กทม. เน้นย้ำมาตรการเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดโรคฝีดาษลิงในกรุงเทพฯ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

นายสุนทร สุนทรชาติ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมสถานพยาบาลสังกัด กทม. เพื่อรองรับสถานการณ์ หากเกิดการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิง (MPOX) ในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า สนอ. ได้ประสานความร่วมมือกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิง (MPOX) ภายหลังองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศที่น่ากังวล ขณะเดียวกันได้เตรียมความพร้อมสถานพยาบาลสังกัด กทม. เพื่อรองรับสถานการณ์หากเกิดการแพร่ระบาดในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยเน้นย้ำมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิง (MPOX) ในพื้นที่กรุงเทพฯ ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับลักษณะอาการ การแพร่เชื้อ รวมถึงให้คำแนะนำวิธีป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากโรคฝีดาษลิงโดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยว หรือย่านพักอาศัยของนักท่องเที่ยวต่างชาติจากกลุ่มประเทศแอฟริกา โดยในระยะฟักตัว 7 - 21 วัน ผู้ป่วยมักเริ่มด้วยอาการไข้ และผื่น จะเริ่มจากตุ่มแดง ประมาณ 5 - 7 วันหลังรับเชื้อ และตุ่มจะเปลี่ยนเป็นตุ่มน้ำ ตุ่มหนอง และแห้งเป็นสะเก็ด ตุ่มมีจำนวนมากน้อยตามความรุนแรงของโรค และการตอบสนองของผู้ป่วย รวมระยะเวลาประมาณ 2 - 4 สัปดาห์

กทม. เน้นย้ำมาตรการเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดโรคฝีดาษลิงในกรุงเทพฯ

การแพร่กระจายเชื้อและการติดต่อส่วนใหญ่โดยการสัมผัสผื่นผู้ป่วยโดยตรงในระยะแพร่เชื้อ หรือสารคัดหลั่งจากผู้ป่วยยืนยันอาจติดต่อทางละอองฝอยได้ โดยเฉพาะหากมีการทำหัตถการที่ทำให้เกิดละอองฝอยขนาดเล็ก (contact transmission & droplet transmission) หากพบผู้ป่วยสงสัยติดเชื้อ (suspected case) ในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้แจ้งทีมสอบสวนโรคในพื้นที่ สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) และสำนักอนามัย กทม. ขณะที่การรักษาเป็นแบบประคับประคองตามอาการของผู้ป่วย เช่น ลดไข้ ลดอาการไม่สบายจากตุ่มหนอง และดูแลไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน ต้องแยกกักผู้ป่วย 21 วัน ส่วนการรักษาจำเพาะ ยาต้านไวรัสจำเพาะเป็นยาที่ใช้ในการรักษาอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัย ได้แก่ ยา Tecovirimat (TPOXX) ซึ่งมีจำนวนจำกัด และให้ในรายที่ป่วยรุนแรงเท่านั้น


ข่าวกระทรวงสาธารณสุข+องค์การอนามัยโลกวันนี้

เปิดเวทีแพทย์แลกเปลี่ยนองค์ความรู้เร่งแก้ไขวิกฤตโรคอ้วน ด้วยการรักษาแบบองค์รวมเพื่อสุขภาพที่ยั่งยืน

โรคอ้วนกลายเป็นวิกฤตทางสาธารณสุขที่ทั่วโลกต้องเร่งแก้ไข จากข้อมูลของสหพันธ์โรคอ้วน (World Obesity Federation) ปีพ.ศ. 2563 พบว่าผู้คนราว 1 พันล้านคน หรือ 1 ใน 7 ทั่วโลกกำลังเผชิญกับโรคอ้วน ขณะที่รายงาน World Health Statistics ค.ศ. 2023 ขององค์การอนามัยโลกระบุว่า 39% ของผู้ใหญ่ หรือ 1.9 พันล้านคนมีภาวะน้ำหนักเกินและอ้วน สำหรับประเทศไทย ข้อมูลปีพ.ศ. 2566 จากกระทรวงสาธารณสุขพบว่าคนไทยที่มีน้ำหนักเกินและอ้วนสูงถึง 48.35% สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นและความจำเป็นในการจัดการปัญหา

นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระท... สธ. จับมือภาคีหนุนส่งนมแม่ฟรี ดันเป้าเด็กแรกเกิดกินนมแม่ 6 เดือนแรก มากกว่าร้อยละ 50 — นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในโอกาสเ...

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผย นมแม่มีสาร... นมแม่มีประโยชน์ กรมอนามัย แนะ ทารก ตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 เดือน กินนมแม่อย่างเดียว — กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผย นมแม่มีสารอาหารที่มีประโยชน์ แนะ ทารกกินน...

ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ... พิธีเปิดงานการประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์การแพทย์ ครั้งที่ 33 — ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางคว...

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรว... ขอนแก่นม่วนซื่น ฟิตกาย ฟิตใจแฮง! ในงานมหกรรมคนรักสุขภาพดี ต้านภัยโรค NCDs — นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชวนชาวขอนแก่นมาม่วนซื่น ฟิ...