มาร์เก็ตบัซซ เผยสถานการณ์ค่าครองชีพที่สูงขึ้น เพิ่มความเปราะบางต่อภาวะการเงินของครัวเรือนไทยถึง 75% ซ้ำส่งผลกระทบในเชิงลบต่อสุขภาพจิต และสร้างความเครียดให้กับผู้บริโภคในวงกว้าง สูงถึง 70%
จากผลการวิจัยโดยมาร์เก็ตบัซซ ในกลุ่มตัวอย่างผู้บริโภคอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป จำนวนทั้งหมด 1,000 คน พบว่า 75% มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นทุกวัน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อสถานะทางการเงินส่วนบุคคล โดย 70% ยอมรับว่าปัญหานี้ ยังได้บั่นทอนสุขภาพจิตอีกด้วย
จากผลการสำรวจยังพบอีกว่า ค่าครองชีพที่สูงขึ้นประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน ได้ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อการใช้ชีวิตของคนไทย โดย 52% คนประสบปัญหารายได้ที่ลดลง ทำให้สภาพคล่องทางการเงินลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว โดยเฉพาะในกลุ่มฐานรากที่ได้รับความเดือดร้อนต่อเนื่องจากเศรษฐกิจที่ย่ำแย่จากโควิด-19 หรือกลุ่มคนวัยทำงานที่มีความสุ่มเสี่ยงจากจำนวนรายได้ต่อเดือนที่ไม่คงที่ เช่น เจ้าของกิจการขนาดเล็ก, ผู้ที่ทำงานอิสระ หรือฟรีแลนซ์ เป็นต้น นอกจากนี้ค่าครองชีพที่สูงยังสร้างปัญหาให้กับครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำ, ผู้บริโภคในภาคอีสาน หรือผู้ที่กำลังว่างงาน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีสถานะทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างเปราะบางอยู่แล้ว
จากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด พบว่าโดยเฉลี่ยแล้วคนไทยมีค่าใช้จ่ายอยู่ประมาณ 70% เมื่อเทียบกับรายได้ทั้งหมดต่อเดือน และมีเงินออมประมาณ 30% อย่างไรก็ตาม ประชากรในภาคอีสาน และภาคใต้ มีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาทางการเงินมากกว่าผู้บริโภคในภาคอื่นๆ เนื่องจากค่าใช้จ่ายต่อเดือนสูงถึง 80% ของรายได้ และเมื่อพิจารณาสัดส่วนค่าใช้จ่าย พบว่าคนไทยส่วนใหญ่ใช้เงินไปกับค่าอาหาร และของใช้ภายในบ้าน มากที่สุดถึง 1 ใน 4 ของรายจ่ายทั้งหมด รองลงมาเป็นค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าไฟฟ้า, ค่าน้ำ, ค่า WiFi / อินเตอร์เนท (13%), ค่าช้อปปิ้งของใช้ส่วนตัว หรือการดูแลสุขภาพ ความสวยความงาม (9%) หรือค่าผ่อนบ้าน, ค่าเช่าบ้าน หรือค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับที่พักอาศัย (9%) เป็นต้น
ผลการวิจัยโดยมาร์เก็ตบัซซ ยังเปิดเผยอีกว่า 62% จากกลุ่มตัวอย่างมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว โดยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการที่สินค้า หรือบริการมีราคาสูงขึ้น เช่น ข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน, สาธารณูปโภค หรือการเดินทาง เช่น ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน เป็นต้น
แล้วคนไทยจะปรับตัวอย่างไรในสภาวะข้าวยากหมากแพงเช่นนี้ จากผลสำรวจพบว่าคนไทยได้มีการวางแผนในการรับมือกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดย 67% ตั้งใจจะงด หรือลดค่าใช้จ่ายสำหรับสินค้า หรือบริการที่ไม่มีความจำเป็น, 50% จะปรับพฤติกรรมในการบริโภค/อุปโภค เช่น ลดการรับประทานอาหารที่มีราคาแพง, ลดการใช้ของต่างๆ ให้น้อยลง, 43% พยายามซื้อสินค้าหรือบริการที่ให้ข้อเสนอที่ดีที่สุด เช่น คูปอง, แสตมป์, ส่วนลด เป็นต้น
มร.แกรนท์ บาร์โทลี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มาร์เก็ตบัซซ กล่าวว่า "ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคไม่เพียงแต่กังวลเรื่องรายได้ที่ลดลงเท่านั้น ปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นก็เป็นสิ่งที่น่ากังวลด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น ค่าอาหาร, ค่าสาธารณูปโภค และค่าน้ำมัน เป็นต้น ผลการสำรวจยังชี้ให้เห็นอีกว่า ปัญหาเหล่านี้ได้ส่งผลต่อสุขภาพจิต โดย 70% ยอมรับว่าตนเองกำลังประสบกับภาวะเครียด โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุระหว่าง 35-44 ปี, ผู้หญิง, ประชากรในภาคอีสาน, ภาคใต้ หรือเจ้าของกิจการขนาดเล็ก
มร.แกรนท์ บาร์โทลี่ เสริมต่อว่า "การที่คนต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นนั้น ท้ายที่สุดแล้วจะส่งผลต่อสภาพจิตใจ ซึ่งคนส่วนใหญ่กว่า 70% อ้างว่าได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าว ทำให้เกิดภาวะเครียดขึ้น ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงวางแผนที่จะรับมือกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นโดยงดการจับจ่ายใช้สอยในสิ่งที่ไม่จำเป็น อย่างไรก็ดี วิธีการดังกล่าวก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้ในระยะยาว หากปัญหาเรื่องราคายังไม่ได้รับการแก้ไข หรือคลี่คลายในอนาคต
ดังนั้น คนไทยส่วนใหญ่จึงมีมาตรการรัดเข็มขัดการใช้จ่ายในครัวเรือน เพื่อหลีกเลี่ยงการก่อหนี้ หรือภาวะหนี้ในครัวเรือนอันเนื่องมาจากรายได้น้อยลงซึ่งสวนทางกับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม หากผู้บริโภคไม่สามารถปรับตัวกับการที่รายได้ลดลง ประกอบกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นได้ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่คนเหล่านั้นจะรู้สึกกดดันในการดำเนินชีวิต และส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาทางสังคมอื่นๆ ตามมาก็เป็นได้"
เกี่ยวกับ Marketbuzzz
Marketbuzzz เชื่อมต่อกับผู้ใช้มือถือ แท็บเล็ต และพีซี ที่สนใจทำแบบสำรวจกับนักวิจัยตลาดที่ต้องการความคิดเห็น ด้วยความร่วมมือของเรากับแอปพลิเคชั่นบนมือถือชั้นนำมากมาย ทำให้มาร์เก็ตบัซซสามารถเข้าถึงผู้ใช้งานมากกว่า 12 ล้านคนในประเทศไทย
TO BE NUMBER ONE IDOL เวทีแห่งเกียรติ ศักดิ์ศรี เวทีในฝันของไอดอลทั่วประเทศ ที่เหล่าแฟนคลับส่งกำลังใจ ลุ้นเชียร์มาตลอดซีซั่น เดินทางเข้าสู่รอบลุ้นแชมป์ จากเวทีการประกวด TO BE NUMBER ONE IDOL รุ่นที่ 15 ประจำปี 2568 ในรอบชิงชนะเลิศ ค้นหาดาวเด่นสุดยอด!! เยาวชนต้นแบบเก่งและดี TO BE NUMBER ONE IDOL ณ ชั้น 6 JJ HALL ศูนย์การค้า JJ MALL เวที TO BE NUMBER ONE IDOL เวทีตามล่าฝันของเด็กไทยทั่วประเทศ กิจกรรมที่สามารถครองใจเยาวชนทุกจังหวัดมาโดยตลอด จัดโดย กรมสุขภาพจิต ในฐานะเลขาโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้
สัญญาณเตือนระดับชาติ! มธ. ชี้ชัด "สังคมสูงวัยสมบูรณ์แบบ" ตัวเร่งวิกฤตเศรษฐกิจไทย
—
พ่วงผลกระทบสุขภาพจิต และโครงสร้างแรงงาน เผยตัวเลขผู้สูงวัยเตรียมพุ่งสูง...
สุขภาพสตรี : เรื่องที่ต้องใส่ใจในแต่ละช่วงวัย
—
สุขภาพของผู้หญิงมีการเปลี่ยนแปลงตลอดช่วงชีวิต การดูแลสุขภาพที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อ...
รวม 5 วิธีทำให้ตัวเองสวยขึ้น แบบง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้
—
ความสวยไม่ใช่แค่พรสวรรค์ แต่เป็นสิ่งที่ทุกคนพัฒนาได้ด้วยการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี ไม่ว่าจะเป็นการดู...
ซึมเศร้า - แพนิค - วิตกกังวล วิธีแยกอาการ และแนวทางการรักษา
—
ทุกวันนี้ คำว่า "ซึมเศร้า" "แพนิค" และ "วิตกกังวล" ถูกพูดถึงกันมากขึ้น แต่หลายคนยังแยกไม่ออก...
ทันตแพทยสมาคมฯ ผนึกกำลังภาคีเครือข่าย ยกระดับการดูแลสุขภาพช่องปากเพื่อสุขภาพจิตที่แข็งแรงเนื่องในวันสุขภาพช่องปากโลก (World Oral Health Day) 2025
—
ทันตแพทยสมา...
ชนะใจเป็นที่ 1 อีกครั้ง...ทรู เคียงข้างคนไทย ร่วมฝ่าฟันทุกวิกฤต ครองบัลลังก์แบรนด์แห่ง CSR 2 ปีซ้อน จากผลวิจัย ไทพ์วันแล็บ x มาร์เก็ตบัซซ
—
ชนะใจเป็นที่ 1...
มาร์เก็ตบัซซ วิเคราะห์ข้อมูลผลสำรวจ “เสียงจากคุณแม่แท้ๆ” ที่มีลูกวัย 0-3 ปี พร้อมเผยพฤติกรรมการซื้อผลิตภัณฑ์นมผงและผ้าอ้อมเพื่อลูกน้อยสำหรับนักการตลาด
—
มาร์เก็ตบัซ...
Marketbuzzz (มาร์เก็ตบัซซ) เผยผลวิจัยพฤติกรรมคนไทยอ้าแขนรับ 4G รับรู้สูงถึง 91% และ 65% หันมาใช้บริการ 4G แล้ว
—
Marketbuzzz (มาร์เก็ตบัซซ) ในฐานะผู้นำนวั...