“Early Detection of Peripheral Arterial Disease (PAD)” ตรวจสุขภาพหลอดเลือดแดงแต่เนิ่นๆ ป้องกันและรักษาแผลเรื้อรังอย่างมีประสิทธิภาพ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

โรคหลอดเลือดแดงอุดตันถือเป็นภัยเงียบที่คุกคามชีวิต นั่นเพราะส่วนใหญ่แล้วการดำเนินโรคเป็นแบบเรื้อรัง ทำให้ผู้ป่วยขาดความใส่ใจ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เป็นมากแล้ว หากมีอาการปวดขา โดยเฉพาะเดินแล้วปวด อย่านิ่งนอนใจ ควรพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจหลอดเลือด ป้องกันความเสี่ยงการเป็นแผลขาดเลือดเรื้อรังหรือสูญเสียอวัยวะ

“Early Detection of Peripheral Arterial Disease (PAD)” ตรวจสุขภาพหลอดเลือดแดงแต่เนิ่นๆ ป้องกันและรักษาแผลเรื้อรังอย่างมีประสิทธิภาพ

พญ.สุทธาทิพย์ เวชวิทย์วรากุล ศัลยแพทย์และแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยศาสตร์หลอดเลือด ศูนย์หลอดเลือด โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า สาเหตุสำคัญของโรคหลอดเลือดแดงอุดตันเกิดจากการมีแคลเซียมเกาะผนังหลอดเลือด เปรียบได้กับท่อน้ำประปาเมื่อใช้ไปก็จะมีตะกรันมาเกาะตามอายุแต่จะมีมากและร็วขึ้นถ้าคนคนนั้นมีโรคประจำตัวเช่นเบาหวาน โรคไต ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงบริเวณขาและปลายเท้าไม่สะดวกจึงทำให้ มีอาการปวดขา แผลหายยาก

โดยทั่วไปในขณะเดินกล้ามเนื้อที่ขาจะต้องการเลือดและออกซิเจนมากขึ้น ยิ่งบริเวณน่องเมื่อมีเลือดมาเลี้ยงไม่พอจะทำให้คนไข้รู้สึกปวด และเมื่อเป็นมากขึ้นเลือดมาเลี้ยงน้อยลงเรื่อยๆ จนถึงแม้ไม่ได้เดินหรือใช้งานกล้ามเนื้อก็จะเริ่มมีอาการปวดตลอดเวลา จนในที่สุดเลือดมาไม่พอที่จะเลี้ยงผิวหนังที่เท้าได้ ก็จะทำให้เป็นแผลเรื้อรัง เช่นแผลเบาหวาน แผลเนื้อเน่าตายลุกลามจนอาจต้องถูกตัดเท้าในที่สุด

โรคหลอดเลือดแดงตีบแคบสามารถเกิดขึ้นได้ในผู้ชายและผู้หญิง แต่อาจพบมากในกลุ่มเสี่ยงที่ มีโรคประจำตัว เช่น

  • โรคเบาหวาน
  • โรคความดันโลหิตสูง
  • โรคไต
  • ไขมันในเลือดสูง
  • สูบบุหรี่ หรือเคยสูบบุหรี่มาก่อน ที่ถึงแม้จะหยุดสูบแล้วแต่ผลกระทบของบุหรี่ที่มีต่อหลอดเลือดยังคงอยู่

การตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยที่มีอาการหลอดเลือดอุดตันที่ขาสามารถทำได้ตั้งแต่ระยะแรกเริ่มด้วยการตรวจความดันเปรียบเทียบทุกแขนขา ตรวจลักษณะความยืดหยุ่นของหลอดเลือดและการบีบตัว การตรวจด้วยอัลตราซาวน์ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ การฉีดสารทึบแสง รวมทั้งการตรวจด้วยเครื่อง MRI

ปัจจุบันแนวทางในการดูแลรักษาต้องทำควบคู่กันไปตั้งแต่

  • เลี่ยงปัจจัยเสี่ยง คุมเบาหวาน ออกกำลังกายที่เหมาะสมกับโรค
  • หมั่นตรวจเท้าด้วยตนเองทุกวันโดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีอาการชาอาจไม่รู้ตัวเวลามีแผล และควรพบแพทย์ตรวจสุขภาพเท้าทุกปีว่ามีจุดรับน้ำหนักใดที่ผิดปกติอาจต้องใช้รองเท้าที่ทำขึ้นเฉพาะบุคคลเพื่อเป็นการป้องกันก่อนที่จะเกิดแผล
  • ในรายที่มีเป็นมากขึ้นปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีใหม่ๆเพื่อหลีกเลี่ยงการผ่าตัดโดยเฉพาะในผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัวซึ่งได้แก่การ ถ่างขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูน ใส่สเตนต์ เป็นต้น
  • การผ่าตัดบายพาส

เพราะฉะนั้น การตรวจเช็กสุขภาพหลอดเลือดทุกปีภายใต้คำแนะนำของแพทย์เฉพาะทางอย่างเคร่งครัด จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยลดความเสี่ยงได้ในเบื้องต้น เริ่มจากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย ตรวจความดันเปรียบเทียบที่ข้อเท้าและต้นแขน หากความดันโลหิตที่ข้อเท้าต่ำกว่าต้นแขน จะได้ค่า ABI น้อยกว่าหรือเท่ากับ 0.9 อาจบ่งชี้ได้ว่ามีการอุดตันในหลอดเลือดแดงที่ขา แพทย์จะทำการตรวจหลอดเลือด ด้วย Pulse volume recoding (PVR) แต่ละส่วน(Segment) เพื่อวิเคราะห์สมรรถภาพการไหลเวียนของเลือดที่มาเลี้ยงที่ขาตำแหน่งต่างๆจนถึงเท้า ทำให้ได้ผลการตรวจที่มีความน่าเชื่อถือ สะดวกรวดเร็ว และไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดในระหว่างที่ตรวจ

กลุ่มเสี่ยงที่ควรเข้ารับ การตรวจสุขภาพหลอดเลือด ได้แก่ ผู้ป่วยที่มีอาการหลอดเลือดตีบแข็ง ปวดขา มีแผลเรื้อรัง หรือมีประวัติครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายอุดตัน Peripheral Arterial Disease (PAD) โรคหัวใจ สูบบุหรี่ หรือเคยสูบบุหรี่ เป็นเบาหวาน (Diabetes mellitus) น้ำหนักเกิน มีดัชนีมวลกาย BMI >30 ความดันโลหิตสูง (Hypertension) ไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia) คลอเลสเตอรอลสูง ไตวายเรื้อรัง (Chronic renal insufficiency) เป็นต้น รวมถึงในคนปกติที่ไม่มีอาการใดๆ ก็สามารถตรวจได้ ช่วยให้รู้ทันความเสี่ยงการอุดตันของโรคหลอดเลือด

ทั้งนี้ การตรวจพบความผิดปกติของหลอดเลือดแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้รักษาได้เร็ว ลดความรุนแรง และการสูญเสียอวัยวะ คนไข้สามารถดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้องเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นมากขึ้น อีกทั้งการดูแลตัวเองเบื้องต้น เช่น การออกกำลังกายกล้ามเนื้อขาเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการเดินเร็ว หรือวิ่งเหยาะๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง วันละ 30 นาที หรือในผู้ที่มีน้ำหนักเกิน ควรลดน้ำหนักลง ควบคุมอาหาร รวมทั้งควบคุมโรคประจำตัวอย่างเบาหวาน ความดันโลหิต หรือไขมันให้อยู่ในเกณฑ์ เป็นการป้องกันไม่ให้อาการโรคหลอดเลือดอุดตันรุนแรงขึ้นได้


ข่าวโรงพยาบาลกรุงเทพ+แพทย์เฉพาะทางวันนี้

PROUD ผนึก BDMS เชื่อมต่อ Telehealth ดูแลสุขภาพลูกบ้าน 24 ชั่วโมง ย้ำแนวคิด "ALL IS WELL เพื่อชีวิตดีที่ยั่งยืน"

PROUD ยกระดับชีวิตดีที่ยั่งยืน ผนึกความร่วมมือ โรงพยาบาลชั้นนำในเครือ BDMS ได้แก่ โรงพยาบาลกรุงเทพ, บีเอ็นเอช, พญาไท และ เปาโล มอบเอกสิทธิ์ด้านสุขภาพสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และส่วนลดค่ารักษาพยาบาล พร้อมเชื่อมต่อบริการ Telehealth ดูแลลูกบ้านตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน BeDee by BDMS และ Telecare Phyathai เข้าถึงแพทย์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยสู่ Luxury Well-being Lifestyle อย่างแท้จริง สอดคล้องแนวคิด "ALL IS WELL เพื่อชีวิตดีที่ยั่งยืน" เริ่มตั้งแต่การออกแบบโครงการซึ่ง

ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง (ที่ 5 จากซ้าย) ผู้อ... เอ็นไอเอเปิดฟอรั่มโอกาสเฮลท์เทคไทย พร้อมเผยผลการจัดอันดับนวัตกรรมโลก 2025 — ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง (ที่ 5 จากซ้าย) ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ ...

ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับบริษัท ... ธ.ทิสโก้ผนึกพันธมิตร จัดสัมมนา "Unlock Long Life" ชวนคิดเรื่องสุขภาพและการเงินในยุคอายุยืน — ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับบริษัท เจนเนอราลี่ ประกันชี...