ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ กรมวิชาการเกษตร แนะเกษตรกรผู้ปลูกพืชตระกูลกะหล่ำ อาทิ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก คะน้า ผักกาดขาว และบรอกโคลี ให้เตรียมรับมือการระบาดของโรคใบจุด ที่สามารถพบได้ทุกระยะการเจริญเติบโตของพืช ระยะต้นกล้า จะพบแผลเล็กสีน้ำตาลเข้มที่ลำต้น โดยพืชจะแสดง อาการคล้ายโรคเน่าคอดิน ทำให้ต้นกล้าชะงักการเจริญเติบโต ระยะต้นโตถึงระยะเก็บผลผลิต มักพบบนใบและก้านใบเกิดแผลจุดเล็กสีเหลือง ต่อมาแผลขยายใหญ่ขึ้นเป็นวงค่อนข้างกลมเรียงซ้อนกันเป็นชั้นสีน้ำตาลเข้มถึงดำ
กรณีที่สภาพอากาศมีความชื้นสูง หากเกิดโรคหลังจากกะหล่ำปลีห่อหัวแล้ว จะเกิดอาการเน่าอย่างรุนแรงทั้งหัว ส่วนในกะหล่ำดอกและบรอกโคลี ถ้าเกิดอาการที่ดอก จะทำให้เกิดแผลสีน้ำตาลที่เริ่มจากช่อดอกที่อยู่ริมนอก ลามเข้ามาด้านใน หากรุนแรงดอกทั้งดอกจะถูกทำลายทั้งหมด ซึ่งโรคใบจุดนี้สามารถติดไปกับเมล็ดได้ ทำให้เมล็ดสูญเสียความงอกหรืออาจแฝงตัวในเมล็ดพันธุ์ ส่งผลทำให้เกิดการระบาดของโรคเมื่อนำไปปลูกในฤดูถัดไป
เกษตรกรควรเลือกใช้เมล็ดพันธุ์สะอาดที่มีคุณภาพดีจากแหล่งปลอดโรค ก่อนปลูกควรแช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำอุ่นอุณหภูมิประมาณ 50 องศาเซลเซียส (การเตรียมน้ำอุ่นโดยต้มน้ำจนเดือดแล้วเติมน้ำอุณหภูมิปกติลงไปอีก 1 เท่า) นาน 20-30 นาที หรือคลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยสารป้องกันกำจัดเชื้อราไอโพรไดโอน 50% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 5-10 กรัมต่อเมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัม โดยควรปลูกพืชให้มีระยะห่างกันพอสมควร ให้มีแสงแดดส่องผ่านได้ ไม่เบียดแน่นจนเกินไป เพราะจะทำให้เกิดความชื้นสูง อากาศไม่ถ่ายเท และโรคระบาดได้รวดเร็ว
หลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตเรียบร้อยแล้ว ให้เกษตรกรเก็บเศษซากพืชส่วนที่หลงเหลือ และหมั่นกำจัดวัชพืชในแปลงนำไปเผาทำลายนอกแปลงปลูกทันที เพื่อลดการสะสมเชื้อราสาเหตุโรค หลีกเลี่ยงการปลูกพืชชนิดเดียวกันซ้ำ ในพื้นที่แปลงเดิม อย่างน้อย 3 - 4 ปี หากพบโรคเริ่มระบาดในระยะกล้า ให้เกษตรกรถอนต้นกล้านำไปทำลายนอกแปลงปลูกทันที ถ้าเริ่มพบโรคในระยะต้นโต เกษตรกรควรตัดใบที่เป็นโรคออกนำไปทำลายทิ้ง จากนั้นให้พ่นสารป้องกันกำจัดเชื้อราอะซอกซีสโตรบิน 25% เอสซี อัตรา 5-10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารคลอโรทาโลนิล 50% เอสซี อัตรา 20-30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทุก 5-7 วัน
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า จากผลกระทบจากสถานการณ์พายุโนรูในปีที่ผ่านมาทำให้จังหวัดศรีสะเกษเจอสถานการณ์ลมแรงและฝนตกหนัก ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากมีน้ำท่วมฉับพลัน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย จึงได้สั่งการให้ศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษ ร่วมกับหน่วยงานในจังหวัดศรีสะเกษออกให้การช่วยเหลือแก่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบหลังจากน้ำลดเพื่อให้คำแนะนำแก่เกษตรกรที่ประสบภัย และมอบปัจจัยการผลิต โดยศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษได้มอบเมล็ดพันธุ์ผัก ในพื้นที่ อำเภอกันทรารมย์ อำ
กรมวิทย์ฯ บริการ เสริมศักยภาพห้องปฏิบัติการทดสอบคุณภาพยางแท่ง เอสทีอาร์ (STR) ตามมาตรฐานสากล
—
กรมวิทยาศาสตร์บริการ โดย ศูนย์ทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการ ...
กรมวิชาการเกษตร แปรรูปวัสดุเหลือทิ้งจากส้มโอเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ตั้งเป้าต่อยอดสู่อุตสาหกรรมน้ำหอม และเครื่องสำอาง สร้างมูลค่าเพิ่มเชิงพาณิชย์
—
นายภัสชญภณ ...
กรมวิชาการเกษตร ลุยถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมันจาวมะพร้าว สู่การผลิตเชิงพาณิชย์ ตั้งเป้าบุกตลาดพรีเมียมภายใต้แบรนด์สินค้าชุมชน
—
นางสาวศุภมาศ...
กรมวิทย์ฯ บริการ หารือ กรมวิชาการเกษตร เดินหน้าผลักดันระบบบริหารงานวิจัย สู่การจัดการที่มีประสิทธิภาพ
—
กรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสต...
กรมวิชาการเกษตร ปลื้มเทคโนโลยีปลูกมะพร้าวน้ำหอมในพื้นที่ดินเค็ม ให้ผลผลิตคุณภาพรสชาติหอมหวาน
—
นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ก...
กรมวิชาการเกษตร จัดใหญ่โชว์งานวิจัยใช้ได้จริง พร้อมเปิดเวทีจัดกิจกรรมสาธิตสร้างอาชีพเสริม ดีเดย์พร้อมเปิดงาน 31 ม.ค. นี้
—
กรมวิชาการเกษตร ขนทัพจัดเต็มนำผ...
กรมวิชาการเกษตร เปิดพิพิธภัณฑ์พืชชวนผู้สนใจเข้าชม "หนังสือเก็บพันธุ์ตัวอย่างพรรณไม้เล่มแรกของไทย" มรดกแห่งความรู้ด้านพฤกษศาสตร์
—
นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์...
กรมวิชาการเกษตรเดินสายถ่ายทอดเทคโนโลยี ยกระดับเพาะเลี้ยงไข่ผำ อาหารแห่งอนาคต ด้วยมาตรฐาน GAP
—
นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ป...
กรมวิชาการเกษตร ผนึกความร่วมมือ เจียไต๋ ขับเคลื่อนเกษตรยุคใหม่ เสริมแกร่งภาคเกษตรไทย พัฒนานวัตกรรม และเครื่องจักรกลการเกษตร
—
นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิ...