มูลนิธิเพื่อการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (Health Intervention and Technology Assessment Program Foundation: HITAP Foundation) ร่วมกับสำนักวิชาสาธารณสุขศาสตร์ซอว์สวีฮก มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (Saw Swee Hock School of Public Health, National University of Singapore) จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ "วิจัยไม่สูญเปล่า: พัฒนานวัตกรรมสุขภาพอย่างไรให้คุ้มค่า" พร้อมจับมือหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ TCELS และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการจัดลำดับความสำคัญและการประเมินเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านสุขภาพในประเทศไทย โดยมีบุคลากรทางการแพทย์ นักวิจัย และนักพัฒนานวัตกรรมจากภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมงาน ณ โรงแรม เดอะ สุโกศล กรุงเทพฯ
 
                                                                                                                                        ในการประชุมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ "วิจัยไม่สูญเปล่า: พัฒนานวัตกรรมสุขภาพอย่างไรให้คุ้มค่า" ดร. นพ.ยศ ตีระวัฒนานนท์ เลขาธิการมูลนิธิเพื่อการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ และผศ. ดร. หวัง อี้ (Wang Yi) อาจารย์ประจำสำนักวิชาสาธารณสุขศาสตร์ซอว์สวีฮก มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ได้ร่วมให้ข้อคิดเห็นในประเด็นที่ว่า นวัตกรรมด้านสุขภาพต้องดีเพียงใดจึงจะเป็นที่ต้องการของผู้ใช้หรือสามารถขายได้ และทำอย่างไรจึงจะรู้ได้ว่าควรลงทุนวิจัยและพัฒนานวัตกรรมนั้นหรือไม่ พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับ "การประเมินเทคโนโลยีด้านสุขภาพในระยะพัฒนานวัตกรรม" หรือ early Heath Technology Assessment (early HTA) ให้แก่ผู้เข้าร่วมการประชุมฯ
                                                             
                                                                                                                            
ดร. นพ.ยศ กล่าวว่า "early HTA เป็นงานวิจัยแขนงใหม่ที่ปัจจุบันยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย แต่เมื่อผู้พัฒนานวัตกรรมได้รู้จักและเข้าใจแนวคิดเรื่อง early HTA แล้ว กว่าครึ่งสนใจ และมองว่าจะมีประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนานวัตกรรมด้านสุขภาพ เพราะ early HTA สามารถให้ข้อมูลและแนวทางได้ตั้งแต่ในช่วงของการวิจัยและพัฒนาว่าจะต้องพัฒนานวัตกรรมให้ดีแค่ไหน ในด้านไหน เพื่อให้ตอบโจทย์ของตลาดหรือระบบหลักประกันสุขภาพ ข้อมูลนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จของการพัฒนานวัตกรรมได้อย่างชัดเจน
ที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่ประสบความสำเร็จในการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์เท่าที่ควร นวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นในประเทศจำนวนมากไม่ได้ถูกนำไปต่อยอดจนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนและจำหน่ายในท้องตลาด ซึ่งเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย และหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญคือการขาดการประเมินเทคโนโลยีในระยะการพัฒนานวัตกรรม หรือ early HTA ซึ่งเป็นกระบวนการประเมินผลกระทบล่วงหน้าที่อาจเกิดขึ้นจากการนำเทคโนโลยีไปใช้ประโยชน์ในเวชปฏิบัติหรือชีวิตประจำวันของประชาชน ภายใต้เงื่อนไขคุณลักษณะหรือคุณสมบัติของเทคโนโลยีในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งการประเมินที่ว่านี้จะทำให้ผู้ลงทุนและผู้พัฒนานวัตกรรมทราบเป้าหมายคุณลักษณะหรือคุณสมบัติของเทคโนโลยีที่ต้องพัฒนาขึ้นเพื่อให้เทคโนโลยีนั้น ๆ เป็นที่ต้องการสูงสุดของตลาด
ปัจจุบันองค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) ได้ใช้กลไกนี้ในการผลักดันนวัตกรรมด้านสุขภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของระบบสุขภาพในระดับโลก เช่น กำหนดคุณสมบัติของเครื่องมือตรวจคัดกรอง ยาและวัคซีนสำหรับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ตั้งแต่ในช่วงต้นของการแพร่ระบาด นำมาซึ่งการพัฒนานวัตกรรมเหล่านั้นจนได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือองค์กรใกล้เคียงในทุกประเทศทั่วโลก ทำให้สามารถควบคุมและลดความสูญเสียจากการแพร่ระบาดของโรคได้ในเวลาอันรวดเร็ว ในฐานะที่ผมเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญของ WHO ในการกำหนดคุณสมบัติของวัคซีนโควิดตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 ก่อนที่จะมีวัคซีนออกสู่ท้องตลาดในปลายปี ผมได้เห็นประโยชน์ของการดำเนินงานในลักษณะนี้ จึงอยากนำมาประยุกต์เพื่อสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ของประเทศไทย"
ด้วยเล็งเห็นถึงความสำคัญของ early HTA มูลนิธิเพื่อการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพและสำนักวิชาสาธารณสุขศาสตร์ซอว์สวีฮก มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ จึงได้ผสานพลังกับ สปสช. TCELS และ สกสว. ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำของไทยในด้านนวัตกรรม นโยบายด้านสุขภาพ และการวิจัยและประเมินเทคโนโลยีด้านสุขภาพ เพื่อริเริ่มความร่วมมือในด้าน early HTA ในประเทศไทย และได้จัดพิธีลงนามฯ ในครั้งนี้ เพื่อประกาศจุดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการของความร่วมมือของทั้ง 5 หน่วยงาน
ในช่วงพิธีลงนามฯ ผู้แทนจากแต่ละหน่วยงานภาคีได้กล่าวสุนทรพจน์ โดย รศ. ดร.วรรณฤดี อิสรานุวัฒน์ชัย หัวหน้าโครงการและนักวิจัยอาวุโส มูลนิธิเพื่อการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ กล่าวว่า early HTA เป็นแขนงใหม่ของงานวิจัย HTA ซึ่งหลายประเทศเริ่มให้ความสนใจ ปัจจุบันมีองค์กรที่ทำงานด้าน early HTA อีกเพียง 2 แห่งทั่วโลก และในฐานะองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญด้านงานวิจัย HTA มูลนิธิฯ ถือเป็นเกียรติที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการบุกเบิกการทำงานด้าน early HTA ในภูมิภาคเอเชีย เพื่อเสริมศักยภาพการพัฒนานวัตกรรมสุขภาพให้สามารถนำนวัตกรรมไปต่อยอดใช้ได้จริง ทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ เพื่อการนี้ มูลนิธิฯ ร่วมกับมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ จัดตั้งทีมงาน Medical Innovation Development and Assessment Support หรือ MIDAS ภายใต้มูลนิธิฯ โดยทีมงานนี้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะในด้าน early HTA และจะมุ่งมั่นทำงานวิจัยเพื่อให้ข้อมูลสนับสนุนผู้ผลิตนวัตกรรม เพื่อให้มีโอกาสสำเร็จสูงสุดต่อไป
ศาสตราจารย์เตียว อิ๊กอิง (Teo Yik Ying) คณบดีสำนักวิชาสาธารณสุขศาสตร์ซอว์สวีฮก กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับมิตรและพันธมิตรในประเทศไทย โดยเฉพาะการจัดตั้งฝ่าย MIDAS ซึ่งนับว่าเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความมั่นใจว่านวัตกรรมทางการแพทย์รูปแบบใหม่ ๆ จะได้รับการประเมินอย่างเหมาะสมในด้านต้นทุนและผลประโยชน์ แม้กระทั่งก่อนที่เทคโนโลยีจะได้รับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์เพื่อการใช้งานจริง โดยฝ่ายนี้ได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขชั้นนำจากประเทศไทยและสิงคโปร์ในการทำงานร่วมกันเพื่อมุ่งสู่ความเสมอภาค ประสิทธิภาพ และความยั่งยืนในระบบสุขภาพที่มีความรับผิดชอบและพร้อมก้าวไปข้างหน้า
ทันตแพทย์อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า สปสช. มีบทบาทในการเก็บ รวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านการบริการสาธารณสุข ตลอดจนการสร้างการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพและมาตรฐานให้กับประชาชน และการบริหารจัดการกองทุนที่รวมถึงค่าใช้จ่ายเพื่อการบริการสาธารณสุขให้แก่หน่วยบริการและเครือข่ายหน่วยบริการภายใต้สิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งมีเพิ่มขึ้นทุกปี ดังนั้น การประเมินเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านสุขภาพจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มความคุ้มค่าและประสิทธิภาพของสิทธิประโยชน์ สปสช. จึงยินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือในครั้งนี้ และจะให้การสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมไปถึงการผลักดันเข้าสู่สิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทั้ง 5 หน่วยงานจะร่วมกันส่งเสริมการประเมินเทคโนโลยีในระยะการพัฒนานวัตกรรมด้านสุขภาพ โดยจะใช้จุดแข็งของทั้งห้าหน่วยงานมาร่วมกันเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศไทยและประชาชนไทยต่อไป
ดร. จิตติ์พร ธรรมจินดา ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ในฐานะหน่วยงานในกำกับของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) TCELS มีพันธกิจในการขับเคลื่อนนวัตกรรม รวมถึงกระตุ้นและเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตรที่เกี่ยวข้องกับด้านการแพทย์และสุขภาพ โดยครอบคลุมตั้งแต่การวินิจฉัย การรักษา และการป้องกันโรค อีกทั้งสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดงานวิจัยและนวัตกรรมด้านชีววิทยาศาสตร์ให้เชื่อมโยงสู่เชิงพาณิชย์ด้วยการร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมชีววิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งในสิบอุตสาหกรรมหลักที่สามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม และจากบทบาทของ TCELS ในการเป็นหน่วยบริหารจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมงานวิจัยและนวัตกรรมด้านการแพทย์และสุขภาพในช่วงปลายน้ำ ความร่วมมือด้าน early HTA ในครั้งนี้จึงมีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากจะช่วยให้ TCELS มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ และมีความมั่นใจในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ผ่านการประเมินในระยะเริ่มต้นมาก่อนแล้ว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการจัดสรรงบประมาณวิจัยทางด้านการแพทย์และสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รองศาสตราจารย์ ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กล่าวว่า สกสว. มีบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบในการส่งเสริมและขับเคลื่อนระบบวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมของประเทศ รวมถึงการสร้างองค์ความรู้ การพัฒนานโยบายสาธารณะ ตลอดจนสนับสนุนการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาประเทศอย่างสมดุลและยั่งยืน ปัจจุบัน งบประมาณลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ก่อนออกสู่ตลาดมีมูลค่ามาก ซึ่งการประเมินความคุ้มค่าของเทคโนโลยีด้านสุขภาพในปัจจุบันเป็นการประเมินหลังจากที่ผลิตภัณฑ์ได้ออกสู่ตลาดแล้ว และหากผลการประเมินออกมาไม่ดี เท่ากับว่าสูญเสียงบประมาณที่ลงทุนไปเป็นจำนวนมาก ดังนั้น หากมีเครื่องมือที่จะมาช่วยในการประเมินความคุ้มค่าของเทคโนโลยีในช่วงต้นของการลงทุนวิจัยและพัฒนา จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงของภาครัฐและเอกชนในการลงทุนการวิจัย และช่วยเพิ่มความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น สกสว. จึงยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือด้าน early HTA ในครั้งนี้ เพราะจะเป็นประโยชน์ในการช่วยภาครัฐและเอกชนตัดสินใจเรื่องการลงทุนในอนาคต
ด้วยการรวบรวมความเชี่ยวชาญที่หลากหลาย ทั้งด้านนวัตกรรม นโยบายด้านสุขภาพ และการวิจัยและประเมินเทคโนโลยีด้านสุขภาพให้เป็นหนึ่งเดียว ประกอบกับความมุ่งมั่นและเป้าหมายร่วมกันที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในแวดวงนวัตกรรมทางการแพทย์และระบบการรักษาพยาบาล ทั้ง 5 หน่วยงานเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือด้านการจัดลำดับความสำคัญและการประเมินเทคโนโลยีด้านสุขภาพในระยะพัฒนานวัตกรรม จะช่วยลดความเสี่ยงของการพัฒนานวัตกรรม ช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาในการเข้าสู่ตลาดและการบรรจุนวัตกรรมใหม่ในชุดสิทธิประโยชน์ นวัตกรรมในท้องตลาดจะมีราคาที่เหมาะสมมากขึ้น ช่วยประหยัดงบประมาณภาครัฐ อีกทั้งยังจะช่วยเพิ่มการเข้าถึงอย่างเท่าเทียมจนเป็นที่ประจักษ์ชัดได้อย่างแน่นอน
 
                             SAFE โชว์ความสำเร็จการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ผู้ประกอบการโครงการ TCELS
                            SAFE โชว์ความสำเร็จการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ผู้ประกอบการโครงการ TCELS
                         วว. ผนึกกำลัง TCEL ยกระดับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางไทยสู่มาตรฐานสากล
                            วว. ผนึกกำลัง TCEL ยกระดับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางไทยสู่มาตรฐานสากล
                         MEDEZE ร่วมอภิปรายงานประชุมวิชาการนานาชาติ "สถานการณ์การพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง (ATMPs) ในประเทศไทย"
                            MEDEZE ร่วมอภิปรายงานประชุมวิชาการนานาชาติ "สถานการณ์การพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง (ATMPs) ในประเทศไทย"
                         วว. คว้ารางวัล Medal of Excellence จากเวที COSMETIC 360 ปี 2024 ณ ประเทศฝรั่งเศส
                            วว. คว้ารางวัล Medal of Excellence จากเวที COSMETIC 360 ปี 2024 ณ ประเทศฝรั่งเศส
                         นาโนเทค-อย.-TCELS หนุนระบบรับรองวัตถุดิบและสารสกัดสมุนไพร ยกระดับอุตฯ ไทยสู่สากล
                            นาโนเทค-อย.-TCELS หนุนระบบรับรองวัตถุดิบและสารสกัดสมุนไพร ยกระดับอุตฯ ไทยสู่สากล
                         TCELS นำเสนอเทคโนโลยีโปรตอนลดความเหลื่อมล้ำ ต้อนรับรองนายกอนุทิน
                            TCELS นำเสนอเทคโนโลยีโปรตอนลดความเหลื่อมล้ำ ต้อนรับรองนายกอนุทิน
                         TCELS เข้าร่วม NCRN conference 2023 พร้อมหนุนเสริมงานวิจัยคลินิกของประเทศ
                            TCELS เข้าร่วม NCRN conference 2023 พร้อมหนุนเสริมงานวิจัยคลินิกของประเทศ
                         TCELS พร้อมหนุน บีบีเอช ฮอสปิทอล แมเนจเม้นท์ เข้า mai ปี 2570
                            TCELS พร้อมหนุน บีบีเอช ฮอสปิทอล แมเนจเม้นท์ เข้า mai ปี 2570