บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำอุตสาหกรรมอาหารทะเลชั้นนำระดับโลก ได้รับการประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน จาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ไว้ที่ระดับ "A+" ต่อเนื่อง พร้อมคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน ซึ่งไม่มีประกันและไถ่ถอนเมื่อเลิกกิจการ (Hybrid Debentures) ของบริษัทที่ระดับ "A-" แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" เนื่องจากมีการลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย มีแบรนด์ที่แข็งแกร่งกระจายตัวอยู่ในหลายภูมิภาค ทั้งยุโรปและสหรัฐอเมริกา และมีการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ อาทิ อุตสาหกรรมส่วนประกอบอาหาร และอุตสาหกรรมอาหารสัตว์
โดยประเด็นสำคัญที่ทริสเรทติ้งนำมาใช้ในการกำหนดอันดับเครดิตของไทยยูเนี่ยน มาจากผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัว ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ของยอดขายสินค้าในกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม และอาหารทะเลแปรรูป ส่งผลให้รายได้จากการดำเนินงานรวมของบริษัทเพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 6.9 หมื่นล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 รวมถึงความสามารถในการทำกำไรของบริษัทปรับตัวดีขึ้นจากการปรับสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น ต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพในกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ตลอดจนต้นทุนวัตถุดิบในธุรกิจอาหารสัตว์และธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ลดลง
รวมถึง การมีอัตรากำไรที่ดีขึ้นจากการลดสัดส่วนธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งที่มีอัตรากำไรต่ำในสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ EBITDA ในครึ่งแรกของปีอยู่ที่ระดับ 6.2 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 22.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ EBITDA Margin อยู่ที่ระดับ 9.1% เพิ่มจาก 8.8% ในปี 2566 ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าไทยยูเนี่ยนจะรักษาการเติบโตของรายได้และกำไรที่ดีเอาไว้ได้ จากปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตของการเพิ่มกำลังการผลิต การขยายตลาด และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ จะทำให้รายได้ของไทยยูเนี่ยนอยู่ที่ 1.4-1.46 แสนล้านบาทในช่วงปี 2567-2569 โดย EBITDA จะอยู่ที่ระดับประมาณ 1.3-1.4 หมื่นล้านบาทต่อปี ในขณะที่ EBITDA Margin น่าจะคงอยู่ที่ระดับประมาณ 9%
เช่นเดียวกับผลการดำเนินงานที่น่าจะปรับตัวดีขึ้นจากสัดส่วนรายได้กลุ่มสินค้านวัตกรรมซึ่งมีอัตรากำไรสูงเพิ่มขึ้น ตลอดจนการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและแผนการลดต้นทุนของบริษัท รวมถึงการที่ไทยยูเนี่ยนมีฐานการผลิตที่กระจายตัวอยู่ใน 15 ประเทศ ครอบคลุม 4 ทวีป นับเป็นกลยุทธ์สร้างความหลากหลายในเชิงภูมิศาสตร์ ทั้งในด้านฐานการผลิต การตลาดตลาด และกระจายรายได้ เพื่อช่วยลดทอนความเสี่ยงทางธุรกิจของบริษัททั้งจากโรคระบาด การเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบทางการค้า และกฎเกณฑ์ในอุตสาหกรรมการจับปลาทั่วโลก
นอกจากนี้ ทริสเรทติ้ง ยังได้ประเมินสภาพคล่องของไทยยูเนี่ยนไว้ว่ามีเพียงพอโดยมีกำหนดการชำระหนี้ระยะยาววงเงิน 9,500 ล้านบาทในอีก 12 เดือนข้างหน้า โดยคาดว่าในปี 2567 บริษัทฯ จะมีเงินทุนจากการดำเนินงานราว 8,000 ล้านบาท รวมถึง เงินสด เงินลงทุนในหลักทรัพย์ระยะสั้น และยังมีวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้จากสถาบันการเงินอีกหลายแห่ง
ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว "ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว" ครั้งแรกของโลก ชูธง SMART PROTEIN คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ
ไทยยูเนี่ยน คว้า 3 รางวัลเกียรติยศจากสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ในเวที IAA Awards for Listed Companies 2025
ไทยยูเนี่ยนรับ CGR2025 ระดับ "ดีเลิศ" 5 ดาว จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย ตอกย้ำธรรมาภิบาลโปร่งใส ยั่งยืน
ไทยยูเนี่ยน ปลื้มยอดจองหุ้นกู้ยั่งยืนท่วมท้น สะท้อนความเชื่อมั่นนักลงทุน พร้อมโชว์ศักยภาพการเงินแข็งแกร่งปิดดีลเงินกู้ยั่งยืนครบแผง รวม 2.4 หมื่นล้านบาท ดันเป้าหมาย Blue Finance ปี 68 ทะลุเป้า
ซีเล็ค x แม่บุญล้ำ ปฏิวัติวงการน้ำพริก เปิดตัวครั้งแรกของโลก 'น้ำพริกทูน่า ผสมปลาร้า' ตั้งเป้ายอดขาย 1 ล้านกระป๋องภายในปีแรก
ไทยยูเนี่ยนจัดเต็ม โชว์ GPM สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 19.7% ดัน EPS เติบโต 18% ไตรมาส 2
ไทยยูเนี่ยนปลุกพลังทุกภาคส่วน ร่วมดูแลมหาสมุทร เดินหน้ากลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange(R) 2030 อย่างต่อเนื่อง
ไทยยูเนี่ยน เดินหน้าขับเคลื่อนภารกิจดูแลท้องทะเลยั่งยืน นำทัพภาครัฐและเอกชนร่วมเก็บขยะทะเลกว่า 17 ตัน ใน 11 ประเทศ 4 ทวีป เนื่องในวันมหาสมุทรโลก
ไทยยูเนี่ยน ผนึกกำลัง ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) เดินหน้าขับเคลื่อนความยั่งยืนทางทะเล หนุนอุตสาหกรรมอาหารทะเลไทย