"DDD" เผยงบไตรมาสแรกปี 65 ยอดขาย YoY โต 23% สวนทางต้นทุนลดลง

13 May 2022

บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก อุปกรณ์ตกแต่งทรงผม อุปกรณ์เสริมความงาม ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์เครื่องครัว แบรนด์ดัง อาทิ SNAILWHITE, NAMU LIFE PLUS, OXE'CURE, SPARKLE, LESASHA, JASON, EMJOI, BEAR และ @HOME รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2565 ด้วยยอดขายเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ร้อยละ 23 สวนทางกับต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ลดลงในอัตราส่วนกว่า 20% point

"DDD" เผยงบไตรมาสแรกปี 65 ยอดขาย YoY โต 23% สวนทางต้นทุนลดลง

นางสาวนันทวรรณ สุวรรณเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2565 ว่า "สำหรับไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2565 บริษัทฯมีรายได้จากการขาย 381.78 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันในปี 2564 ที่มีรายได้จาก การขาย 311.41 ล้านบาท

การเติบโตหลักมาจากกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์บำรุงผิว มีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 64 และมีสัดส่วนร้อยละ 54 ของรายได้จากขายทั้งหมด เป็นผลจากการที่บริษัทฯได้มีการปรับแผนการดำเนินงานหลายด้านทั้งเชิงรุก และการตั้งรับ กับสภาวะความผันผวนของเศรษฐกิจ กำลังซื้อ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการจับจ่ายของผู้บริโภค โดยมุ่งเน้นขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ (E-Commerce) ช่องทางโซเชียล (Social Commerce) และอินฟลูเอนเซอร์ (Influencers) ส่งผลให้อัตราการเข้าถึงผลิตภัณฑ์และฐานลูกค้าออนไลน์เติบโตอย่างต่อเนื่องสะท้อนกับรายได้จากขายดังกล่าว

ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์บำรุงผิวภายในประเทศมีอัตราเติบโตร้อยละ 50 และจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดฟิลิปปินส์ที่ดันรายได้ภายนอกประเทศจากกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เดียวกันให้มีอัตราเติบโตสูงถึงร้อยละ 83

ในขณะที่ต้นทุนสินค้าและบริการสำหรับไตรมาส 1 ปี 2565 มีมูลค่า 136.73 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 36 ของรายได้จากการขาย โดยลดลงร้อยละ 11 point เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันในปี 2564 ที่มีต้นทุนสินค้า และบริการ 145.48 ล้านบาท หรือร้อยละ 47 ของรายได้จากการขาย จากผลสืบเนื่องที่บริษัทฯสามารถเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงาน รักษาประสิทธิภาพในการลดต้นทุนการผลิต รวมไปถึงการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย ในการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ต้นทุนในการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1 ปี 2565 มีมูลค่า 201.34 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 53 ของรายได้จากการขาย โดยลดลงร้อยละ 10 point เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันในปี 2564 ที่มีต้นทุนสินค้า และบริการ 195.04 ล้านบาท หรือร้อยละ 63 ของรายได้จากการขาย โดยสอดคล้องกับแผน Synergy Roadmap ภายในกลุ่มบริษัทเพื่อลดความซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานภายในกลุ่มของบริษัทอย่างต่อเนื่อง

จากปัจจัยด้านต้นทุนที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ไตรมาส 1 ปี 2565 บริษัทฯมีกำไรจากการดำเนินงานเป็นบวก (Operating Performance Turnaround) และมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ร้อยละ 11 โดยเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 21 point ที่มูลค่า 43.72 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2564 ที่มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานร้อยละ -9

เนื่องจากสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจและตลาดการทุนมีความผันผวนสูง บริษัทฯได้ปรับนโยบายการลงทุนเป็นรูปแบบอนุรักษ์นิยม (Conservative) และเน้นรับผลตอบแทนในรูปแบบปันผล ทั้งยังลดความเสี่ยงในการลงทุนลงอย่างมีนัยสำคัญ (Risk Exposure) ส่งผลให้กำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1 ปี 2565 มีมูลค่า 55.12 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 13.44"

นอกจากนี้ นางสาวนันทวรรณ สุวรรณเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยังกล่าวย้ำถึงทิศทางในการดำเนินธุรกิจ ว่า "ทางบริษัทฯยังคงตั้งเป้าที่จะผลักดันรายได้ให้เติบโตร้อยละ 30 โดยยังมุ่งเน้นไปที่การสร้างนวัตกรรมใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในการแข่งขัน และสร้างความแตกต่าง สำหรับไตรมาสแรกของปีบริษัทฯได้มีผลิตภัณฑ์ที่ออกใหม่ อาทิ ยาสีฟันกัญชง สูตรธรรมชาติ ภายใต้ Sparkle brand (Sparkle Natural Hemp seed extract Toothpaste) และอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมใหม่ล่าสุดในคอลเลคชั่น มาการอง ซีรีส์ 3 รุ่น โดยปีนี้เราจะเพิ่มความน่าสนใจให้กับผลิตภัณฑ์ และ Brand ต่างๆ ในเครือ ด้วยการทำ Brand Collaboration เพื่อเอาใจนักสะสมและกระตุ้นยอดขายด้วย

ทั้งนี้ บริษัทฯยังคงมองหาโอกาสสำหรับการขยายการลงทุนด้วยการร่วมทุนและซื้อกิจการ เพื่อให้บริษัทฯเติบโตแบบก้าวกระโดดได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดีบริษัทฯจะพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนการลงทุน โดยยังคงมุ่งเน้นที่จะขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความงาม สุขภาพ และสินค้า Lifestyle ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงจากการพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญในสุขภาพและความงามมากขึ้น เพื่อรักษาระดับการเติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืน"