'ไทยออยล์' พร้อมนำหุ้นเพิ่มทุนเข้าเทรด 30 กันยายนนี้ โชว์ความสำเร็จการเสนอขายหุ้นกว่า 1.15 หมื่นล้านบาท พร้อมเตรียมพิจารณาจ่ายปันผลระหว่างกาล

29 Sep 2022

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เตรียมนำหุ้นเพิ่มทุนเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันที่ 30 กันยายนนี้ หลังประสบความสำเร็จการเสนอขายหุ้นมูลค่ารวม 11,500 ล้านบาท รวมการใช้หุ้นส่วนเกิน ได้ตามเป้าหมาย สะท้อนความมั่นใจในพื้นฐานอันแข็งแกร่งของไทยออยล์ พร้อมเร่งเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ ขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตที่ยั่งยืน พร้อมเตรียมพิจารณาจ่ายปันผลระหว่างกาล

'ไทยออยล์' พร้อมนำหุ้นเพิ่มทุนเข้าเทรด 30 กันยายนนี้  โชว์ความสำเร็จการเสนอขายหุ้นกว่า 1.15 หมื่นล้านบาท  พร้อมเตรียมพิจารณาจ่ายปันผลระหว่างกาล

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า "ในการออกและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนของไทยออยล์ครั้งนี้ถือว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีสามารถเสนอขายหุ้นเป็นมูลค่ารวม 11,500 ล้านบาท ผ่านการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 192,307,693 หุ้น รวมถึงมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Over-Allotment Shares) จำนวน 22,645,578 หุ้น โดยไทยออยล์เตรียมนำหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 30 กันยายน 2565 โดยการเสนอขายหุ้นดังกล่าวจะช่วยเสริมโครงสร้างเงินทุนให้แข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อสนับสนุนแผนกลยุทธ์การขยายธุรกิจของไทยออยล์ให้มีความคล่องตัว ทั้งโครงการที่ดำเนินการอยู่แล้วในปัจจุบันรวมไปถึงโครงการใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ทั้งนี้ ไทยออยล์มีแผนนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนในครั้งนี้ไปชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น (Bridging Loan) ที่คงเหลือให้แก่ ปตท. และสถาบันการเงิน จากการลงทุนในธุรกิจโอเลฟินโดยการเข้าถือหุ้นของ PT Chandra Asri Petrochemical Tbk หรือ CAP จำนวนประมาณ 10,708 ล้านบาท และจำนวนเงินที่เหลือจากการชำระหนี้เงินกู้ยืมนั้น จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการประกอบธุรกิจหรือการขยายธุรกิจเพื่อรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต

สำหรับแผนการลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ไทยออยล์ต่อยอดจากรากฐานอันแข็งแกร่งโดยวางงบลงทุนไว้ที่ประมาณ 980 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project: CFP) ประมาณ 600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ ใน CAP ประมาณ 270 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อขยายธุรกิจโอเลฟินของ CAP ซึ่งจะตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ ยังมีโครงการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำของ บริษัท ท็อป เอสพีพี จำกัด (TOP SPP) ประมาณ 46 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และโครงการอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เช่น การปรับปรุงหน่วยผลิตให้มีประสิทธิภาพ และการลงทุนด้านโลจิสติกส์และสาธารณูปโภค รวมทั้งสิ้นประมาณ 70 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า "เมื่อกระบวนการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของไทยออยล์แล้วเสร็จ โดยนำหุ้นสามัญเพิ่มทุนเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไทยออยล์จะมีการพิจารณาจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ตามแนวปฏิบัติที่ผ่านมาของบริษัทฯ ซึ่งจะแจ้งผลการพิจารณาให้กับนักลงทุนได้รับทราบต่อไป ทั้งนี้ ไทยออยล์มีนโยบายการจ่ายปันผลจากผลการดำเนินงานประจำปีไม่น้อยกว่า 25% ของกำไรสุทธิของงบการเงินรวม ภายหลังจากการหักทุนสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามที่ได้กำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัทฯ และตามกฎหมาย โดยผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2565 มีกำไรสุทธิสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 32,510 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27,027 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน"

ไทยออยล์มีเป้าหมายมุ่งเป็นผู้นำด้านพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ 'Empowering Human Life through Sustainable Energy and Chemicals' เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทธุรกิจและทิศทางอุตสาหกรรมพลังงานที่จะเปลี่ยนไปในอนาคต ไทยออยล์จึงตั้งเป้าหมายระยะยาวในปี 2573 จะมีสัดส่วนกำไรสุทธิใหม่ มาจากธุรกิจการกลั่นและจำหน่ายปิโตรเลียม 40% ธุรกิจปิโตรเคมีและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง 40% ธุรกิจไฟฟ้า 10% และธุรกิจใหม่ที่เป็น New S-Curve อีก 10% ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมและรับผิดชอบต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตและเติบโตไปพร้อมกับคนไทย พร้อมก้าวสู่องค์กร 100 ปีอย่างยั่งยืน"