การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เผยสถานการณ์โรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพารามีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพบพื้นที่ติดโรคเหลือเพียง 20 ไร่เศษ จากพื้นที่เคยติดโรคเกือบ 8 แสนไร่ ผลพวงจากการผลัดใบตามฤดูกาลและสภาพอากาศที่มีความชื้นต่ำในช่วงที่ผ่านมา ย้ำเกษตรกรชาวสวนยางอย่าชะล่าใจหมั่นตรวจสอบสวนยางพาราของตน หากพบโรคนี้ให้รีบแจ้ง กยท. ในพื้นที่ทันที
ดร.กฤษดา สังข์สิงห์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยยาง การยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์ล่าสุดของโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพาราว่ามีแนวโน้มดีขึ้น หลังลงพื้นที่สำรวจสวนยางพาราที่เคยได้รับรายงานการติดเชื้อ 10 จังหวัด ได้แก่ นราธิวาส ยะลา ปัตตานี สงขลา สตูล พังงา ตรัง พัทลุง กระบี่ และสุราษฎร์ธานี พบว่าต้นยางพาราที่ยังคงติดเชื้อโรคใบร่วงชนิดใหม่ฯ เหลือเพียง 20 ไร่ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีเท่านั้น หลัง กยท. พบการระบาดของโรคดังกล่าวตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน 2562 ในจังหวัดนราธิวาส และมีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นเชื้อราที่ฟุ้งกระจายในอากาศ ส่งผลให้มีต้นยางพาราติดเชื้อเกือบ 8 แสนไร่ทั่วประเทศในช่วงต้นปี 2563 ดังนั้นเพื่อให้การบริหารจัดการโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพตามหลักวิชาการ กยท. จึงร่วมกับกรมวิชาการเกษตร และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA บูรณาการงานวิจัยร่วมกันในการเร่งแก้ปัญหาโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพารา ด้วยการเก็บตัวอย่างเพื่อวิเคราะห์หาเชื้อ การทดสอบการเกิดโรคเพื่อยืนยันเชื้อสาเหตุโรค การทดสอบประสิทธิภาพสารกำจัดเชื้อรา และการทดสอบอุปกรณ์และวิธีการฉีดพ่นที่เหมาะสมสำหรับสวนยาง นอกจากนี้ยังได้นำระบบดาวเทียมเข้ามาช่วยสำรวจพื้นที่ที่เกิดใบร่วง ดูทิศทางการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ที่เกิดใบร่วงในแต่ละห้วงเวลา
ดร.กฤษดา กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยที่ทำให้โรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพาราดีขึ้น นอกจากการที่ กยท. ออกคำแนะนำ ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่แนวทางการป้องการกำจัดโรค การสาธิตและการสนับสนุนปัจจัยในการป้องกันกำจัดโรคในบางพื้นที่แล้ว ผลพวงอีกส่วนหนึ่งมาจากการผลัดใบตามธรรมชาติของต้นยางพารา เนื่องจากเชื้อราชนิดนี้ส่วนใหญ่เข้าทำลายที่ใบ เมื่อยางทิ้งใบเชื้อที่อยู่บนใบก็ร่วงหล่นลงไปด้วย และเมื่อมีการแตกใบชุดใหม่ขึ้นมาเป็นช่วงฤดูแล้ง ประกอบกับช่วงที่ผ่านมายังไม่มีฝนตกหรือมีน้อย ทำให้ความชื้นต่ำ จึงยังไม่ปรากฏการเข้าทำลายของโรคนี้
“อย่างไรก็ตามเกษตรกรต้องหมั่นตรวจสอบสวนยางพาราของตนเอง ดูแลทำความสะอาดแปลง ใส่ปุ๋ยบำรุงต้นยางพาราอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำ อีกทั้งฤดูฝนที่กำลังจะเข้ามาอาจเอื้ออำนวยต่อการเข้าทำลายเชื้อ มีโอกาสที่เกิดขึ้นอีกได้ เกษตรกรจึงไม่ควรชะล่าใจ หากพบการระบาดหรือติดเชื้อชนิดนี้ให้รีบแจ้ง กยท. ในพื้นที่เพื่อเข้าตรวจสอบและหาแนวทางช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน”
กยท. MOU ร่วม บ.ไทยอีสเทิร์น สร้างสมดุลระบบยาง หนุนตลาดรองรับผลผลิตที่เป็นธรรม
กยท. เยือนท่าเรือชิงเต่า ศึกษาระบบบริหารจัดการฯ มุ่งสนับสนุนสถาบันเกษตรกรฯ ผ่านการปั้น "แบรนด์ RAOT" สู่ตลาดโลก
พร้อมแล้ว! ทุนปลูกแทนปีงบฯ 69 กยท. เปิดรับคำขอฯ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. - 31 มี.ค. 69 สนับสนุนเกษตรกรเพื่อการปลูกแทนสู่ความยั่งยืน
กยท. จัดสรรงบ 2,800 ลบ. หนุนชาวสวนยางที่ยื่นขอโค่นยางฯ ด้วยทุนตนเองไว้แล้ว ตั้งเป้าอนุมัติสวนครบ - พร้อมจ่ายเงิน ภายใน 15 ก.ย. นี้
STA สนับสนุน "ทำยางไทยอย่างยั่งยืน" ส่งต่อองค์ความรู้แก่เกษตรกร สหกรณ์ และผู้ค้ายาง ในงานปิดกรีดยาง ประจำปี 68 จ.พิษณุโลก
กยท. หนุนงบ 16 ลบ. ดันอาชีพเสริมชาวสวนยาง สอดรับนโยบายรัฐบาล สร้างรายได้ระยะยาวแก่เกษตรกร
NER ลงนาม MOU กยท. ยกระดับการพัฒนาการซื้อขายยางพารา
กลุ่มบริษัท TEGH จับมือ Apollo และ การยางแห่งประเทศไทย จ.ฉะเชิงเทรา จัดประชุม การจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน (FSC) ประจำปี 2565
กลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นนำกลุ่มเกษตรสวนยางเยี่ยมชม IRPC และสวนตัวอย่าง