เนสกาแฟ (NESCAFE) แบรนด์กาแฟที่ใหญ่ที่สุดของเนสท์เล่ (Nestle) และเป็นหนึ่งในกาแฟที่โลกโปรดปราน ได้วางโครงการใหญ่ "NESCAFE Plan 2030" เพื่อช่วยให้การทำไร่กาแฟมีความยั่งยืนมากขึ้น ทางเนสกาแฟจะทำงานร่วมกับเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟเพื่อช่วยให้พวกเขาเปลี่ยนไปใช้แนวทางเกษตรฟื้นฟู พร้อมเร่งรัดผลงานที่ทำมาตลอดทศวรรษภายใต้โครงการ NESCAFE Plan
เนสกาแฟจะลงทุนมากกว่า 1 พันล้านฟรังก์สวิสภายในปี 2573 ในโครงการ NESCAFE Plan 2030 เพื่อต่อยอดโครงการ NESCAFE Plan ที่มีอยู่แล้วที่เนสกาแฟใช้ขยายงานด้านความยั่งยืน โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนด้านการเกษตรฟื้นฟูจากเนสท์เล่ ตามพันธกิจของเครือเนสท์เล่ที่จะเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบอาหารฟื้นฟูและปณิธานที่จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
คุณเดวิด เรนนี ( David Rennie) หัวหน้าฝ่ายแบรนด์กาแฟของเนสท์เล่ กล่าวว่า "ภาวะโลกรวนจะสร้างปัญหาหนักให้กับพื้นที่ปลูกกาแฟ ประสบการณ์การทำ NESCAFE Plan ที่สั่งสมมาตลอด 10 ปีทำให้เราเร่งดำเนินการเพื่อช่วยรับมือกับปัญหาภาวะโลกรวนและจัดการกับความท้าทายทางสังคมและเศรษฐกิจในห่วงโซ่คุณค่าของเนสกาแฟ"
อนึ่ง อุณหภูมิที่สูงขึ้นจะลดจำนวนพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการปลูกกาแฟได้มากถึง 50% ภายในปี 2593[1] ขณะเดียวกัน มีผู้คนประมาณ 125 ล้านคนที่ประกอบอาชีพด้านกาแฟ[2] และครอบครัวเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟประมาณ 80% ดำรงชีวิตอยู่ที่ระดับเส้นความยากจนหรือต่ำกว่า[3] ด้วยเหตุนี้ จึงต้องมีการลงมือทำเพื่อรับประกันความยั่งยืนของกาแฟในระยะยาว
คุณฟิลิปป์ นาฟราทิล ( Philipp Navratil) หัวหน้าหน่วยธุรกิจเชิงกลยุทธ์ด้านกาแฟของเนสท์เล่ กล่าวว่า "ในฐานะแบรนด์กาแฟชั้นนำของโลก เนสกาแฟตั้งเป้าที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อการทำไร่กาแฟทั่วโลกอย่างแท้จริง เราต้องการให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟเจริญเติบโตมากพอ ๆ กับที่เราต้องการให้กาแฟส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม สิ่งที่เราทำสามารถช่วยผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั่วทั้งอุตสาหกรรมกาแฟ"
สนับสนุนให้เกษตรกรเปลี่ยนมาทำไร่กาแฟแบบฟื้นฟู การเกษตรฟื้นฟูเป็นแนวทางเกษตรกรรมที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงสภาพดินและความอุดมสมบูรณ์ ตลอดจนปกป้องแหล่งน้ำและความหลากหลายทางชีวภาพ ดินที่มีสภาพดีขึ้นจะทนต่อผลกระทบของภาวะโลกรวนได้ดีขึ้นและให้ผลผลิตได้มากกว่าเดิม ซึ่งช่วยยกระดับรายได้เลี้ยงชีพของเกษตรกร
เนสกาแฟจะจัดฝึกอบรม ให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิค และมอบต้นกล้ากาแฟที่ให้ผลผลิตสูงแก่เกษตรกร เพื่อช่วยให้พวกเขาเปลี่ยนไปใช้แนวทางการทำไร่กาแฟแบบฟื้นฟู ตัวอย่างบางส่วนของแนวปฏิบัติด้านการเกษตรฟื้นฟู ได้แก่
- การปลูกพืชคลุมดินช่วยปกป้องดิน นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มมวลชีวภาพให้กับดินซึ่งสามารถเพิ่มอินทรียวัตถุในดินและทำให้เกิดการกักเก็บคาร์บอนในดิน
- การใส่ปุ๋ยอินทรีย์ช่วยให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งจำเป็นต่อการมีสภาพดินที่ดี
- การเพิ่มการใช้วนเกษตรและการปลูกพืชแซมมีส่วนช่วยในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ
- การตัดแต่งต้นกาแฟที่มีอยู่หรือการปลูกแทนที่ต้นเก่าด้วยต้นพันธุ์ใหม่ที่ทนโรคและทนต่อภาวะโลกรวน จะช่วยฟื้นฟูแปลงกาแฟและเพิ่มผลผลิตให้กับเกษตรกร
เน้นไปที่ประเทศต้นทางที่เนสกาแฟใช้เป็นแหล่งจัดหากาแฟถึง 90%
เนสกาแฟจะทำงานร่วมกับเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟเพื่อทดสอบ เรียนรู้ และประเมินประสิทธิผลของแนวทางการเกษตรฟื้นฟูหลายรูปแบบ โดยจะมุ่งเน้นไปที่ประเทศต้นทางหลัก 7 แห่งที่เนสกาแฟใช้เป็นแหล่งจัดหากาแฟถึง 90% ได้แก่ บราซิล, เวียดนาม, เม็กซิโก, โคลอมเบีย, โกตดิวัวร์, อินโดนีเซีย และฮอนดูรัส
เนสกาแฟตั้งเป้าไว้ว่า
- ต้องได้กาแฟที่จัดหามาอย่างมีความรับผิดชอบ 100% ภายในปี 2568
- 20% ของกาแฟต้องจัดหามาจากแนวการเกษตรฟื้นฟูภายในปี 2568 และ 50% ภายในปี 2573 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในปณิธานด้านส่วนผสมหลักของเนสท์เล่
นำร่องโครงการสนับสนุนทางการเงินในเม็กซิโก , โกตดิวัวร์ และอินโดนีเซีย เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่การเกษตรฟื้นฟู
เนสกาแฟมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนเกษตรกรผู้รับความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการใช้แนวทางการเกษตรฟื้นฟู โดยจะจัดโครงการที่มุ่งช่วยเพิ่มรายได้ของเกษตรกรอันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เนสกาแฟจะนำร่องโครงการสนับสนุนทางการเงินในเม็กซิโก, โกตดิวัวร์ และอินโดนีเซีย เพื่อช่วยเกษตรกรเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่การเกษตรฟื้นฟู ด้วยโครงการนี้ เนสกาแฟร่วมกับเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟจะทดสอบและเรียนรู้หาแนวทางที่ดีที่สุดในแต่ละประเทศ ซึ่งอาจรวมถึงมาตรการต่าง ๆ เช่น
- ให้เงินสดจูงใจแบบมีเงื่อนไขสำหรับการเปลี่ยนมาใช้แนวทางการเกษตรฟื้นฟู
- คุ้มครองรายได้โดยใช้การประกันภัยลมฟ้าอากาศ
- ช่วยให้เกษตรกรเข้าถึงวงเงินสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
เนสกาแฟจะติดตามความคืบหน้าและประเมินผลลัพธ์ของโครงการภาคสนามกับเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟผ่านความร่วมมือในการติดตามและประเมินผลร่วมกับองค์กรพันธมิตรป่าฝนหรือ Rainforest Alliance โดยโครงการของเนสกาแฟจะเสริมด้วยความร่วมมือใหม่ ๆ ที่เน้นความเชี่ยวชาญ เช่น ความร่วมมือกับแล็บอาหารยั่งยืน (Sustainable Food Lab) สำหรับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการประเมินรายได้ของเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ, กลยุทธ์ และการติดตามความคืบหน้า
ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยการดักจับและกักเก็บคาร์บอนในดินมากขึ้น นอกจากนี้ การเกษตรฟื้นฟูยังมีส่วนช่วยในการดึงคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากชั้นบรรยากาศและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย นั่นคือเหตุผลที่การเกษตรฟื้นฟูเป็นส่วนสำคัญของโรดแมป Zero Net ของเนสท์เล่ เนสกาแฟมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนพันธกิจ Zero Net ของเนสท์เล่ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2573 และบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 โดยจะทำงานร่วมกับเกษตรกร, ซัพพลายเออร์ และพันธมิตรเพื่อช่วยปกป้องพื้นที่เกษตรกรรม เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ และช่วยป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า เนสกาแฟตั้งใจที่จะช่วยเกษตรกรปลูกต้นไม้มากกว่า 20 ล้านต้นในไร่กาแฟของตนหรือในบริเวณใกล้เคียง
ก้าวไปข้างหน้าด้วยการวางรากฐานที่แข็งแกร่ง คำประกาศในวันนี้เป็นการต่อยอดจากการพัฒนาอย่างยั่งยืนของเนสกาแฟในการผลิตกาแฟ โดยเนสกาแฟได้ลงทุนด้านความยั่งยืนมาตั้งแต่ปี 2553 ผ่าน NESCAFE Plan และมีความคืบหน้าที่สำคัญ ดังนี้
- กาแฟที่จัดหามาอย่างมีความรับผิดชอบ: 82% ของกาแฟเนสกาแฟมีการจัดหามาอย่างมีความรับผิดชอบในปี 2564
- ต้นกล้ากาแฟ: ต้นกล้ากาแฟใหม่ 250 ล้านต้นมีการแจกจ่ายให้กับเกษตรกรมาตั้งแต่ปี 2553
- การติดตามและประเมินผล: การประเมินผลกระทบร่วมกับ Rainforest Alliance ใน 14 ประเทศ
- การปล่อยก๊าซเรือนกระจก: ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 46% ในโรงงานกาแฟสำเร็จรูปของเรา (2563 vs 2553, เทียบผลิตภัณฑ์ต่อตัน)
- การใช้น้ำ: ดึงน้ำจืดมาใช้น้อยลง 53% ในโรงงานกาแฟสำเร็จรูปของเรา (2563 vs 2553, เทียบผลิตภัณฑ์ต่อตัน)
[1] ธนาคารเพื่อการพัฒนาระหว่างอเมริกา (Inter-American Development Bank)
[2] มูลนิธิแฟร์เทรด (Fairtrade Foundation)
[3] เทคโนเซิร์ฟ (TechnoServe)
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1910069/Nestle_SA.jpg
โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/1883999/Nestle.jpg
อีเลคโทรลักซ์ปลุกพลังฮีโร่ตัวน้อยผ่านโครงการ Food Heroes ส่งเสริมเยาวชนรู้คุณค่าการเลือกอาหารและการลดอาหารเหลือทิ้ง เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
ผู้นำภาคธุรกิจชี้ การขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความยั่งยืนช่วยฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจไทย จ่ออัดงบลงทุนกว่าแสนล้าน ปรับโครงสร้างการผลิต สู่ 'Net Zero' ปี 2593 กรุยทางเกมรุกในโลกธุรกิจยุคใหม่ "มิตรภาพ และความยั่งยืน"
กพร. จับมือ เอ็มเทค สวทช. จัดสัมมนาใหญ่ โชว์ความสำเร็จดันผู้ประกอบการ ยกระดับธุรกิจด้วยเศรษฐกิจหมุนเวียน ลดก๊าซเรือนกระจก 5,815 ตัน เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจ 145 ล้านบาท
โรงไฟฟ้า บีแอลซีพี เพาเวอร์ เดินหน้าขับเคลื่อนสู่ Net Zero สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนผ่านโครงการปุ๋ยใบไม้ ถ่ายทอดความรู้การกำจัดแปรรูปใบไม้-เศษวัสดุการเกษตรเป็นเงิน สร้างรายได้แก่ชุมชน ตั้งเป้าลดขยะใบไม้ให้ได้ปีละ 240 ตัน
"รีกาลอส เปลี่ยนซองอาหารใช้แล้ว สร้างของเล่นให้น้องๆ" ชูแนวคิด ESG - Waste for Life ต่อยอดซองเปล่า สู่ Pet Park ตามเป้าหมาย PFG ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 50% ภายใน 2575
"เจียไต๋" รับมอบประกาศนียบัตรฉลากคาร์บอน ตอกย้ำผู้นำนวัตกรรมเกษตรเพื่อความยั่งยืน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เตือนผู้ประกอบการไทยเตรียมรับมือ EU CBAM ต้นปีหน้า ตามกระแสความยั่งยืนโลกที่ยังไม่แผ่ว แม้สหรัฐฯ เริ่มผ่อนปรน
CHOW เสริมทัพความแข็งแกร่ง คว้าใบรับรอง "คาร์บอนฟุตพริ้นท์" เพิ่ม 6 ผลิตภัณฑ์ พร้อมยกระดับการแข่งขันในตลาดเหล็ก พาธุรกิจเดินหน้าสู่ความยั่งยืน
COCOCO คว้ารางวัลคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ก้าวสู่ผู้นำธุรกิจมะพร้าวสายกรีน เดินหน้าสู่เป้าหมายองค์กรคาร์บอนต่ำ