"อุปสรรคคือความรู้และเป็นครูให้กับเรา" ออม-สุเมธชัย อินทกรณ์ กับแบรนด์ Siam ปลากระป๋องและน้ำผึ้งสัญชาติไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ยังดูไร้ทิศทางของไทยในขณะนี้ ผู้คนจึงรัดเข็มขัดประหยัดเงินในกระเป๋ามากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ เริ่มซบเซาจนอาจล้มระเนระนาดดังโดมิโนในไม่ช้า

"อุปสรรคคือความรู้และเป็นครูให้กับเรา" ออม-สุเมธชัย อินทกรณ์ กับแบรนด์ Siam ปลากระป๋องและน้ำผึ้งสัญชาติไทย

อันที่จริงตามหลักเศรษฐศาสตร์ ถ้าคนรัดเข็มขัดกันมากเกินไป ก็จะทำให้ไม่มีกระแสเงินเข้ามาหมุนเวียนในตลาดเลย นี่ต่างหากจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจเลวร้ายลง ดังนั้นคนเราจึงไม่ควรประหยัดมากเกินไป ขณะเดียวกันก็อย่าใช้เงินเกินพอดี หรือที่เรียกว่า "สมฐานะ" นั่นเอง และถ้าใครที่มีรายได้ค่อนข้างน้อย ก็อาจเลือกกินอาหารที่ราคาย่อมเยา แต่มีคุณภาพ ซึ่งปลากระป๋องแบรนด์ Siam น่าจะเป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะขายในราคากระป๋องละ 10 บาทเท่านั้นแล้ว ยังมีปริมาณที่พอเหมาะ ไม่น้อยจนกินไม่อิ่ม และไม่มากเกินจนเหลือทิ้ง ทั้งยังใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพไม่ต่างจากแบรนด์อื่นๆ "อุปสรรคคือความรู้และเป็นครูให้กับเรา" ออม-สุเมธชัย อินทกรณ์ กับแบรนด์ Siam ปลากระป๋องและน้ำผึ้งสัญชาติไทย

เจ้าของแบรนด์ Siam คือ คุณออม-สุเมธชัย อินทกรณ์ ศิษย์เก่าวิทยาลัยดุสิตธานี สาขาวิชาการจัดการครัวและภัตตาคาร ผู้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์นี้ขึ้นมาจากประสบการณ์ส่วนตัว และ Pain Point ของตน

"ผมเข้าใจว่าคนมีรายได้น้อยนั้นเป็นอย่างไร เพราะผมก็เคยผ่านประสบการณ์นั้นมาก่อน" เขากล่าว "ผมเคยได้ค่าแรงขั้นต่ำมาก่อน ทำงานพาร์ตไทม์ได้เงินวันละร้อยกว่าบาท ไม่รู้จะพึ่งใคร แล้วยิ่งในช่วงโควิดระบาด ข้าวของก็แพงมากขึ้น ซึ่งตอนนั้นผมกับภรรยาทำธุรกิจขายกระเป๋า เริ่มเห็นแล้วว่าธุรกิจส่อเค้ามีปัญหา จึงหันมาปรึกษากันว่า เราจะทำธุรกิจอะไรเพิ่มเติมดีเพื่อประคับประคองให้ธุรกิจเดิมอยู่รอด ทีนี้ก็มาเริ่มจากโจทย์ที่ว่าค่าครองชีพลดลง คนจะบริโภคอะไรดี หนึ่งในนั้นที่ผู้คนนิยมบริโภคย่อมหนีไม่พ้นปลากระป๋อง เพราะผมเองก็กินปลากระป๋องบ่อยเพื่อเก็บเงินไปจ่ายค่าเช่าตึกที่ทำธุรกิจ ค่าผ่อนรถ ดอกเบี้ยแบงก์ ฯลฯ ซึ่งการทำธุรกิจนี้นอกจากจะทำให้ตัวของเราพอมีกำไรดูแลครอบครัวแล้ว ยังช่วยลดค่าครองชีพให้คนอื่นด้วย เรียกว่าช่วยตัวเองด้วย และยังช่วยผู้อื่นได้ด้วย ซึ่งนั่นเป็นความสุขของผม"

คุณออมเท้าความถึงช่วงโควิดระบาดให้ฟังอีกว่า เขาต้องรัดเข็มขัดจนแน่น ด้วยเหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ เขาไม่ต้องการทิ้งใครไว้ข้างหลัง

"ตอนนั้นผมจ่ายเงินพนักงานเต็มจำนวนทุกคน เพราะรู้ว่าบางคนมีครอบครัวที่ต้องดูแล หรือมีภาระอื่นๆ ผมไม่อยากให้พนักงานเสียกำลังใจ โดยไม่มีใครรู้ว่าผมต้องกินปลากระป๋องเป็นสัปดาห์ๆ ติดต่อกัน กินเป็นกับข้าวบ้าง กินกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบ้าง เพื่อให้มีเงินเหลือมากพอจะนำมาใช้จ่ายในธุรกิจ แต่ที่ผมกินปลากระป๋อง ผมก็ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนหรือรันทดนะครับ ผมมองว่าปลากระป๋องเป็นสิ่งที่มีประโยชน์แถมราคาประหยัดอีกต่างหาก"

ในฐานะที่เป็นผู้บริโภคมาก่อน คุณออมจึงพบ Pain Point ของลูกค้าปลากระป๋องว่า หลายแบรนด์ที่ตั้งราคาค่อนข้างสูง ก็มักจะมีปริมาณที่มากเกินพอดี เปิดแล้วกินไม่หมด บางแบรนด์เนื้อปลาก็แข็งกระด้างและเหม็นคาว แถมอาจยังมีชิ้นใหญ่เทอะทะคับกระป๋อง จนแทนที่จะเป็นอาหารที่เปิดกระป๋องเทกินง่ายๆ ก็กลายเป็นต้องวิ่งหาส้อมมาช่วยเขี่ยเนื้อปลาออก แล้วทำไมเราไม่ทำปลากระป๋องที่มีขนาดกำลังพอดีเพื่อที่จะสามารถกดราคามาอยู่ที่กระป๋องละ 10 บาทได้ โดยที่ผู้บริโภคยังคงรู้สึกอิ่มคุ้ม

"ผมออกแบบปลากระป๋องแบรนด์ Siam ให้คนที่ซื้อไปกินกระป๋องเดียวก็อิ่มท้องแล้ว ไม่เหลือไม่ขาด โดยใช้ปลาแมคเคอเรลตัวเล็กหน่อย เพราะปลาตัวเล็กเมื่อผ่านกระบวนการผลิตแล้วก้างจะอ่อนลงจนกินได้ทั้งก้าง ไม่ต้องกลัวก้างติดคอแถมได้แคลเซียมด้วย อีกทั้งเนื้อก็ไม่กระด้างหรือเหม็นคาว ที่สำคัญคือ เทออกจากกระป๋องง่าย ไม่ต้องแคะ ในขณะที่ราคาก็ย่อมเยากว่าท้องตลาดเกือบเท่าตัว"

แต่ก่อนที่จะเริ่มธุรกิจปลากระป๋อง คุณออมก็ทำธุรกิจอีกอย่างหนึ่งอยู่แล้ว นั่นคือ น้ำผึ้งแท้ 100% บรรจุขวด ซึ่งผลิตภัณฑ์นี้เขาก็ได้ไอเดียมาจากประสบการณ์ที่เรียนรู้มาจากชีวิตส่วนตัวเช่นกัน

"ผมเรียนทางด้านศิลปะการประกอบอาหาร วิทยาลัยดุสิตธานี ก็เพราะผมชอบอาหาร โดยเฉพาะอาหารเพื่อสุขภาพ อีกทั้งผมเคยทำอาชีพเป็นพ่อครัวและผลิตเกี๊ยวซ่าขายมาก่อน ประสบการณ์สอนว่า ผลิตภัณฑ์ที่เป็นของสดนั้นจะมีข้อจำกัดเรื่องอายุ มี Shelf Life ที่สั้น และยังต้องแช่ฟรีซ แช่ตู้เย็น ผมเลยมองหาสินค้าที่มี Shelf Life นาน จัดการสต๊อกได้ และต้องดีต่อสุขภาพด้วย ก็มาตกผลึกที่ผลิตภัณฑ์น้ำผึ้ง"

คุณออมยืนยันว่า น้ำผึ้งแบรนด์ Siam เป็นน้ำผึ้งแท้ 100% ไม่มีการผสมน้ำตาลหรือตัวเพิ่มความหวานใดๆ ทั้งสิ้น โดยตั้งราคาไว้ที่ 100 บาทสำหรับน้ำผึ้งขนาด 1,000 กรัม ไม่ว่าคนรายได้น้อยหรือรายได้ปานกลางก็เอื้อมถึงได้

"ผมอยากทำให้น้ำผึ้งเป็นของฝากนักท่องเที่ยว ตอนนั้นจึงตั้งชื่อแบรนด์ว่า Siam เพื่อที่เวลาเขาซื้อกลับไปประเทศของเขา ไม่ว่าจะเอาไปใช้เองหรือเป็นของฝากก็ตาม คำว่า Siam ก็จะติดไปด้วย ซึ่งจะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้คนต่างชาติได้รับรู้ถึงคุณภาพของสินค้าไทย และอยากรู้จักประเทศไทยมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรไทยด้วย"

คุณออมเล่าว่า แต่ก่อนทางบ้านมีหนี้อยู่เป็นหลัก 10 ล้านบาท เขาจึงต้องทำงานเพื่อหาเงินช่วยทางบ้านใช้หนี้ ด้วยการตั้งเป้าไปทำงานยังต่างประเทศ อาชีพอะไรก็ได้ ครั้งแรกเขาไป Work and Travel ที่อเมริกา โดยทำงานด้าน Housekeeping ต่อมาจับพลัดจับผลูไปช่วยล้างจาน วันหนึ่งพ่อครัวขาดลูกมือ จึงเรียกเขาให้ไปช่วยหั่นของ ซึ่งแน่นอนว่าเขาทำได้อย่างเชี่ยวชาญ เพราะได้สั่งสมทักษะมาอย่างเต็มที่ตั้งแต่ตอนเรียนป.ตรีที่วิทยาลัยดุสิตธานี เขาจึงได้ผันตัวเองจาก Housekeeper มาเป็นพ่อครัว ทำงานส่งเงินกลับมาช่วยทางบ้านใช้หนี้ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

"หลังจากเรียนจบที่ไทย ผมก็กลับไปทำงานอยู่ที่อเมริกานานกว่า 5 ปี ได้มีโอกาสทำงานที่หลากหลาย จริงๆ ตอนนั้นเราจะเลือกอยู่ต่อให้นานกว่านั้นก็ได้ แต่เราหาเงินมาช่วยโปะหนี้ได้ตามที่ต้องการแล้ว และอยากกลับมาอยู่กับครอบครัวที่บ้าน เพราะคุณพ่อคุณแม่ก็อายุเยอะแล้ว อยากจะไปอยู่ใกล้ๆ ให้เขาได้เห็นหน้าเห็นตาเรา ผมเลยกลับมาเมืองไทย"

คุณออมบอกว่า การที่เขาสามารถลืมตาอ้าปากและดำเนินธุรกิจมาได้จนถึงทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณวิทยาลัยดุสิตธานีที่นอกจากจะให้ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และทักษะต่างๆ แล้ว เขายังได้ความเป็นจิตสาธารณะนี้มาจากวิทยาลัยด้วยเช่นกัน

"วิทยาลัยดุสิตธานีไม่เพียงหล่อหลอมเราทั้งเรื่องความอดทน ระเบียบวินัย และความตรงต่อเวลาเท่านั้น สิ่งที่ได้เรียนรู้มาทั้งหมดยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการทำธุรกิจได้ด้วย ส่วนแรงบันดาลใจเรื่องการดูแลตัวเองและสุขภาพ ก็มาจากการเรียนด้านโภชนาการที่เป็นหนึ่งในวิชาเรียนที่วิทยาลัยดุสิตธานีแห่งนี้นั่นเอง ซึ่งทำให้ผมดูแลตัวเองได้ดี แล้วยังสามารถเลือกสินค้าที่ดีต่อผู้บริโภคได้ด้วย อย่างเช่นปลากระป๋องที่เป็นของนึ่งของต้ม ไม่มีสารก่อมะเร็ง ถูกสุขลักษณะ ทำให้คนที่ซื้อไปกินดีและมีสุขภาพที่ดีได้"

คุณออมทิ้งท้ายไว้ว่า ชีวิตคนเรามีขึ้นและมีลง จึงควรเตรียมทักษะที่เราสนใจไว้ให้พร้อม หาความรู้อย่างต่อเนื่อง เมื่อมีโอกาสดีๆ เข้ามาจะได้คว้าไว้ได้ และจงอย่ามองว่าอุปสรรคเป็นปัญหา

แต่ให้มองว่าเป็นความรู้และเป็นครูให้กับเรา


ข่าวเศรษฐศาสตร์+เศรษฐกิจวันนี้

ลดข้อจำกัดงบและหนี้สาธารณะผ่านโครงการ PPP ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ผ่อนคลายกฎระเบียบลดต้นทุนธุรกิจ แก้ปัญหาจีนเทาและการสวมสิทธิส่งออก

รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ อดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง กล่าวว่า ประเทศไทยสามารถลดข้อจำกัดงบประมาณและเพดานหนี้สาธารณะผ่านการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ภายใต้ระบบ PPP ได้ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่มีความจำเป็นในการยกระดับศักยภาพของเศรษฐกิจให้สูงขึ้น ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะปานกลางและระยะยาว งบประมาณปี 2569 ที่ผ่านรัฐสภาวาระแรก ยังมีสัดส่วนของงบลงทุนเพียงแค่ 22.9% ของวง

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำก... KAsset แนะสร้าง "พอร์ตหลัก" ฝ่าพายุเศรษฐกิจโลก ผนึก JPMAM จัดสัมมนา Ready, Set, Go: Build Your Core Portfolio — บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกั...

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำ... เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) รับรางวัล IAA Best Analyst Awards 2024 ยอดเยี่ยมกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี — บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โดย ...

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (T... TISCO ESU ฟันธงกนง. ลดดอกเบี้ยอีก 0.25% รับมือสงครามการค้า - เศรษฐกิจโตต่ำ — ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) คาด กนง. ลดดอกเบี้ยนโยบายล...