พฤติกรรมติดหวาน หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีรสหวาน ยังคงเป็นปัญหาในเด็กวัยเรียน ทำให้มีความเสี่ยง เป็นโรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจ หลอดเลือดหัวใจ และฟันผุ ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวม ประกอบกับช่วงนี้ เด็กปิดเรียน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ทำให้น้องๆ หนูๆ วัยเรียน จำเป็นต้องเรียนออนไลน์อยู่กับบ้าน นั่นจึงเป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เด็กเคลื่อนไหวน้อยลง เป็นสาเหตุหนึ่งของภาวะอ้วนลงพุง องค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่า ในปี 2568 จะมีเด็กเป็นโรคอ้วนทั่วโลกมากถึง 70 ล้านคน เด็กที่มีภาวะอ้วน มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นผู้ใหญ่ที่อ้วนมากถึง ร้อยละ 25 มีโอกาสเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 มากถึงร้อยละ 40 มีความเสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูงมากกว่า ร้อยละ 60 สถานการณ์ภาวะโภชนาการของเด็กอายุ 6-14 ปี พ.ศ. 2562 - 2563 ภาพรวมทั่วประเทศพบว่า เด็กอายุ 6 - 14 ปี สูงดีสมส่วน 61.5% และ 65.7 % ตามลำดับ เด็กเริ่มอ้วนและอ้วนมีแนวโน้มสูงขึ้น 13.6 % และ 12.5 % ตามลำดับ
และจากผลการเฝ้าระวังพฤติกรรมสุขภาพเด็กวัยเรียน โดยกองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ระหว่างเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2564 เกี่ยวกับพฤติกรรมการดื่มน้ำอัดลมและเครื่องดื่มรสหวานในกลุ่มนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ทั่วประเทศผ่านระบบออนไลน์ พบว่า ส่วนใหญ่ใน 1 วัน จะมีพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มที่มีรสหวานเฉลี่ยสูงถึง 86.5 % มีเพียง 13.5 % ที่ดื่มน้ำเปล่า
เด็กวัยเรียนควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีรสหวาน โดยมีคำแนะนำในการบริโภคอาหารดังนี้
ในแต่ละวันร่างกายสามารถรับน้ำตาลจากอาหารอื่น ๆ ทั่วไป อาทิ ข้าว แป้ง ผัก และผลไม้ ซึ่งมีสารประเภทน้ำตาลรวมอยู่ในอาหารนั้นๆ อยู่แล้ว และพอเพียงต่อการบริโภคน้ำตาลในชีวิตประจำวัน วัยเรียนจึงควรปลูกฝังพฤติกรรมการกินอาหารลดหวานให้เป็นนิสัยก็จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ จะส่งผลให้ มีสุขภาพดี มีความพร้อมในการเรียนรู้ และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพชีวิต
**แหล่งข้อมูลอ้างอิง : บทความวิชาการ การสร้างเสริมสุขภาพเด็กที่มีภาวะอ้วน เพื่อลดความเสี่ยงโรคเบาหวานในโรงเรียน
(รำไพ หมั่นสระเกษ)
สำนักโภชนาการ กรมอนามัย
ผลการเฝ้าระวังพฤติกรรมสุขภาพในกลุ่มวัยเรียน กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
https://multimedia.anamai.moph.go.th/ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ให้นิยามของโรคอ้วน (Obesity) เอาไว้ว่า เป็นภาวะความผิดปกติของร่างกายที่สะสมไขมันมากเกินไปจนส่งผลเสียต่อสุขภาพ โดยภาวะอ้วนเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดโรคภัยต่าง ๆ ตามมา ได้แก่ โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-Communicable Diseases; NCDs) อย่างโรคเบาหวานชนิดที่ 2, โรคมะเร็ง, โรคความดันโลหิตสูง, โรคหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก (Stroke) ตลอดจนโรคหลอดเลือดแดงแข็งที่หัวใจ (Atherosclerotic Cardiovascular Disease; ASCVD) การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ยิ่งเป็นตัวเน้นย้ำให้
ม.มหิดล คิดค้นและพัฒนานวัตกรรม "เครื่องนวดเท้าช่วยเลิกบุหรี่"
—
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้คาดการณ์ไว้ว่าภายในปีพ.ศ.2573 จะมีประชากรโลกเสียชีวิตเนื่องจากกา...
COVID-19 ผลกระทบร้าย...อันตรายถึงหัวใจ
—
ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือชื่อทางการที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศออกมาว่า Covid-19 ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อ...
GSK ร่วมรณรงค์ "สัปดาห์การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโลก 2025" ชูการป้องกันโรคสำหรับทุกวัย
—
องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้ทุกวันที่ 24-30 เมษายนของทุกปีถือเป็...
แอสตร้าเซนเนก้า เผยความสำเร็จในการใช้ AI คัดกรองมะเร็งปอดจากภาพเอกซเรย์ เสริมความมั่นคงด้านสุขภาพที่ยั่งยืน
—
จากสถิติองค์การอนามัยโลกพบว่ามะเร็งปอดเป็นสา...
ผู้แทนองค์การอนามัยโลกปลาบปลื้มพระมหากรุณาธิคุณ สืบสานโครงการเครือข่ายสุขภาพมารดาและทารก เร่งป้องกันปัญหาการคลอดก่อนกำหนด
—
ผู้แทนองค์การอนามัยโลกปลาบปลื้...
การต่อสู้กับวัณโรค: ทำไมการป้องกันจึงเป็นสิ่งสำคัญ
—
องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่า วัณโรค (TB) อาจกลายเป็นสาเหตุการเสียชีวิตหลักจากการติดเชื้อทั่วโลก...
สธ. จับมือภาคีหนุนส่งนมแม่ฟรี ดันเป้าเด็กแรกเกิดกินนมแม่ 6 เดือนแรก มากกว่าร้อยละ 50
—
นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในโอกาสเ...