นักวิจัย ม.วลัยลักษณ์ คิดค้นผลิตถ่านกัมมันต์เก็บประจุไฟฟ้าจากขี้เลื่อยไม้ยางพารา

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

นักวิจัย ม.วลัยลักษณ์ คิดค้นถ่านกัมมันต์เพื่อเป็นตัวเก็บประจุไฟฟ้ายิ่งยวด จากขี้เลื่อยไม้ยางพารา ลดการนำเข้าจากต่างประเทศ เพิ่มมูลค่าชีวมวลไม้ยางพาราไทย พร้อมตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืน

นักวิจัย ม.วลัยลักษณ์ คิดค้นผลิตถ่านกัมมันต์เก็บประจุไฟฟ้าจากขี้เลื่อยไม้ยางพารา

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อุเทน ทับทรวง อาจารย์ประจำสาขาวิชาปิโตรเคมีและพอลิเมอร์ สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เปิดเผยว่า สถานการณ์พลังงานในปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่พลังงานสะอาด เช่น พลังงานไฟฟ้า ซึ่งอุปกรณ์กักเก็บพลังงานไฟฟ้า เช่น ตัวเก็บประจุยิ่งยวด หรือแบตเตอรี่ มีแนวโน้มเป็นที่ต้องการมากขึ้น และตัวแปรสำคัญที่จะได้มาซึ่งอุปกรณ์กักเก็บประสิทธิภาพสูง คือ วัสดุขั้วอิเล็กโทรด ถ่านกัมมันต์ หรือถ่านคาร์บอนจึงถูกนำมาประยุกต์ใช้เป็นขั้วอิเล็กโทรด และปัจจุบันประเทศไทยต้องนำเข้าถ่านกัมมันต์เกรดตัวเก็บประจุยิ่งยวดมาจากต่างประเทศ ซึ่งทำจากขี้เลื่อยไม้สนและมีราคาประมาณกิโลกรัม ละ 2,500 บาท โดยมูลค่าตลาดโลกของถ่านกัมมันต์เกรดตัวเก็บประจุยิ่งยวดในปี 2020 อยู่ที่ประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ต่อปี และในปี พ.ศ. 2562 ประเทศไทยมีมูลค่าการส่งออกถ่านกัมมันต์มากกว่า 880 ล้านบาท และนำเข้ากว่า 2,000 ล้านบาท จาก จีน อินโดนีเซีย ศรีลังกา สหรัฐ ญี่ปุ่น และเยอรมัน นักวิจัย ม.วลัยลักษณ์ คิดค้นผลิตถ่านกัมมันต์เก็บประจุไฟฟ้าจากขี้เลื่อยไม้ยางพารา

          อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีชีวมวลในปริมาณมาก โดยเฉพาะภาคใต้ ที่มีการปลูกยางพาราอย่างแพร่หลาย รวมถึงมีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับยางพาราจำนวนมาก ทำให้ในแต่ละปีจะมีน้ำยางพารา เศษเหลือยางพารา และชีวมวลจากภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก เช่น ขี้เลื่อยไม้ยางพารา เศษไม้ยางพารา เศษจากกระบวนการแปรรูปน้ำยางพารา เป็นต้น จึงมีศักยภาพสูงพอที่จะผลิตถ่านกัมมันต์เกรดตัวเก็บประจุยิ่งยวดได้เอง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการนำเข้า และเพิ่มมูลค่าให้กับไม้และชีวมวลภายในประเทศ สามารถสร้างรายได้ย้อนกลับสู่เกษตรกรจากอุปสงค์และราคาไม้ยางพาราที่สูงขึ้น อีกทั้งยังตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืนอีกด้วย

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อุเทน ทับทรวง กล่าวต่ออีกว่า ตนเองและทีมนักวิจัยได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาคาร์บอนรูพรุนจากขี้เลื่อยไม้ยางพาราและจากน้ำยางพาราด้วยกระบวนการที่พัฒนาขึ้นในห้องปฏิบัติการ เพื่อสร้างรูพรุนในเนื้อไม้และเมื่อนำไปเผาจะได้เป็นถ่านคาร์บอนที่มีความเป็นรูพรุนที่มีพื้นที่ผิวสูง ปริมาตรรูพรุนมาก มีพื้นที่ผิวในการกักเก็บประจุไฟฟ้าที่สูง และมีรูพรุนที่หลากหลายรูปแบบ เช่น ไมโครพอร์และเมโซพอร์ เป็นต้น ซึ่งจะมีความเหมาะสมที่จะประยุกต์ใช้งานในรูปแบบที่แตกต่างกัน

โดยในขณะนี้นักวิจัยและนักศึกษาในทีมวิจัย ได้วิจัยและประยุกต์ใช้คาร์บอนรูพรุนที่สังเคราะห์ขึ้นดังกล่าวสำหรับ เป็นอุปกรณ์กักเก็บพลังงาน เช่น ตัวเก็บประจุยิ่งยวด งานทางด้านเซลล์เชื้อเพลิง ตัวดูดซับแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และการเปลี่ยนแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นสารเคมีมูลค่าสูง และการพัฒนาคาร์บอนให้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาเคมีสำหรับการเปลี่ยนชีวมวลและกรดไขมันจากชีวมวลให้เป็นสารเคมีมูลค่าสูง เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับเศษวัสดุเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมไม้แปรรูปในประเทศ และถ่านกัมมันต์ที่ได้ สามารถนำไปทำเป็นอิเล็กโทรดของตัวเก็บประจุยิ่งยวด ซึ่งเป็นอุปกรณ์กักเก็บพลังงานที่กำลังได้รับความสนใจในปัจจุบัน

นอกจากนี้ยังได้ศึกษาการพัฒนาคาร์บอนรูพรุนจากชีวมวลปาล์มน้ำมัน พอลิเมอร์ชีวภาพ และพอลิเมอร์สังเคราะห์กลุ่มฟีนอลิคเรซิ่น ซึ่งก็จะทำให้ได้คาร์บอนรูพรุนที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไป รวมทั้งการวิจัยวัสดุรูพรุนชนิดอื่นในห้องปฏิบัติการ เช่น วัสดุโครงข่ายโลหะอินทรีย์ (Metal-organic framework, MOF) วัสดุกลุ่ม Aluminosilicate เช่น ซีโอไลต์ (Zeolite) MCM SBA เป็นต้น ซึ่งใช้งานทางด้านการดูดซับ ตัวเร่งปฏิกิริยา และการเคลือบผิว

ทั้งนี้ผลงานศึกษาวิจัยดังกล่าวยังสามารถคว้ารางวัลระดับชาติมาได้มากมาย อาทิ รางวัล Gold Award จากงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ ปี 2565 รางวัลผลงานนักศึกษาร่วมทำวิจัย เช่น รางวัลชนะเลิศระดับประเทศ Startup Thailand League 2023 โดย สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) เป็นต้น ขอขอบคุณการสนับสนุนจากแหล่งทุนต่าง ๆ อาทิ การยางแห่งประเทศไทย หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน (บพค) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (สกสว.) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อุเทน กล่าวในตอนท้าย

 


ข่าวมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์+วิศวกรรมศาสตร์วันนี้

นักวิจัย ม.วลัยลักษณ์ เปิดตัวนวัตกรรมหมุดถนนเรืองแสง เพิ่มความปลอดภัยทางถนน

ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ประสบความสำเร็จในการพัฒนานวัตกรรมหมุดถนนเรืองแสงแบบไฮบริด โดยใช้เทคโนโลยี Glow-in-the-Dark (GiD) ร่วมกับการรีไซเคิลผงแก้ว เพื่อเพิ่มความปลอดภัยทางถนน ส่งเสริมการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมเปิดตัวถนนเรืองแสงแห่งแรกในภาคใต้ที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ รศ.ดร.ทนงศักดิ์ อิ่มใจ นักวิจัยจากสำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ร่วมกับนักวิจัยจากประเทศไทย อินโดนีเซีย และ สหราชอาณาจักร ได้พัฒนาหมุดถนนแบบไฮบริด ที่ผสมผสานเทคโนโลยี ตัวสะท้อนแสง

นักศึกษา ทีม Spark Energy สำนักวิชาวิศวกร... ยอดเยี่ยม!! นศ.วิศวะฯ มวล.คว้าแชมป์ระดับประเทศ "เวทีสุดยอด Startup 2023" — นักศึกษา ทีม Spark Energy สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยวลัยลั...

นายโชติพัฒน์ พีชานนท์ ประธานกรรมการบริหาร... SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต สนับสนุนประกันเดินทางนักกีฬาจุฬาฯ เข้าแข่งขันตุมปังเกมส์ 2025 — นายโชติพัฒน์ พีชานนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยกรุ๊ป โฮลดิ...

ม.วลัยลักษณ์ ร่วมกับ มูลนิธิ สอวน. เตรียม... ม.วลัยลักษณ์ พร้อมเป็นเจ้าภาพแข่งขัน "ชีววิทยาโอลิมปิกระดับชาติ" ครั้งที่ 22 4-8 เม.ยนี้ — ม.วลัยลักษณ์ ร่วมกับ มูลนิธิ สอวน. เตรียมพร้อมจัดการแข่งขันชีวว...

เปิดไอเดียรักษ์สิ่งแวดล้อม "หางประทัดแก้บ... เปิดไอเดีย "กระเป๋ารักษ์โลก" สานจากหางประทัดแก้บน "ไอ้ไข่" ผลผลิตจากงานวิจัยของม.วลัยลักษณ์ — เปิดไอเดียรักษ์สิ่งแวดล้อม "หางประทัดแก้บน" จากความสำเร็จนับ...

ม.วลัยลักษณ์แถลงข่าวเตรียมจัดประชุมวิชากา... ม.วลัยลักษณ์แถลงข่าวจัดประชุมวิชาการนานาชาติ WRC 2025 ฉลองครบรอบ 33 ปี — ม.วลัยลักษณ์แถลงข่าวเตรียมจัดประชุมวิชาการนานาชาติ WRC 2025 เนื่องในโอกาสครบปีที่...