นางสาวกาญจนา ภูพิพัฒนผล ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสังคม (สพส.) กทม. กล่าวถึงมาตรการเชิงรุกในการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน กทม. ว่า สพส. ได้กำชับให้สำนักงานเขตในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจดูแลศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนในพื้นที่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 รวมทั้งเตรียมความพร้อมสำหรับอาสาสมัครผู้ดูแลเด็กและผู้ปกครองในการป้องกันโรคโควิด 19 และโรคระบบทางเดินหายใจ ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเปิดภาคเรียน โดยมาตรการที่เน้นย้ำ ได้แก่ การคัดกรองเด็ก ครู และบุคลากรก่อนเข้าสถานศึกษาทุกเช้า การสวมหน้ากากอนามัย ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ หากพบเด็กมีอาการป่วยด้วยอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ปวดศีรษะ ไข้ ไอ น้ำมูกไหล หายใจลำบาก เจ็บคอ ให้ผู้ปกครองรับกลับบ้านเพื่อไปรักษาตัว และแยกเด็กป่วยออกจากเด็กปกติ ไม่ให้คลุกคลีและใช้สิ่งของร่วมกัน และตรวจคัดกรองด้วยชุดตรวจ ATK พร้อมแจ้งผู้ปกครองมารับเพื่อไปพบแพทย์และหยุดรักษาตัวที่บ้านจนกว่าจะหายเป็นปกติ
นอกจากนี้ สพส. ยังได้สั่งการให้ทุกศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน หมั่นทำความสะอาดสถานที่ อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ ของเล่น จัดให้มีจุดบริการล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาด หรือเจลแอลกอฮอล์อย่างเพียงพอในห้องเรียนทุกห้อง รวมถึงการทำความสะอาดห้องเรียน พื้นผิวสัมผัส หรือพื้นที่ใช้งานร่วมกันบ่อย ๆ เช่น ราวบันได โต๊ะอาหาร อุปกรณ์กีฬา ที่จับประตู หน้าต่าง เครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นต้น และทำความสะอาดห้องสุขาด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง รวมถึงจัดสถานที่ที่มีการเรียนการสอนให้ระบายอากาศได้ดี หากมีข้อจำกัดควรเน้นย้ำให้นักเรียนและบุคลากรในห้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้ออื่น ๆ เช่น การล้างมือ การสวมหน้ากากอนามัย ตลอดจนเน้นย้ำมาตรการ DMHT ได้แก่ D (Distancing) เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล 1-2 เมตร M (Mask) สวมหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะในพื้นที่แออัด พื้นที่ปิด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก โดยเฉพาะผู้ป่วย H (Hand washing) ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่ น้ำสะอาด หรือเจลแอลกอฮอล์ T (Temperature check) ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายและสังเกตอาการ กรณีพบเด็กป่วยหรือติดเชื้อโควิด 19 ให้เข้ารับการรักษา ณ สถานพยาบาลตามสิทธิ และหากพบผู้ป่วยในลักษณะกลุ่มก้อน (Cluster) ตั้งแต่ 5 รายขึ้นไป ให้ประสานพยาบาลอนามัยโรงเรียน หรือศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อสอบสวนโรคและควบคุมการแพร่ระบาดในวงกว้าง
องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้ทุกวันที่ 24-30 เมษายนของทุกปีถือเป็น "สัปดาห์การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโลก" ซึ่งเป็นแคมเปญด้านสาธารณสุขระดับโลกเพื่อสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมการสร้างภูมิคุ้มกันโรค โดยในปีนี้ได้กำหนดธีม "Immunization for All is Humanly Possible" เพื่อย้ำถึงความสำคัญของการสร้างภูมิคุ้มกันทั่วโลกสำหรับทุกคนว่าเป็นสิ่งที่มนุษย์สามารถทำได้ ด้วยความมุ่งหวังให้ผู้คนทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ ได้รับการปกป้องจากโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนมากยิ่งขึ้น
กทม. รุกมาตรการป้องกันพิษสุนัขบ้า ชวนนำสัตว์เลี้ยงฉีดวัคซีน-ใช้ "คาถา 5 ย" ป้องกันภัย
—
นางภาวิณี รุ่งทนต์กิจ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย รักษาราชการผู้อำนว...
รร.สังกัด กทม. ส่งเสริมการให้ความรู้เรื่องเพศศึกษา-ยอมรับความหลากหลายทางเพศ
—
นางสาวพิศมัย เรืองศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา (สนศ.) กทม. กล่าวถึงการส่งเ...
แอกซ่า ส่งเสริมการตระหนักรู้ พร้อมสนับสนุนการป้องกันโรคมะเร็งในประเทศไทย
—
โรคมะเร็งยังคงเป็นหนึ่งในความท้าทายด้านสุขภาพอันดับต้นๆ ของประเทศไทย โดยมีกว่า ...
เนสท์เล่ ต่อยอดความสำเร็จ "ภารกิจพิชิตสุขภาพดี" สนับสนุนกทม. ในโครงการสร้างความรอบรู้สู่สุขภาพดีวิถีวัยทำงานข้าราชการและบุคลากรของกรุงเทพมหานคร
—
การดูแลสุขภ...
กรมอนามัย แนะ มาตรการป้องกันโรคโนโรไวรัส หวั่นระบาดช่วงเทศกาล
—
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผย โรงเรียน ภัตตาคาร โรงพยาบาล สถานที่เลี้ยงเด็ก รวมไปถึงรถหรื...
"ท่องเที่ยว สุขภาพดี รวมพล 100 ร้าน มาตรฐานสาธารณสุข ล้านนา R1"
—
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประกาศทิศทางความร่วมมือการส่งเสริมการท่องเที่ยว ร่วมกับ กระท...