งานวิจัยเผยว่าไม่มีที่ไหนบนโลกปลอดภัยจากมลภาวะ แล้วเราทำอะไรได้บ้าง? Ian Brough ผู้เชี่ยวชาญจาก Dyson เผยข้อมูลพร้อมแนวทางการป้องกันตัวเองจากมลภาวะทางอากาศ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

จากงานวิจัยล่าสุดของมหาวิทยาลัย Monash ประเทศออสเตรเลียได้เผยว่า แทบไม่มีพื้นที่ที่ปลอดภัยจากมลพิษทางอากาศเหลืออยู่บนโลกนี้แล้ว โดยจากการศึกษาและวิจัยข้อมูลที่ได้จากสถานีตรวจสอบสถาพอากาศและดาวเทียม เผยว่ามีพื้นที่บนบกเพียง 0.18% หรือนับเป็นประชากรร้อยละ 0.001% เท่านั้นที่ได้รับมลพิษทางอากาศต่ำกว่าเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ จึงสามารถพูดโดยรวมได้ว่าทุกคนบนโลกกำลังได้รับผลจากมลพิษทางอากาศ ไม่ว่าคนคนนั้นจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม ในประเทศไทย สถานการณ์มลภาวะทางอากาศที่เราคุ้นชินที่สุดคงหนีไม่พ้นปัญหาฝุ่นที่มักทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงอากาศเย็น หรือสถานการณ์ฝุ่นในจังหวัดทางภาคเหนือ แต่นอกจากสถาณการณ์ฝุ่นที่เรามองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแล้ว มลภาวะยังมีอีกหลายมิติที่หลายคนอาจไม่รู้มาก่อน และล่าสุด Ian Brough หัวหน้าแผนกผลิตภัณฑ์เครื่องฟอกอากาศของ Dyson ได้เผยเกร็ดความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ด้านมลภาวะในอากาศและวิธีที่เราในฐานะคนทั่วไปสามารถทำเพื่อป้องกันตัวเองจากมลภาวะเหล่านี้ได้

งานวิจัยเผยว่าไม่มีที่ไหนบนโลกปลอดภัยจากมลภาวะ แล้วเราทำอะไรได้บ้าง? Ian Brough ผู้เชี่ยวชาญจาก Dyson เผยข้อมูลพร้อมแนวทางการป้องกันตัวเองจากมลภาวะทางอากาศ

รู้จริงแค่ไหน ? เรื่องมลภาวะในอากาศ ?
งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่าปัญหามลพิษเป็นปัญหาระดับโลก ทุกคนเริ่มหันมาตระหนักถึงความจำเป็นในการหลีกเลี่ยงถนนที่มีรถเยอะ หรือปิดเครื่องยนต์เมื่อไม่ได้ใช้ และปกป้องสิ่งแวดล้อมภายนอกอาคาร แต่เรากลับไม่ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับผลกระทบของอากาศภายนอกอาคารที่มีต่อสิ่งแวดล้อมภายในอาคาร โดยสถิติที่ได้จากการรวบรวมข้อมูลจากเครื่องฟอกอากาศ Dyson แสดงให้เห็นว่าเมื่อมลพิษอากาศภายนอกสูง มลพิษภายในอาคารก็สูงขึ้นตาม การทำความเข้าใจว่าผู้คนเผชิญกับคุณภาพอากาศแบบไหนเป็นขั้นตอนสำคัญในการนำไปสู่การหาวิธีแก้ไขที่จริงจังและยั่งยืน ซึ่งเป็นสิ่งที่ Dyson ให้ความสำคัญ งานวิจัยเผยว่าไม่มีที่ไหนบนโลกปลอดภัยจากมลภาวะ แล้วเราทำอะไรได้บ้าง? Ian Brough ผู้เชี่ยวชาญจาก Dyson เผยข้อมูลพร้อมแนวทางการป้องกันตัวเองจากมลภาวะทางอากาศ

แค่อยู่ในบ้าน ก็ปลอดภัยจากฝุ่นข้างนอก ?
แน่นอนว่าเราสามารถมองเห็นมลพิษประเภทฝุ่นได้ด้วยตาเปล่าเมื่อปริมาณเยอะในระดับหนึ่ง แต่เรามักจะลืมคิดถึงมลพิษที่เรามองไม่สามารถเห็นด้วยตาเปล่าอย่างเช่น ไนโตรเจนออกไซด์ที่สามารถตกค้างอยู่ในอากาศได้เป็นปีและเป็นอันตรายมากกว่ามลพิษที่สามารถมองเห็นได้เสียอีก

บ้านก็อาจจะไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัยเพราะบางครั้งมลพิษภายในบ้านนั้นอาจจะแย่กว่าข้างนอก มลพิษในอากาศถูกสร้างจากกิจกรรมประจำวันต่างๆภายในครัวเรือนเช่น การทำอาหาร การทำความสะอาดและมลพิษที่สะสมจากการเดินเข้าออกอาคารจนกระทั่งกลายเป็นส่วนผมผสมของมลพิษที่ซับซ้อนและอันตราย ในขณะที่ผู้คนเริ่มปิดกั้นไม่ให้มลพิษเข้าบ้าน ความจริงแล้วเรากำลังกันไม่ให้มลพิษออกด้วยเช่นด้วยกัน

ทุกๆวันเราหายใจอากาศเป็นจำนวน 9,000 ลิตร ซึ่งเราใช้ชีวีตประจำวันส่วนใหญ่ของเราอยู่ภายในอาคาร กิจกรรมในชีวิตประจำวันของเราอย่างเช่น การใช้น้ำยาล้างพื้น, น้ำยาดับกลิ่น หรือเทียนหอมนั้นล้วนเป็นต้นต่อของมลพิษอากาศที่พบเจอได้บ่อยภายในครัวเรือน มลพิษอากาศในครัวเรือนชนิดอื่นๆที่พบได้ก็จะมาจาก แก๊ซที่ออกมาตอนทำอาหาร, เชื้อรา, เกสรดอกไม้, สะเก็ดผิวของสัตว์เลี้ยง และฟอร์มัลดีไฮด์ที่ออกมาจากเฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูป ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรือที่ออฟฟิศทุกคนก็มีโอกาศที่จะหายใจอากาศที่มีมลพิษอันตรายได้ การที่มีเครื่องกรองอากาศที่มีทั้งHEPAและคาร์บอนสังเคราะที่มีคุณสมบัติในการดูดซับสูงนั้นสามารถยับยั้งมลพิษและทำให้คุณภาพอากาศภายในครัวเรือนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

มลภาวะข้างนอกกับข้างใน อันไหนอันตรายกว่ากัน ?
โดยปกติแล้วมลพิษภายในกับภายนอกจากถูกมองว่าเป็นปัญหาที่แยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง แต่ที่จริงแล้วมลพิษภายนอกอาคารเช่น ควันท่อไอเสีย เกสรดอกไม้ หรือละอองเชื้อรานั้นก็สามารถเข้ามาภายในอาคารได้ง่ายๆเหมือนกัน นอกจากนั้นแล้วมลพิษภายในอาคารเช่น กลิ่นควันจากการทำอาหารก็สามารถระบายไปเพิ่มมลพิษภายนอกได้เช่นเดียวกัน

ถึงแม้ว่าจะมีช่วงที่ควันฝุ่นนั้นเยอะอย่างเห็นได้ชัดและบางวันอาจจะดูเหมือนลดลงถึงระดับปกติ แต่จริงๆแล้ว ปัญหามลพิษนั้นเป็นปัญหาที่อยู่กับคนไทยตลอดทั้ง 365 วันเลยทีเดียว! เราสังเกตเห็นได้ว่ามลพิษบางจำนวนเพิ่มขึ้นมาได้จากต้นตอเรื่อง อุณหภูมิ ,ภูมิอากาศ และกิจกรรมต่างๆของประชากร คุณภาพอากาศเสื่อมโทรมเป็นปัญหาที่ครอบคลุมทั่วโลกและประเทศไทยนั้นเป็นประเทศที่ถูกผลกระทบหนักเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในภูมิภาค รายงานจากองค์การอนามัยโลกทำให้เราตระหนักถึงปัญหาคุณภาพจัดอันดับให้ประเทศไทยอยู่อันดับสอง จากทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเรื่องของประเทศที่มีมลพิษทางอากาศเยอะที่สุด การรายงานนี้ทำให้เราตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหาด้านมลพิษอากาศและความสำคัญในการริเริ่มการส่งเสริมคุณภาพอากาศในประเทศไทยให้ดีขึ้น

คุณภาพอากาศนั้นเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและผลกระทบของมันก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยซึ่งรวมไปถึง อายุ, สถานที่ที่พักอาศัย, ระยะเวลาที่เผชิญหน้ากับอากาศในบริเวณนั้น,และปริมาณกิจกรรมในแต่ละวัน ที่ Dyson เราได้ทำการวิจัยเป็นระยะเวลานานเกี่ยวกับเรื่องผลกระทบของมิลพิษอากาศภายในครัวเรือน ในขณะที่ผลกระทบทางการแพทย์ยังถูกวิจัยอยู่นั้น เรารู้อย่างแน่นอนว่าระยะยเวลาที่เผชิญหน้ากับมลพิษเป็นปัจจัยทีสำคัญ้เพราะฉนั้นแล้วตามหลักการนี้ คุณภาพอากาศภายในครัวเรือนนั้นย้อมมีผลกระทบต่อชีวิตเรามากที่สุดเพราะเราใช้ชีวิตในอาคารเป็นส่วนใหญ่

เราสามารถทำอะไรเพื่อป้องกันมลพิษได้บ้าง ?
ถึงแม้จากงานวิจัยที่ออกมาได้เผยกว่า 99% ของโลกนั้นอยู่ภายใต้อากาศที่มีมลพิษ แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าเราไม่สามารถควบคุมคุณภาพของอากาศที่เราหายใจในบ้านเราได้ และนี่คือเคล็ดลับที่จะช่วยเราคงระดับอากาศที่ดีไว้

ใช้น้ำยาทำความสะอาดอย่างชาญฉลาด: สารระเหยง่ายอันตรายที่พบเจอได้ในครัวเรือนสามารถมาจาก สารเคมีในน้ำยาทำความสะอาด การใช้น้ำยาทำความสะอาดจากธรรมชาตินั้นเป็นวิธีง่ายๆในการลดสารระเหยอันตรายและเพิ่มคุณภาพอากาศภายในครัวเรือนได้

ดูดฝุ่นบ่อยๆ: เวลาเราปัดฝุ่นโซฟาหรือเบาะนั่งเราอาจจะเห็นฝุ่นจำนวนมากฟุ้งออกมาในอากาศ ฝุ่นพวกนี้จะตกค้างอยู่ภายในครัวเรือนและรอให้เราหายใจละอองพวกนี้เข้าไป เพราะฉนั้นการดูดฝุ่นนั้นเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการจัดการอนุภาคฝุ่นภายในบ้านและลดมลพิษลงได้

ใช้เครื่องหอมให้พอดี: สิ่งบางสิ่งที่เราชอบใช้ในบ้านเช่น เทียนหอมก็สามารถเป็นต้นตอของมลพิษทางอากาศภายในบ้านได้เช่นเดียนกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้เราเลิกจุดเทียนไปเลยแต่ให้จุดในปริมาณและระยะเวลาที่พอดี ถ้าจะจุดให้จุดตอนเย็นก็ยิ่งดี

หน้าต่างต้องดูก่อนเปิด: ระมัดระวังในการ "เปิดให้อากาศถ่ายเท" ถ้าบ้านของคุณอยู่ในย่านที่มีจราจรเยอะ หรือติดกับถนนใหญ่การเปิดประตูหรือหน้าต่างให้ลมผ่านอาจจะนำฝุ่นควันและแก๊ซที่เป็นอันตรายๆอย่างเช่น ไนโตรเจนไดออกไซด์และซัลเฟอร์ไดออกไซด์เข้ามาในครัวเรือนได้

เมื่อทำอาหาร ต้องจัดการเรื่องการถ่ายเท: การทอดที่ใช้น้ำมันนั้นสร้างอนุภาคมลพิษ และการใช้เตาแก๊ซนั้นก็สามารถสร้างแก๊ซอันตรายเช่น NO2 (ไนโตรเจนไดออกไซด์) เพราะฉะนั้นเวลาประกอบอาหารพยายามให้ครัวมีระบบระบายอากาศที่เชื่อมไปด้านนอกบ้าน หรือถ้าอากาศด้านนอกสะอาดพอก็สามารถเปิดหน้าต่างได้ หรือใช้พัดลมระบายอากาศที่ติดแผ่นกรองมลพิษอีกชั้นนึงก็ได้

ใช้เครื่องกรองอากาศ: เครื่องกรองอากาศที่ดีควรจะจับได้มากกว่าอนุภาคมลพิษหรือสารก่อให้เกิดภูมิแพ้ที่เล็กกว่า PM0.1แต่รวมไปถึงการกรองแก๊ซที่เป็นอันตรายต่างๆอย่างเช่น สารเคมีระเหยง่ายหรือไนโตรเจนไดออกไซด์ เพื่อทำความสิ่งแวดล้อมภายในห้องให้หมด


ข่าวองค์การอนามัยโลกแนะนำ+ประเทศออสเตรเลียวันนี้

MR.POOL จัดทัพเทคโนโลยีอุปกรณ์สระว่ายน้ำ ร่วมงานสถาปนิก 68

นายวีระพงค์ ลือสกุล รองประธานบริษัท พร้อมด้วย นางสาวรุ่งทิพย์ มีแม่นวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PRAPAT และนางสาวรุ่งนิภา เกตุนุติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิสเตอร์พูล จำกัด หรือ MR. POOL บริษัทย่อยของบริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) นำผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์สระว่ายน้ำ ที่ MR. POOL เป็นตัวแทนนำเข้าและจำหน่าย แบรนด์ Pentair ประเทศสหรัฐอเมริกา และแบรนด์ Davey ประเทศออสเตรเลีย เช่น ปั๊มน้ำ เครื่องกรอง อุปกรณ์สระเกลือ อุปกรณ์สำหรับสระว่ายน้ำ

เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการเสวนาทางวิชาการเรื... นักการศึกษาในเอเชีย ร่วมถก "บทบาทของผู้นำครู และพลังขับเคลื่อนการศึกษาที่ยั่งยืน" — เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการเสวนาทางวิชาการเรื่อง "พลังของผู้นำทางวิชาการใน...

บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO ... EGCO Group ปิดดีลขายหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานลม Boco Rock ออสเตรเลีย — บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ปิดดีลขายหุ้นทั้งหมด 100% ในบริษัท Boco Ro...

ทราเวลโลก้าจัดดีลวันเกิด ฉลอง 13 ปีแห่งกา... ทราเวลโลก้าฉลองวันเกิด ครบรอบทศวรรษแห่งนวัตกรรม มอบดีลสุดพิเศษให้นักท่องเที่ยวนับล้านทั่วโลก — ทราเวลโลก้าจัดดีลวันเกิด ฉลอง 13 ปีแห่งการพลิกโฉมการเดินทาง...

เซลเลสทิสตอบโต้กรณีองค์การอนามัยโลกแนะนำวิธีการตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัยวัณโรคชนิดแสดงอาการ

การตรวจเลือดยังจำเป็นต่อการตรวจหาเชื้อโรคที่ไม่แสดงอาการ คำแนะนำจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ไม่สามารถใช้ได้กับชุดทดสอบ QuantiFERON-TB Gold (QFT) สำหรับการตรวจหาวัณโรคที่ไม่แสดงอาการ คำแนะนำเกี่ยวกับนโยบายใหม่ที่เผย...

ม.มหิดล วิจัยไขปัญหาเด็กไม่กินผัก ได้รับความสนใจจากสื่อออสเตรเลียขยายผลไปทั่วโลก

รศ. พญ. ชุติมา ศิริกุลชยานนท์ ภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า องค์การอนามัยโลกแนะนำให้บริโภคผักและผลไม้อย่างน้อยวันละ ๔๐๐ กรัม หรือ ๔ ขีด แต่จากรายงานการสำรวจภาวะอาหารบริโภคและ...

“คนอร์ ซุปก้อน” ชวนกินซุปผักเพื่อเด็กไทยสุขภาพแข็งแรง จัดเรียลลิตี้โชว์“ตะลุยครัว เพื่อตัวเล็ก” บุกก้นครัว 3 บ้านคนดัง

คนอร์ ซุปก้อนโดยยูนิลีเวอร์ชวนเด็กไทยรับประทานซุปผักเพิ่มวันละ 2 ชาม ช่วยเพิ่มปริมาณผักที่ควรได้รับในแต่ละวันให้ได้ตามที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ ส่งแคมเปญใหม่ช่วยพ่อ...