ผลงาน AAI ไตรมาส 2/67 สุดปัง อัตรากำไรขั้นต้นทุบสถิติใหม่ที่ 25.7% หนุนผลงานครึ่งปีแจ่ม ปรับเป้าอาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่ม รับอุปสงค์อาหารสัตว์เลี้ยงโตไม่หยุด

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

'เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ AAI’ ผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงรายใหญ่ของไทย โชว์ผลงานไตรมาส 2/67 ยอดเยี่ยม รายได้โต 43.5% กำไร 300 ล้านบาท โต 1,041.9% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 25.7% หลังดีมานด์กลุ่มอาหารสัตว์โตไม่แผ่ว ด้านผลประกอบการครึ่งปีแรกเติบโตดี รายได้เพิ่ม 23.9% ส่วนกำไรโตสูงถึง 449.7% และอัตรากำไรสุทธิเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญแตะ 16.9% หลังได้แรงหนุนจากลูกค้ากลุ่มอาหารสัตว์เน้นออกสินค้าใหม่เอาใจผู้เลี้ยงเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาด ทั้งยังลดแรงกดดันในการรับคำสั่งซื้อกลุ่มอาหารพร้อมรับประทานบรรจุภาชนะปิดผนึก หนุนให้เลือกรับผลิตสินค้าแต่มาร์จิ้นดี ปรับเพิ่มเป้าอัตรากำไรขั้นต้นอีกครั้งเป็น 20-21% หลังครึ่งปีแรกทำได้สูงถึง 23.4% ด้านรายได้รวมยังคงเป้าที่ 6,500 ล้านบาท โดยลดสัดส่วนรายได้อาหารพร้อมทานฯ และเพิ่มเป้ารายได้อาหารสัตว์เลี้ยงแทน ผู้ถือหุ้นเตรียมเฮหลังบอร์ดเคาะจ่ายปันผลงวดครึ่งปีแรก 379 ล้านบาท คิดเป็น 0.1785 บาทต่อหุ้น รับเงิน 4 กันยายน นี้

ผลงาน AAI ไตรมาส 2/67 สุดปัง อัตรากำไรขั้นต้นทุบสถิติใหม่ที่ 25.7% หนุนผลงานครึ่งปีแจ่ม ปรับเป้าอาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่ม รับอุปสงค์อาหารสัตว์เลี้ยงโตไม่หยุด

นายเอกราช พรรณสังข์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ AAI ผู้รับจ้างผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Food) และผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทานบรรจุภาชนะปิดผนึก (Human Shelf-stable Food) ชั้นนำของประเทศ และเจ้าของแบรนด์ “monchou” “Hajiko” และ “Pro” ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงสำหรับแมวและสุนัข เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ว่า บริษัทฯ มีรายได้ 1,717 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.5% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 1,196 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 15.31% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 ที่ทำได้ 1,489 ล้านบาท โดยมีปริมาณการขาย 10,548 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 32.5% จากไตรมาส 2/2566 ที่ 7,958 ตัน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากปริมาณขายอาหารสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มมากถึง 44.9% เนื่องจากลูกค้าเจ้าของแบรนด์ใหญ่ในกลุ่มรับจ้างผลิตต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังปี 2566 อุปสงค์ลดจากสถานการณ์สินค้าคงคลังเหลือค้างจำนวนมาก ขณะที่สัดส่วนกลุ่มอาหารพร้อมรับประทานบรรจุภาชนะปิดผนึกลดลง แต่สามารถเลือกรับคำสั่งซื้อที่มีอัตรากำไรดีตามนโยบายได้ ประกอบกับราคาทูน่าก็ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 2 ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ 25.7% ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดของบริษัทฯ และดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 12.7% อีกทั้งดีกว่าไตรมาส 1/2567 ที่ระดับ 20.8%

ขณะที่กำไรสุทธิ ไตรมาส 2/2567 ทำได้ 300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงถึง 1,041.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 26 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 23.96% จากไตรมาส 1/2567 ที่ 242 ล้านบาท แม้บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายดำเนินการเพิ่มขึ้น แต่สามารถชดเชยจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และยังมีปัจจัยบวกจากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลง รวมทั้งมีรายได้จากดอกเบี้ยรับจากเงินฝากธนาคารและเงินให้กู้ยืมจากบริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยมีกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.14 บาท ปรับขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่อยู่ที่ 0.01 บาท/หุ้น และไตรมาสก่อนหน้าที่ทำได้ 0.11 บาท/หุ้น

สำหรับผลประกอบการงวดครึ่งปีแรก 2567 รายได้อยู่ที่ 3,206 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 23.9% ที่ทำได้ 2,587 ล้านบาท จากปริมาณการขาย 19,977 ตัน เพิ่มขึ้น 13.8% จากครึ่งปีแรก 2566 อยู่ที่ 17,551 ตัน โดยส่วนใหญ่มาจากกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้น 28.8% ขณะที่รายได้และปริมาณการขายกลุ่มอาหารพร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึกลดลง 30.1% และ 29.3% ตามลำดับ หลังไม่มีแรงกดดันจากการบริหารแรงงานส่วนเกินเหมือนปี 2566 ทำให้สามารถเลือกรับคำสั่งซื้อที่มีอัตรากำไรดีตามนโยบายได้ ประกอบกับอัตรากำไรในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงสูงกว่ากลุ่มอาหารพร้อมรับประทานบรรจุภาชนะปิดผนึก จึงส่งผลให้บริษัทฯ สามารถทำอัตรากำไรที่ดีขึ้น ทั้งอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 23.4% และอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 16.9% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกปีก่อนอยู่ที่ 10.9% และ 3.8% ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิครึ่งปีแรกทำได้ 542 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 449.7% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกปีก่อนที่ 99 ล้านบาท

ขณะที่รายได้จากแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงของบริษัทฯ ยังลดลง จากสภาพตลาดที่มีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะการแข่งขันด้านราคาจากแบรนด์ที่เข้ามาใหม่ ทำให้บริษัทฯ มีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมเพิ่มช่องทางการจำหน่ายในประเทศทั้งออฟไลน์และออนไลน์ อีกทั้งทำกิจกรรมการตลาดเพื่อสามารถเข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง ส่วนผลประกอบการอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ด ไท่หย่า เหม่ยซื่อ ประเทศจีน ยังขาดทุนตามการแข่งขันที่รุนแรงและภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวซึ่งกระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภคที่เน้นซื้อสินค้าราคาประหยัด โดยปัจจุบันบริษัทฯ กำลังปรับกลยุทธ์และการดำเนินให้สอดคล้องการแข่งขันและทันต่อความต้องการของผู้บริโภค

นายเอกราช กล่าวถึงการดำเนินงานช่วงที่เหลือของปีนี้ว่า บริษัทฯ ยังคงเป้ารายได้ของปี 2567 ไว้ที่ 6,500 ล้านบาท หรือเติบโต 19% จากปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 5,439 ล้านบาท แต่มีการปรับโครงสร้างสัดส่วนรายได้เนื่องจากมองว่ารายได้จากกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงจะได้รับการตอบรับดีเกินเป้าหมายที่คาดไว้เดิม 5,400 ล้านบาท เป็น 5,700 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 30.9% จากปีก่อนที่ทำได้ 4,400 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มอาหารพร้อมรับประทานบรรจุภาชนะปิดผนึกน่าจะมีรายได้ลดลงมาอยู่ในระดับ 800 ล้านบาท หรือลดลง 27.3% จากเป้าหมายเดิมที่คาดว่ารายได้จะทรงตัวในระดับเดียวกับปี 2566 ที่ทำไว้ 1,100 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เพิ่มเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้นปี 2567 อีกครั้ง มาอยู่ในระดับ 20-21% จากเดิมก่อนหน้าตั้งเป้าไว้ที่ 17-18% เมื่อเทียบกับปี 2566 ทำได้ 13.2% เนื่องจากครึ่งปีแรกทำได้สูงถึง 23.4% โดยจากสัดส่วนรายได้อาหารสัตว์เลี้ยงจะขยายตัวได้ดีตามอุปสงค์เจ้าของแบรนด์ขนาดใหญ่ต้องการผลิตสินค้าอีกมากเพื่อขยายตลาดและชิงส่วนแบ่งการตลาด อีกทั้งยังมีลูกค้ารายใหม่เข้ามาร่วมธุรกิจต่อเนื่อง ประกอบกับคาดว่าบริษัทฯ จะมีการเติบโตจากการขายอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ดเพิ่มขึ้นอีกจากโอกาสในการว่าจ้างบริษัท เอเชี่ยน นิวทริชั่น จำกัดผลิต ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นในกลุ่มอาหารพร้อมทานฯ คาดยังอยู่ในเกณฑ์ดี แม้ราคาทูน่ามีการปรับเพิ่มขึ้นแต่ยังถือเป็นระดับที่ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้มีโอกาสเลือกรับคำสั่งซื้อที่มีทีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีตามนโยบายบริษัทฯ ได้

"คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นช่วงที่เหลือของปีนี้จะย่อตัวลงจากครึ่งปีแรกที่ทำได้ 23.4 % จากกรณีค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นและต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ในขณะที่ยอดขายอาจได้รับแรงกดดันจากค่าระวางเรือขนส่งสินค้าที่ปรับตัวขึ้น อีกทั้งยอดขายแบรนด์ของบริษัทฯ ทั้งในประเทศไทยและจีนยังเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างมากตามเป้าหมายระยะยาวและแผนกลยุทธ์ของบริษัทฯ" นายเอกราช กล่าว

สำหรับความคืบหน้าแผนการลงทุน บริษัทฯ เริ่มปรับปรุงอาคารผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแล้วตามแผน และปรับแผนเพิ่มกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงทั้งในกลุ่มบรรจุกระป๋องเพิ่มอีก 1,800 ล้านตัน/ปี และกลุ่มบรรจุถุงเพาซ์อีก 2,400 ตัน/ปี ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้ได้ภายในไตรมาส 1/2568 และขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมโครงการก่อสร้างคลังสินค้าอัตโนมัติแห่งที่ 2 เพื่อรองรับการขยายตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในอนาคต คาดว่าจะยังคงใช้งบลงทุนสำหรับปีตามแผนงบประมาณที่กำหนดไว้ที่ 430 ล้านบาท

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีแรก จำนวน 379 ล้านบาท คิดเป็น 0.1785 บาท/หุ้น และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 20 สิงหาคม 2567 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 4 กันยายน 2567


ข่าวอินเตอร์เนชั่นแนล+ผลประกอบการวันนี้

"ซาร์โก" คว้าแต้ม โมโตจีพี สปรินต์เรซ "ก้อง-สมเกียรติ" เข้าป้ายอันดับ 17 เซปังฯ

"โยฮันน์ ซาร์โก" นักบิดจอมเก๋าชาวฝรั่งเศสควบรถแข่ง Honda RC213V บิดคว้าแต้มจาก สปรินต์เรซ ในศึก โมโตจีพี 2025 สนาม 20 รายการ มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ ขณะ "ก้อง" สมเกียรติ จันทรา นักบิดชาวไทย ขยับเข้าป้ายอันดับ 17 ที่ สนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย เมื่อบ่ายวันเสาร์ที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา เกมเรซนี้ดวลกันทั้งสิ้น 10 รอบสนาม ผลปรากฏว่า "โยฮันน์ ซาร์โก" นักบิดจอมเก๋าชาวฝรั่งเศสหมายเลข 5 จาก ฮอนด้า แอลซีอาร์ ออกสตาร์ตจากกริดที่ 9 ไต่ขึ้นมาจบการแข่งขันอันดับ 8 ตามหลังผู้ชนะ 12.627

"บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล" หรือ ... GPI เปิดแผน Q4/68 รุกจัดอีเวนต์ Sport & Entertainment ขยายพอร์ตธุรกิจใหม่ต่อยอดการเติบโตในอนาคต — "บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล" หรือ GPI วางแผนไตรมา...