จะทำอย่างไรให้เกษตรกร ชาวไร่ชาวนามีความสุข สามารถมีรายได้จุนเจือครอบครัวได้อย่างสุขสบาย คำถามจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของเด็กน้อยในครอบครัวเกษตรกรดั้งเดิม ที่เห็นความยากลำบากของพ่อแม่ จากการทำนามาตั้งแต่เด็ก จึงพยายามเดินหนีจากอาชีพเกษตรกรไป เพียงเพราะความคิดที่ว่า “รายได้ชาวไร่ชาวนาคงไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต” แต่สุดท้ายแล้วก็พบว่า หนทางเดียวที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขอย่างยั่งยืนได้นั้น คือการพลิก วิธีคิดใหม่ด้วยการหันมา “ทำนาแบบเกษตรอินทรีย์” ลดการใช้ปุ๋ยและสารเคมีลง
“ลุงบุญมี สุระโคตร” เกษตรกรชาวบ้าน ที่ต้องผ่านร้อน ผ่านหนาวบนหลายเส้นทางอาชีพไม่ว่าจะเป็นช่างเฟอร์นิเจอร์ ช่างตัดผม และช่างเดินสายไฟ โดยละทิ้งอาชีพชาวนาซึ่งเป็นอาชีพที่ครอบครัวสืบทอดให้ตั้งแต่จำความได้ แต่สุดท้ายพบว่า สิ่งที่อยากทำที่สุด คือ “ทำนา ปลูกข้าว” ในวิถีเกษตรอินทรีย์ จนกระทั่งพลิกผันชีวิตให้ประสบความสำเร็จในอาชีพเกษตรกรรมอย่างทุกวันนี้ และกลายเป็นเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ปราชญ์ชาวบ้านด้านการอนุรักษ์ภูมิปัญญา การทำนาข้าวอินทรีย์ หลังจากได้น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในผืนนาของตัวเอง ผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์
คุณภาพดี ที่มีต้นทุนต่ำ สร้างแรงจูงใจให้ชาวนาในพื้นที่ใกล้เคียงหันมาปลูกข้าวอินทรีย์ จนในวันนี้ได้กลายเป็นประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวบ้านอุ่มแสง ตำบลดู่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ แหล่งเกษตรอินทรีย์อันดับต้น ๆ ของประเทศ
เรื่องราวที่น่าสนใจของลุงบุญมี ชาวนาผู้ปลูกข้าวอินทรีย์ส่งออก ได้ถูกนำมาถ่ายทอดผ่านหลักสูตรเกษตรอินทรีย์ เพื่อการส่งออก ภายใต้ระบบการเรียนรู้ในรูปแบบ E-Learning ที่เรียกว่า “The Guru ปันความรู้สู่ภูมิภาค” ของสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่(NEA) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ หน่วยงานที่จัดโครงการอบรมและสัมมนาเพื่อสร้างความเข้าใจและองค์ความรู้ให้ผู้ประกอบการไทย เพื่อร่วมแบ่งปันแรงบันดาลใจในการสร้างดีเอ็นเอของผู้ประกอบการ และเกษตรกรยุคใหม่ที่ต้องไม่หยุดเรียนรู้และพัฒนา พร้อมด้วยประสบการณ์การพลิกทุ่งนาให้กลายเป็นเกษตรอินทรีย์เต็มรูปแบบไปพร้อม ๆ กัน โดยบางส่วนบางตอนจากหลักสูตรลุงบุญมีได้ให้ข้อคิด 3 ข้อที่น่าสนใจคือ
1.ทุกก้าวย่างที่ก้าวเดิน คือ ตำราเรียน เพียงแค่อยากรู้อะไร ต้องก้าวเข้าไปเรียนรู้ตลอดเวลา เพื่อแก้ปัญหาชีวิตเกษตรกรให้ไม่ต้องลำบาก สามารถใช้ชีวิตได้อย่างไม่เดือดร้อน สุดท้ายเมื่อเรียนรู้แล้วต้องนำมาปฏิบัติ เพื่อให้อาชีพเกษตรกร มีเกียรติมีศักดิ์ศรี และต้องเชื่อมั่นว่า อาชีพของเราสามารถสร้างรายได้ และจงภูมิใจที่เราเป็นประเทศเกษตรกรรม ที่เป็นแหล่งสร้างอาหารที่ดี ลุงบุญมีจึงน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในผืนนาของตัวเองโดยส่งเสริมให้สมาชิก ทำเกษตรอินทรีย์ รักษาสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ ให้ความสำคัญต่อสุขภาพทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค อีกทั้งเป็นการลดค่าใช้จ่ายเนื่องจากต้นทุนการผลิตที่มาจากปุ๋ยเคมีราคาแพง และมีผลกระทบต่อสุขภาพของเกษตรกร และผู้บริโภค
2. หลักการบริหาร คือ ผู้นำ ต้องเสียสละ ต้องมองภาพใหญ่เป็นตัวตั้ง ห้ามคิดเล็กคิดน้อยเรื่องรายได้ ถ้ามีรายได้ ทุกคนต้องได้เท่าเทียมกัน ลุงบุญมีเล่าว่า “จากคนกลุ่มเล็ก ๆ เพียงแค่ 47คน ที่มีความคิดมีอุดมการณ์อยาก ทำนาเกษตรอินทรีย์เหมือนกันมารวมตัวกันจนกลายเป็นกลุ่มมีความเข้มแข็งจึงเติบโตมาอย่างต่อเนื่องมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กลายเป็นกลุ่มแปลงใหญ่ข้าวเกษตรอินทรีย์ครบวงจร ปัจจุบันมีสมาชิก จำนวน 1,258 ครัวเรือน พื้นที่ปลูกข้าวอินทรีย์ 20,716 ไร่ บนพื้นที่ของทุ่งกุลาร้องไห้ จากรายงานผลประกอบการของวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวบ้านอุ่มแสงมีรายได้จากการ ขายข้าวอินทรีย์ชนิดต่าง ๆ มีกำไรมาอย่างต่อเนื่องและเติบโตอย่างก้าวกระโดดโดยจะตัดกำไร 15% จัดสรรเป็นเงินปันผลให้กับสมาชิก และกิจกรรมต่าง ๆ ของสมาชิกและชุมชน เช่น ทุนการศึกษาของลูกหลานสมาชิก สมทบทุนเพื่อ สาธารณประโยชน์ของชุมชน ฯลฯ และยังนำรายได้ที่ได้รับจากองค์กร Fair Trade ใช้จ่ายสำหรับการตรวจสอบแปลงนา ให้เป็นไปตามมาตรฐาน จัดทำกองทุนเมล็ดพันธุ์และปุ๋ย ผลิตน้ำดื่มชุมชน รวมทั้งเพื่อสาธารณกุศลในชุมชน กุญแจสำคัญที่ไขสู่ความสำเร็จของวิสาหกิจชุมชนแห่งนี้ นั่นคือ การเลือกทำเกษตรอินทรีย์และมีใบรับรองมาตรฐานต่าง ๆ ทำให้สามารถขายข้าวไปยังต่างประเทศได้สะดวกขึ้นส่งผลสมาชิกมีรายได้เพิ่มขึ้น นั่นเอง
3. เปลี่ยนการขายของหนักราคาถูกสู่ของเบาราคาสูง ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าให้ได้ประโยชน์สูงสุด แม้ข้าวอินทรีย์ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวอุ่มแสงจะขายดีไม่มีปัญหาเรื่องตลาด เป็นที่ต้องการสูงในตลาดโลก จนผลิตไม่ทันกับความต้องการ แต่การขายข้าวสารยังให้มูลค่าผลตอบแทนน้อยกว่า เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว ทางกลุ่มจึงหันมาศึกษาวิจัยเรื่องการแปรรูปข้าวเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าข้าวอย่างจริงจังและพัฒนาช่องทางตลาดไปพร้อม ๆ กัน
โดยได้รับการสนับสนุนด้านวิชาการเรื่องการแปรรูปข้าวจากหน่วยงานภาครัฐและสถาบันการศึกษาต่าง
ๆ จนพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวได้หลายสิบรายการ ยกตัวอย่างเช่น
ข้าวอินทรีย์แปรรูป แป้งจากจมูกข้าวกล้องงอก จมูกข้าวกล้องงอกพร้อมดื่ม
ไอศกรีมข้าวกล้องงอก ขนมที่ทำจากข้าวกล้องงอก เป็นต้น
จากข้อคิดดีๆ ที่ลุงบุญมี ได้มาเล่าถึงเบื้องหลังความสำเร็จ และถ่ายทอดประสบการณ์ในการเปลี่ยนทุ่งนาให้เป็นเกษตรอินทรีย์และสามารถส่งออกข้าว และผลิตภัณฑ์ต่างๆที่เกิดขึ้นมากมาย รวมถึงเปลี่ยนวิธีคิด มุมมองของเกษตรกรในกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ชาวบ้าน รวมถึงเป็นหนึ่งต้นแบบของชาวนา ที่พลิกผันให้ทุ่งกุลากลายเป็นผืนนาเกษตรอินทรีย์ ได้อย่างประสบความสำเร็จ ใครที่สนใจเรื่องราวของลุงบุญมีและกูรูท่านอื่น ๆ สามารถเข้าไปสมัครเรียนได้ที่ https://e-academy.ditp.go.th/theguru/ และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของโครงการหรือกิจกรรมอื่นๆ ของสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่(NEA)ได้ที่ nea.ditp.go.th หรือ www.ditp.go.th หรือ www.facebook.com/nea.ditp หรือ สายตรงการค้าระหว่างประเทศ 1169
เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม 9 ต้อนรับปิดเทอม ชวนเด็กๆ สัมผัสบรรยากาศท้องทุ่ง เรียนรู้วิถีชาวนา ปลูกผักเกษตรอินทรีย์ งาน INTO THE FARM "ล่องเรือดู…ควาย"
สศท.12 ชวนศึกษาวิถี เกษตรอินทรีย์ 'บ้านสวนน้อยชมจันทร์' จ.เพชรบูรณ์ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรแบบยั่งยืน
โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์ สานต่อแนวคิดเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืน From Rooftop Farm to Table
สศท.6 ชวนเช็คอิน 'สวนผลอำไพ' จ.ตราด แหล่งเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ สร้างมูลค่าเพิ่มเชื่อมโยงการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
มีวนา กาแฟอินทรีย์รักษาป่า เปิดบูธโชว์เมนูกาแฟสุดครีเอท X ไอศครีมข้าวออร์แกนิก "สิริไท" ในงาน Thailand Coffee Fest 2025
ท็อปส์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ร่วมมือกรมการค้าภายใน และศูนย์ AFC หอการค้าไทย รับซื้อกระท้อน จ.สระแก้ว
เปิดลิสต์ของดีหายาก ที่ต้องมาตามรอย ในงาน "จริงใจ มาหา...นคร" ครั้งที่ 12 วันที่ 9-13 ก.ค. 68 เซ็นทรัลเวิลด์
เปิดวาร์ป! “วิสาหกิจบ้านอุ่มแสง” แชมป์นาแปลงใหญ่ไทย