วงหิมพานต์ มีพื้นที่เพาะปลูก จำนวน 23,090 ไร่ เนื้อที่ให้ผล 13,554 ไร่ ผลผลิตรวม 6,573,690 กก./ปี พื้นที่ปลูกส่วนใหญ่ อยู่ในอำเภอนาหมื่น แม่จริม เมืองน่าน และสันติสุข มีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 10,077 บาท/ไร่ (เริ่มให้ผลผลิต ในปีที่ 3 และเก็บเกี่ยวผลผลิต ได้ระยะยาว) ระยะเวลาเก็บเกี่ยว ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - พฤษภาคม ให้ผลผลิตเป็นเมล็ดสดไม่กะเทาะเปลือกเฉลี่ย 485 กก./ไร่ คิดเป็นผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย (กำไร) 8,107.50 บาท/ไร่ หรือ 16.72 บาท/กก. ราคาที่เกษตรกรขายได้ 36.50 บาท/กก. เป็นพืชอีกชนิดที่ทนแล้ง ปลูกง่ายในสภาพอากาศชื้นและอบอุ่น น้ำไม่ท่วมขัง ซึ่งในช่วง 1-2 ปีแรก เกษตรกรอาจปลูกพืชไร่แซมเพื่อเป็นการเพิ่มรายได้และช่วยกำจัดวัชพืช ด้านการจำหน่ายผลผลิต ส่วนใหญ่ร้อยละ 90 จำหน่ายให้แก่พ่อค้าในท้องถิ่นและ อีกร้อยละ 10 จำหน่ายตรงให้โรงงานแปรรูปในจังหวัด เพื่อแปรรูปเป็นเมล็ดกะเทาะเปลือกดิบและอบพร้อมรับประทาน ซึ่งในปี 2565 โรงงานแปรรูปดังกล่าวมีแผนจะรับซื้อผลผลิตประมาณ 5,000 ตัน ด้านนายบุญลาภ โสวัณณะ ผู้อำนวยการ สศท.2 กล่าวเพิ่มเติมว่า สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดน่าน เป็นป่าและภูเขาสูง พืชเศรษฐกิจหลักคือข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ซึ่งเป็นการปลูกแบบพืชเชิงเดี่ยว และมักประสบปัญหาราคาตกต่ำ อีกทั้งยังประสบปัญหาทรัพยากรเสื่อมโทรม ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ เกิดการชะล้างพังทลาย ส่งผลให้ผลิตภาพและรายได้ทางการเกษตรลดลง ดังนั้น นโยบาย หรือมาตรการส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนพืชเดิมให้เป็นพืชที่เหมาะสมกับสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะพืชทนแล้ง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่หน่วยงานระดับพื้นที่ควรดำเนินการโดยเร่งด่วน โดยจังหวัดน่านนับได้ว่าเป็นแหล่งผลิตไผ่ที่สำคัญของภาคเหนือมีการกำหนดยุทธศาสตร์ไผ่เพื่อส่งเสริมการปลูกในพื้นที่เสื่อมโทรม พื้นที่เกษตรกรรม เพื่อลดการทำลายป่า ป้องกันบรรเทาภัยธรรมชาติ ช่วยดูดซับคาร์บอนและลดภาวะโลกร้อน เช่นเดียวกับมะม่วงหิมพานต์ ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง สามารถแปรรูปเพิ่มมูลค่า ส่งจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศได้ รวมถึงพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์โดดเด่นเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวของจังหวัด กล่าวได้ว่า ไผ่และมะม่วงหิมพานต์ สามารถสร้างรายได้ ยกระดับความเป็นอยู่ของชุมชน และเป็นการเพิ่มพื้นที่ป่า และสร้างสมดุลระบบนิเวศของจังหวัดน่านได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ เกษตรกรหรือท่านใดที่สนใจข้อมูลการผลิตสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สศท.2 โทร. 05 532 2658 หรือ [email protected]
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับ นายหานจื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย (H.E. Mr. Han Zhiqiang) โดยมี ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี นายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมกรมวิชาการเกษตร นายสมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร นายปณิธาน มีไชยโย ผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ผู้
โครงการส่งเสริมการแปรรูปสินค้าเกษตรในระดับชุมชนสร้างอาชีพมั่นคง ต่อยอดมูลค่าผลิตผลทางการเกษตร
—
นางธัญธิตา บุญญมณีกุล รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร...
ไทยส่งเสริมบทบาทสตรีในภาคเกษตร ผลักดันความมั่นคงด้านอาหารและโภชนาการ ในเวที CFS ครั้งที่ 51
—
นางสาวกาญจนา ขวัญเมือง รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ...
สศก. ติดตามโครงการอ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา
—
สศก. ติดตามโครงการอ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา แหล่งน้ำขนาดใหญ่ เพื่อเกษตรกรรม และระบบนิเวศครบครัน นายฉันทานนท์...
สศก. ลงพื้นที่โคราช-เลย สำรวจแหล่งผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ระบุ พฤศจิกายน ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ขณะที่ราคายังดี เฉลี่ย กก.ละ 10.28 บาท
—
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร...
สศก. ขึ้นรับรางวัล 'Excellent Open Data Hub' หน่วยงานเปิดเผยชุดข้อมูลเปิดภาครัฐ โครงการ DIGI DATA AWARDS
—
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจ...
พร้อมให้บริการ Big Data สศก. พัฒนาเครื่องมือเนวิเกเตอร์ภาคเกษตร เชื่อมโยงฐานข้อมูลขนาดใหญ่ 909 ชุดข้อมูล จาก 91 หน่วยงาน ให้บริการผ่านเว็บไซต์
—
นายฉันทานนท...
ผู้บริหาร TQR ขยันสุดๆ
—
หุ้นนายหน้าประกันภัยต่อรายแรกของไทย…อนาคตสดใส ต้องยกให้กับ บมจ.ที คิว อาร์ (TQR) เดินหน้าคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา...
TQM ร่วมมอบประกันอุบัติแก่เกษตรกรไทย ในโครงการ "คุ้มครองอุบัติเหตุ เซฟเกษตรอาสา"
—
ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธานกรรมการ บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (...
สศก. เร่งเครื่อง ลุยแผนปฏิบัติการด้านเกษตรอินทรีย์ ระยะ 5 ปี ให้สมบูรณ์ ดันไทยเป็นผู้นำอาเซียนเกษตรอินทรีย์ ภายในปี 2570
—
ดร.ทัศนีย์ เมืองแก้ว รองเลขาธิ...