ช่วงนี้จะมีฝนตกและมีฝนตกหนักในบางพื้นที่ กรมวิชาการเกษตร แนะเกษตรกรผู้ปลูกขิงให้เฝ้าระวังโรคเหี่ยว ที่สามารถพบได้ในทุกระยะการเจริญเติบโตของต้นขิง อาการเริ่มแรกใบจะเหี่ยวม้วนเป็นหลอดสีเหลือง และจะลุกลามจากส่วนล่างขึ้นไปยังส่วนปลายยอดจนแห้งตายทั้งต้น บริเวณโคนต้นและหน่อที่แตกออกมาใหม่มีลักษณะฉ่ำน้ำสีน้ำตาลเข้มถึงดำ เมื่อผ่าลำต้นตามขวางจะพบเมือกแบคทีเรียไหลซึมออกมาเป็นสีขาวขุ่น ลำต้นเน่า และหลุดออกจากเหง้าได้ง่าย อาการบนเหง้ามีลักษณะฉ่ำน้ำสีคล้ำ ต่อมาเหง้าจะเน่าในที่สุด
เกษตรกรควรหมั่นตรวจและกำจัดวัชพืชในแปลงและรอบแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ หากพบต้นขิงที่เริ่มแสดงอาการของโรคเหี่ยว ให้ขุดต้นไปเผาทำลายนอกแปลงปลูกทันที เพื่อลดแหล่งสะสมเชื้อสาเหตุโรค จากนั้น ให้โรยด้วยปูนขาวบริเวณหลุมที่ขุด เพื่อป้องกันการระบาดของโรค และควรทำความสะอาดอุปกรณ์การเกษตรที่ใช้กับต้นที่เป็นโรคก่อนนำกลับมาใช้ใหม่ สำหรับในแปลงที่มีการระบาดของโรค หลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว ให้เกษตรกรเก็บส่วนต่างๆ ของพืชที่เป็นโรคนำไปเผาทำลายทิ้งนอกแปลงปลูกทันที
การป้องกันกำจัดโรคเหี่ยวในฤดูปลูกถัดไป เกษตรกรควรเลือกพื้นที่ในการปลูกที่ไม่เคยมีการระบาดของโรคนี้มาก่อน และควรทำแปลงปลูกให้มีการระบายน้ำที่ดี เกษตรกรควรเตรียมดิน โดยไถพรวนดินให้ลึกจากผิวดินมากกว่า 20 เซนติเมตรขึ้นไป และตากดินไว้ให้นานกว่า 2 สัปดาห์ จะสามารถช่วยลดปริมาณเชื้อในดินลงได้มาก กรณีในพื้นที่ที่เคยมีการระบาดของโรค ก่อนปลูก ให้รมดินเพื่อฆ่าเชื้อโรคด้วยการโรยยูเรียผสมปูนขาว อัตรา 80:800 กิโลกรัมต่อไร่ จากนั้น ให้ไถกลบและรดน้ำให้ดินมีความชื้น ทิ้งไว้ประมาณ 3 สัปดาห์ จึงเริ่มปลูกขิง อีกทั้งให้เลือกใช้หัวพันธุ์ที่มีคุณภาพดีจากแหล่งปลอดโรค หลีกเลี่ยง การปลูกพืชอาศัยของเชื้อ เช่น พืชตระกูลขิง พืชตระกูลมะเขือ มันฝรั่ง พริก และถั่วลิสง รวมถึงควรสลับเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นหมุนเวียน เช่น ข้าว ข้าวโพด และมันสำปะหลัง เพื่อตัดวงจรการระบาดของโรค
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า จากผลกระทบจากสถานการณ์พายุโนรูในปีที่ผ่านมาทำให้จังหวัดศรีสะเกษเจอสถานการณ์ลมแรงและฝนตกหนัก ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากมีน้ำท่วมฉับพลัน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย จึงได้สั่งการให้ศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษ ร่วมกับหน่วยงานในจังหวัดศรีสะเกษออกให้การช่วยเหลือแก่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบหลังจากน้ำลดเพื่อให้คำแนะนำแก่เกษตรกรที่ประสบภัย และมอบปัจจัยการผลิต โดยศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษได้มอบเมล็ดพันธุ์ผัก ในพื้นที่ อำเภอกันทรารมย์ อำ
กรมวิทย์ฯ บริการ เสริมศักยภาพห้องปฏิบัติการทดสอบคุณภาพยางแท่ง เอสทีอาร์ (STR) ตามมาตรฐานสากล
—
กรมวิทยาศาสตร์บริการ โดย ศูนย์ทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการ ...
กรมวิชาการเกษตร แปรรูปวัสดุเหลือทิ้งจากส้มโอเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ตั้งเป้าต่อยอดสู่อุตสาหกรรมน้ำหอม และเครื่องสำอาง สร้างมูลค่าเพิ่มเชิงพาณิชย์
—
นายภัสชญภณ ...
กรมวิชาการเกษตร ลุยถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมันจาวมะพร้าว สู่การผลิตเชิงพาณิชย์ ตั้งเป้าบุกตลาดพรีเมียมภายใต้แบรนด์สินค้าชุมชน
—
นางสาวศุภมาศ...
กรมวิทย์ฯ บริการ หารือ กรมวิชาการเกษตร เดินหน้าผลักดันระบบบริหารงานวิจัย สู่การจัดการที่มีประสิทธิภาพ
—
กรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสต...
กรมวิชาการเกษตร ปลื้มเทคโนโลยีปลูกมะพร้าวน้ำหอมในพื้นที่ดินเค็ม ให้ผลผลิตคุณภาพรสชาติหอมหวาน
—
นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ก...
กรมวิชาการเกษตร จัดใหญ่โชว์งานวิจัยใช้ได้จริง พร้อมเปิดเวทีจัดกิจกรรมสาธิตสร้างอาชีพเสริม ดีเดย์พร้อมเปิดงาน 31 ม.ค. นี้
—
กรมวิชาการเกษตร ขนทัพจัดเต็มนำผ...
กรมวิชาการเกษตร เปิดพิพิธภัณฑ์พืชชวนผู้สนใจเข้าชม "หนังสือเก็บพันธุ์ตัวอย่างพรรณไม้เล่มแรกของไทย" มรดกแห่งความรู้ด้านพฤกษศาสตร์
—
นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์...
กรมวิชาการเกษตรเดินสายถ่ายทอดเทคโนโลยี ยกระดับเพาะเลี้ยงไข่ผำ อาหารแห่งอนาคต ด้วยมาตรฐาน GAP
—
นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ป...
กรมวิชาการเกษตร ผนึกความร่วมมือ เจียไต๋ ขับเคลื่อนเกษตรยุคใหม่ เสริมแกร่งภาคเกษตรไทย พัฒนานวัตกรรม และเครื่องจักรกลการเกษตร
—
นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิ...