ฟิทช์ลดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นตั๋วแลกเงินของ บมจ. เอสโซ่ (ประเทศไทย) เป็น 'F2(tha)’ จาก 'F1(tha)’

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศลดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-term Rating) ของโปรแกรมการออกตั๋วแลกเงินมูลค่าไม่เกินหนึ่งหมื่นสองพันล้านบาท อายุไม่เกิน 270 วัน ซึ่งสามารถออกหมุนเวียนใหม่ได้ ของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (Esso) เป็น  'F2(tha)’ จาก  'F1(tha)’

การปรับลดอันดับเครดิตสะท้อนถึงการคาดการณ์ของฟิทช์ว่า อัตราส่วนหนี้สินของ Esso จะยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าสถานะการณ์การแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสจะคลี่คลายแล้วก็ตาม  ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (FFO Net Leverage) ของ Esso จะยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 5.5 เท่าในปี 2565-2566   ความสามารถในการทำกำไรและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของ Esso ได้รับผลกระทบมากกว่าผู้ประกอบในธุรกิจเดียวกันในประเทศไทยจากสภาพธุรกิจการกลั่นน้ำมันที่อ่อนแอในช่วงขาลง เนื่องจากบริษัทฯ มีขนาดธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจปิโตรเคมีที่เล็กกว่า ซึ่งคาดว่าบริษัทฯ จะประสบกับภาวะเช่นนี้ต่อเนื่องในปี 2563 เนื่องจากอุปสงค์และค่าการกลั่นน้ำมันที่ลดลงจากผลกระทบของ โคโรนาไวรัส

ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
กำไรที่คาดว่าจะลดลง: ฟิทช์คาดว่า กำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของ Esso จะลดลงต่อเนื่องในปี 2563 (บริษัทฯ มี EBITDA ติดลบประมาณ 2 พันล้านบาทในปี 2562) แม้ว่า EBITDA ที่ลดลงในปี 2562 ส่วนหนึ่งมาจากการผลิตที่ลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นครั้งใหญ่    
การคาดการณ์ EBITDA ที่ลดลงในปี 2563 เนื่องมาจากค่าการกลั่นที่น่าจะยังคงอ่อนแอ การขาดทุนจากสต็อกน้ำมันที่เกิดจากราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างมากในไตรมาสแรกของปี 2563 รวมถึงการกลั่นน้ำมันของบริษัทฯ ที่ฟิทช์คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติเนื่องจากความต้องการที่ลดลง  กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทฯ น่าจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2564 แต่ยังน่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำอยู่  ฟิทช์คาดว่า EBITDA ของบริษัทฯ น่าจะเพิ่มไปอยู่ที่ระดับ 3 ถึง 4 พันล้านบาทในปี 2565-2566 ซึ่งจะทำให้ FFO Net Leverage ลดลงไปอยู่ที่ระดับ 6-7 เท่า

การปรับแผนการลงทุน: Esso จะยังคงมีแผนที่จะขยายสถานีบริการน้ำมัน รวมถึงการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ของสถานีบริการเดิมในปี 2563    

อย่างไรก็ตาม แผนการลงทุนในปี 2564 สามารถปรับเปลี่ยนได้ และบริษัทฯ ยังไม่มีแผนการลงทุนขนาดใหญ่ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้านี้     ฟิทช์คาดว่าแผนการลงทุนของ Esso จะอยู่ที่ประมาณ 1.8-1.9 พันล้านบาท ในปี 2563 (ปี 2562 อยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท)

สภาพคล่องที่ดี: ฟิทช์เชื่อว่า Esso มีความสามารถในการบริหารจัดการสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง แม้ว่าบริษัทฯ จะยังคงมี EBITDA ที่ติดลบในปี 2563 และมีอัตราส่วนหนี้สินที่สูง      

ฟิทช์มองว่า การกู้ยืมเงินจากกลุ่มบริษัทในเครือบริษัทแม่ แม้ว่าจะมีสถานะเท่าเทียมกับหนี้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันทั่วไป และมีอัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราในตลาด น่าจะทำให้ Esso สามารถบริหารจัดการสภาพคล่องได้ง่าย รวมถึงช่วยสนับสนุนการกู้ยืมจากภายนอกอีกด้วย  

Esso มีเงินกู้ยืมจากบริษัทภายในกลุ่ม (Inter-company Loans) จำนวน 1.7 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2562 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 64 ของหนี้สินทั้งหมด  นอกจากนี้ Esso ยังมีวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนจำนวน 5.4 หมื่นล้านบาทจากกลุ่ม ExxonMobil เพื่อสนับสนุนสภาพคล่องของบริษัทฯ อีกด้วย

การสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากบริษัทแม่: ฟิทช์มองว่า Esso ได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากบริษัทแม่ (บริษัท เอ็กซอนโมบิลคอร์ปอเรชั่น (ExxonMobil) และกลุ่มบริษัทในเครือ) ซึ่งเห็นได้จากการสนับสนุนทางการเงินจากบริษัทแม่ โดยบริษัทแม่และกลุ่มบริษัทในเครือได้เพิ่มเงินกู้ยืมระหว่างกันให้กับบริษัทฯ ในช่วงที่บริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินอยู่ในระดับสูงในปี 2557 และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาอัตราส่วนเงินกู้ยืมระหว่างกันต่อเงินกู้ยืมทั้งหมดของบริษัทฯ ยังคงสูงอยู่ที่ระดับร้อยละ 60-70 ซึ่งช่วยให้ Esso มีภาระหนี้สินกับบุคคลภายนอกที่ลดลง    

นอกจากนี้ Esso ยังสามารถใช้ประโยชน์จากเครือข่ายในการจัดซื้อน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ใช้เทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ รวมทั้งทรัพยากรบุคคล การวิจัยและพัฒนาต่างๆ จากกลุ่มบริษัท ExxonMobil เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัทฯ   โรงกลั่นของ Esso เป็นโรงกลั่นน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของ ExxonMobil ในภูมิภาคเอเชีย

โรงกลั่นแบบคอมเพล็กซ์ที่มีสายการผลิตที่เชื่อมโยงกับการผลิตพาราไซลีน: อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความสามารถในการผลิตที่เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ที่สูงของโรงกลั่น ชื่อทางการค้าที่เป็นที่รู้จักมายาวนาน รวมถึงข้อได้เปรียบในการเข้าถึงวัตถุดิบผ่านทางกลุ่มบริษัท ExxonMobil ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนน้ำมันดิบและวัตถุการผลิตตามสภาวะตลาด การเชื่อมโยงกับการผลิตสารพาราไซลีน (PX) ยังช่วยเพิ่มความหลากหลายในผลิตภัณฑ์ และประสิทธิภาพในการผลิตผลิตภัณฑ์โดยรวม อีกทั้งยังช่วยลดความผันผวนจากอัตราส่วนกำไรจากการกลั่นของบริษัทฯ ได้ในระดับหนึ่ง แม้ว่ากำลังการผลิต PX ในภูมิภาคที่สูงในปัจจุบันจะทำให้ส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบอยู่ในระดับต่ำก็ตาม

Esso ยังเป็นผู้ค้าปลีกน้ำมันที่แข็งแกร่ง และมีชื่อทางการค้าที่เป็นที่รู้จักมายาวนานในธุรกิจค้าปลีกน้ำมันในประเทศไทย โดยมีสถานีบริการจำนวน 638 สถานี ณ สิ้นปี 2562    

Esso มีแผนที่จะขยายสถานีบริการน้ำมันมากขึ้นอย่างต่อเนื่องและรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด โดยบริษัทฯ ได้เพิ่มสถานีบริการน้ำมันใหม่ จำนวน 73 สถานีในปี 2561 และ 41 สถานีในปี 2562

ธุรกิจมีความผันผวนสูง: สถานะเครดิตของ Esso ยังพิจารณารวมถึงปัจจัยเสี่ยงจากการที่บริษัทฯ ต้องเผชิญกับความผันผวนที่สูงของวัฏจักรของธุรกิจ และความเสี่ยงจากการมีฐานการผลิตเพียงแห่งเดียว  ความผันผวนของรายได้ค่าการกลั่น ราคาน้ำมัน  และความต้องการเงินทุนหมุนเวียน อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อกำไร และกระแสเงินสดของบริษัทฯ  

การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป
Esso มีขนาดธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจปิโตรเคมีที่เล็กกว่า บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (อันดับเครดิตที่ A-(tha)/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ/F2(tha) ซึ่งมีสถานะทางเครดิตโดยลำพังที่ bbb(tha)) แต่ Esso มีธุรกิจจำหน่ายน้ำมันแก่ลูกค้ารายย่อยผ่านสถานีบริการน้ำมันของตัวเอง  นอกจากนี้ Esso ยังมีอัตราส่วนหนี้สินที่สูงกว่า ไออาร์พีซี อีกด้วย    

ฟิทช์มองว่า Esso มีความเชื่อมโยงกับบริษัทแม่ซึ่งได้แก่ ExxonMobil ที่สูงกว่า

Esso มีขนาดธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจปิโตรเคมีที่เล็กกว่า บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (อันดับเครดิตที่ AA+(tha)/แนวโน้มเครดิตเป็นลบ/F1+(tha) ซึ่งมีสถานะทางเครดิตโดยลำพังที่ aa-(tha))    

โรงกลั่นน้ำมันของ Esso มีความคอมเพล็กซ์ (ความสามารถในการผลิตที่เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ที่สูงของโรงกลั่น) ที่น้อยกว่าและมีขนาดที่เล็กกว่าของ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (อันดับเครดิตที่ AA-(tha)/แนวโน้มเครดิตเป็นลบ/F1+(tha) ซึ่งมีสถานะทางเครดิตโดยลำพังที่ a(tha))  

นอกจากนี้ Esso ยังมีอัตราส่วนหนี้สินที่สูงกว่าทั้งสองบริษัทอีกด้วย

สมมติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ:

  • ราคาน้ำมันดิบ (เบรนท์) ที่ราคา 35 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในปี 2563, 45 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในปี 2564, 53 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในปี 2565 และ 55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลหลังจากนั้น   โดยมีการปรับด้วยส่วนต่างราคาน้ำมันตามการซื้อน้ำมันดิบของ Esso
  • อัตราการกลั่นที่ร้อยละ 70 ในปี 2563 เนื่องจากความต้องการที่อ่อนแอ และค่อยๆ เพิ่มขึ้นในปี 2564-2565
  • ค่าการกลั่นลดลงในปี 2563 ซึ่งมีผลส่วนใหญ่มาจากการขาดทุนมูลค่าสต๊อกน้ำมันจากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันในไตรมาศที่ 1 ของปี 2563 แล้วปรับตัวดีขึ้นในปี 2564-2565
  • กำไรจากธุรกิจพาราไซลีนลดลงในปี 2563 และค่อยๆ ฟื้นตัวในปี 2564-2565
  • ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนประมาณ 1.8-1.9 พันล้านบาทในปี 2563 และลดลงในปี 2564
  • อัตราการจ่ายเงินปันผลที่ร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิ

ปัจจัยที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยบวก:

  • อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงาน (FFO net leverage) ลดลงต่ำกว่า 5.5 เท่าอย่างต่อเนื่อง
  • ความสัมพันธ์และความเชื่อมโยงกับกลุ่มบริษัท ExxonMobil ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ปัจจัยลบ:

  • ความสัมพันธ์และความเชื่อมโยงกับกลุ่มบริษัท ExxonMobil ที่ลดลง
  • การลดลงของการเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากธนาคารและตลาดตราสารหนี้ซึ่งอาจมีผลต่อสภาพคล่องและความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทฯ

สภาพคล่อง
สภาพคล่องที่แข็งแกร่ง: Esso มีหนี้สินทั้งสิ้นจำนวน 2.7 หมื่นล้านบาท  ณ สิ้นปี 2562 โดยมีหนี้สินประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาทที่จะครบกำหนดชำระภายใน 12  เดือนข้างหน้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้สินระยะสั้นที่ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ    สภาพคล่องของบริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนจากวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนที่ยังไม่ได้เบิกใช้มูลค่าประมาณ 5.4 หมื่นล้านบาท จากกลุ่ม ExxonMobil  

นอกจากนี้ Esso ยังมีความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากธนาคารที่ดี โดยมีวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนที่สามารถเพิกถอนได้ ที่ยังไม่ได้เบิกใช้มูลค่าประมาณ สามหมื่นล้านบาท

ประมาณร้อยละ 64 ของหนี้สินทั้งหมดของบริษัทฯ  ณ สิ้นปี 2562 เป็นเงินกู้ยืมจากภายในกลุ่ม (Inter-company Loans) ประกอบด้วยเงินกู้ยืมระยะสั้นประมาณร้อยละ 77 และเงินกู้ยืมระยะยาวประมาณร้อยละ 23        

Esso มีแผนที่จะรักษาสัดส่วนเงินกู้ยืมจากภายในกลุ่ม อยู่ที่ร้อยละ 60-70 ของหนี้สินทั้งหมด ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับการถือหุ้นของกลุ่มบริษัทแม่


ข่าวฟิทช์ เรทติ้งส์+บริษัท เอสโซ่วันนี้

ฟิทช์ประกาศนำอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นตั๋วแลกเงินของ บมจ. เอสโซ่ (ประเทศไทย) เข้าเครดิตพินิจภายใต้การพิจารณา

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศนำอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-term Rating) ที่ 'F2(tha)' ของโปรแกรมการออกตั๋วแลกเงินมูลค่าไม่เกินหนึ่งหมื่นสองพันล้านบาท ของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ Esso เข้าเครดิตพินิจภายใต้การพิจารณา หลังจากที่บริษัท ExxonMobil Asia Holdings Private Limited ซึ่งเป็น บริษัทแม่ของ Esso ได้ประกาศการขายหุ้นของ Esso ทั้งหมดให้แก่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2566 โดยโปรแกรมการออกตั๋วแลก

ฟิทช์คงอันดับเครดิตของธนาคารไทยพาณิชย์ และ บมจ. เอสซีบี เอกซ์ ที่ 'BBB' และ 'AA+(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Issuer Default Rating) ของบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX และ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)...

ฟิทช์ประกาศจัดอันดับหุ้นกู้เงินบาทของ บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ ที่ 'B+; แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศจัดอันดับเครดิตสุดท้าย (Final Rating) ของหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิ ครบกำหนดในปี 2573 ของ บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (ซึ่งมีอันดับเครดิตสากลระยะยาวที่ 'B+', แนว...

ฟิทช์คงอันดับเครดิตของ บล. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่ 'AA(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LHS ที่ 'AA(tha)' และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น ...

ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตของ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส และ บจก.แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค ในเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ (Rating Watch Negative; RWN) ของอันดับเครดิต บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (AIS) และบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ท...