สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ในฐานะหน่วยบริหารจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมด้านระบบสุขภาพและสาธารณสุข เร่งจัดประชุมระดมสมอง “การจัดการงานวิจัยเชิงระบบเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ โควิด-19” โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ อาทิ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ สถาบันวัคซีนแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ เข้าร่วมประชุม เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2563 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมสุปัญญา สวรส. อาคารสุขภาพแห่งชาติ
 
                                                                                                                                        นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อโคโรน่า 2019 (โควิด-19) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (สกสว.) ได้จัดสรรงบประมาณวงเงิน 20 ล้านบาท จากงบสำรองกองทุน ให้กับ สวรส. สำหรับสนับสนุนและออกแบบการวิจัยเชิงระบบ โดยในการประชุมครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อรวบรวมข้อมูลการวิจัยโควิด-19 จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วน การร่วมระบุโจทย์วิจัยเชิงระบบที่ตอบสนองต่อสถานการณ์การระบาดโควิด-19 การประสานความร่วมมือกับหน่วยนโยบาย คือ กระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานผู้ใช้ประโยชน์ หน่วยบริหารจัดการทุนวิจัยด้านสุขภาพ และผู้เชี่ยวชาญ เพื่อกำหนดทิศทางการวิจัยระบบสุขภาพในการรับมือการระบาดในภาวะวิกฤติและหลังภาวะวิกฤติ ตลอดจนจัดทำเครือข่ายการวิจัยที่ตอบสนองต่อสถานการณ์ฯ     
                                                             
                                                                                                                            
“ตัวอย่างการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศอิตาลี ที่มีผู้ป่วยและคนเสียชีวิตจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการจัดการเชิงระบบ ซึ่งมีประเด็นสำคัญที่สามารถพัฒนาเป็นบทเรียนเพื่อการแก้ไขปัญหาในปัจจุบันและอนาคตได้ ดังนั้นเพื่อเตรียมการวิจัยเชิงระบบ สวรส. จึงได้นำพิมพ์เขียว (Blueprint) งานวิจัยจากองค์การอนามัยโลก (WHO) มาวิเคราะห์เพื่ออุดช่องว่างโดยระบุโจทย์วิจัยให้ชัดเจนขึ้นในบริบทประเทศไทย ซึ่งจาก WHO Research Blueprint ใน 9 ประเด็น (ประกอบด้วย 1.เชื้อไวรัสและการวินิจฉัย 2.ปัจจัยสภาพแวดล้อมและพาหะ 3.ระบาดวิทยา 4.การดูแลผู้ป่วย 5.การป้องกันควบคุมการติดเชื้อและการปกป้องบุคลากรด้านสุขภาพ 6.เวชภัณฑ์เพื่อวินิจฉัยและรักษา 7.วัคซีน 8.จริยธรรมการวิจัย 9.การวิจัยด้านสังคมศาสตร์เพื่อการตอบสนองต่อการระบาด) สวรส. ได้ดำเนินการขอความร่วมมือหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องให้มีการนำเสนองานวิจัยที่มีอยู่อย่างเร่งด่วน โดยรวบรวมมาตรการต่างๆ ทั้งด้านสาธารณสุขและเศรษฐศาสตร์/สังคม เพื่อพัฒนาเป็นฐานข้อมูลวิจัยโควิด-19 ของประเทศ สำหรับการติดตามสถานการณ์อย่างรอบด้าน นอกจากนั้น สวรส.จะดำเนินการประสานความร่วมมือกับหน่วยบริหารทุนวิจัยของประเทศ เพื่อสนับสนุนทุนวิจัยไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนและเน้นการทำงานที่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด” นพ.นพพร กล่าว
นอกจากนั้น สวรส. ยังได้เร่งดำเนินการพัฒนางานวิจัยเชิงระบบ ตามองค์ประกอบของกรอบแนวคิดระบบสุขภาพ (6 Building Blocks) โดย ผศ.ดร.จรวยพร ศรีศศลักษณ์ ผู้จัดการงานวิจัยอาวุโส สวรส. ได้นำเสนอกรอบการวิจัยเชิงระบบในการตอบสนองต่อสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ได้แก่ 1.ระบบบริการสุขภาพ อาทิ การวิจัยและพัฒนาเพื่อเตรียมความพร้อมของระบบบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขให้เป็นเอกภาพและมีประสิทธิภาพ ทั้งในช่วงก่อนเกิดวิกฤติ ขณะเกิดและหลังเกิด เพื่อลดความสูญเสียของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ, การวิจัยเพื่อออกแบบโครงสร้างพื้นฐานของสถานพยาบาลเพื่อรองรับโควิด-19 ให้มีความเหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ 2.ระบบกำลังคนด้านสุขภาพ อาทิ การจัดสรรบุคลากรทางการแพทย์หมุนเวียน 3.ระบบข้อมูลสุขภาพ อาทิ การวิจัยเพื่อพัฒนาระบบการเฝ้าระวัง ระบบเตือนภัย ระบบประชาสัมพันธ์เพื่อให้ข้อมูลต่อสาธารณะและป้องกันข่าวลวง 4.ระบบเทคโนโลยีทางการแพทย์ ยา เวชภัณฑ์ วัคซีน อาทิ การวิจัยพัฒนาระบบ logistic เพื่อการกระจายยา/ชุดทดสอบอย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมตั้งแต่การเก็บตัวอย่าง การส่ง การตรวจวิเคราะห์, การป้องกันการขาดแคลนชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) 5.ระบบการเงินการคลังสุขภาพ อาทิ มาตรการทางการเงินการคลังที่สนับสนุนระบบสุขภาพในช่วงก่อนเกิดวิกฤติ ขณะเกิดและหลังเกิด, ผลกระทบต่อการเงินการคลังในการจัดการสถานการณ์โควิด-19, รูปแบบการจ่ายเงินในการตรวจคัดกรองและรักษา 6.การอภิบาลระบบสุขภาพ อาทิ การวิจัยเพื่อพัฒนาข้อเสนอการประสานงานระหว่างรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสั่งการทั้งช่วงก่อนเกิดวิกฤติ ขณะเกิดและหลังเกิด, การประเมินมาตรการ Social distancing การปิดบางสถานที่ การจำกัดพื้นที่ 7.การวิจัยด้านสังคมศาสตร์ อาทิ การวิจัยที่สนับสนุนการพัฒนามาตรการต่างๆที่ควบคุม และลดการตีตราและปฏิบัติไม่เหมาะสม เช่น การเหยียดเชื้อชาติ หรือเหยียดประชาชนในชาติเดียวกันที่มาจากพื้นที่ที่มีการระบาด 8.การวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์ อาทิ การวิจัยมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับมาตรการทางสาธารณสุขเพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิด-19, มาตรการทางการเงินการคลังเพื่อปกป้องระบบเศรษฐกิจของประเทศ, แนวทางการปรับเปลี่ยนโรงแรมเพื่อเป็นโรงพยาบาลรองรับผู้ป่วยโควิดระยะไม่รุนแรง เป็นต้น
ทั้งนี้ จากการประชุมดังกล่าว นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวด้วยว่า กระทรวงสาธารณสุข พร้อมสนับสนุน สวรส. ในการทำงานวิจัยในสถานการณ์เร่งด่วนนี้ โดยเน้นให้เริ่มจากงานวิจัยในรูปแบบ Quick Research, Action Research เพื่อนำเอางานวิชาการหรือหลักฐานเชิงประจักษ์มาใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนให้หน่วยงานระดับนโยบายเลือกใช้ดำเนินงานเดินหน้าต่อการรับมือโรคโควิด-19 ได้ทันท่วงที ตลอดจนนำข้อมูลสะท้อนกลับให้แก่ผู้กำหนดนโยบาย เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมให้ สวรส. เป็นศูนย์กลางฐานข้อมูลด้านวิจัยโควิด -19 เพื่อให้รู้ว่ามีหน่วยงานใดหรือใครทำอะไร ที่ไหน ความพร้อมในการนำงานวิจัยมาใช้ประโยชน์  โดยให้มีการรายงานสถานการณ์การวิจัยเป็นระยะอย่างต่อเนื่องต่อไป
                                                                                                                            
 
                             SAFE โชว์ความสำเร็จการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ผู้ประกอบการโครงการ TCELS
                            SAFE โชว์ความสำเร็จการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ผู้ประกอบการโครงการ TCELS
                         วว. ผนึกกำลัง TCEL ยกระดับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางไทยสู่มาตรฐานสากล
                            วว. ผนึกกำลัง TCEL ยกระดับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางไทยสู่มาตรฐานสากล
                         MEDEZE ร่วมอภิปรายงานประชุมวิชาการนานาชาติ "สถานการณ์การพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง (ATMPs) ในประเทศไทย"
                            MEDEZE ร่วมอภิปรายงานประชุมวิชาการนานาชาติ "สถานการณ์การพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง (ATMPs) ในประเทศไทย"
                         วว. คว้ารางวัล Medal of Excellence จากเวที COSMETIC 360 ปี 2024 ณ ประเทศฝรั่งเศส
                            วว. คว้ารางวัล Medal of Excellence จากเวที COSMETIC 360 ปี 2024 ณ ประเทศฝรั่งเศส
                         นาโนเทค-อย.-TCELS หนุนระบบรับรองวัตถุดิบและสารสกัดสมุนไพร ยกระดับอุตฯ ไทยสู่สากล
                            นาโนเทค-อย.-TCELS หนุนระบบรับรองวัตถุดิบและสารสกัดสมุนไพร ยกระดับอุตฯ ไทยสู่สากล
                         TCELS นำเสนอเทคโนโลยีโปรตอนลดความเหลื่อมล้ำ ต้อนรับรองนายกอนุทิน
                            TCELS นำเสนอเทคโนโลยีโปรตอนลดความเหลื่อมล้ำ ต้อนรับรองนายกอนุทิน
                         TCELS เข้าร่วม NCRN conference 2023 พร้อมหนุนเสริมงานวิจัยคลินิกของประเทศ
                            TCELS เข้าร่วม NCRN conference 2023 พร้อมหนุนเสริมงานวิจัยคลินิกของประเทศ
                         TCELS พร้อมหนุน บีบีเอช ฮอสปิทอล แมเนจเม้นท์ เข้า mai ปี 2570
                            TCELS พร้อมหนุน บีบีเอช ฮอสปิทอล แมเนจเม้นท์ เข้า mai ปี 2570