บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) สุดปัง! ติดทำเนียบ "บริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน" (ESG Emerging List) โดยได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อ ESG100 ประจำปี 2568 จากสถาบันไทยพัฒน์ สะท้อนความโดดเด่นของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนที่ผสานการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลอย่างเป็นรูปธรรม ฟากแม่ทัพหญิง "สินีนุช โกกนุทาภรณ์" ระบุ การติดโผ ESG100 ครั้งนี้ ไม่เพียงตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างคุณค่าร่วมกันทุกภาคส่วน แต่ยังเป็นการเสริมศักยภาพในการแข่งขันของบริษัทในเมกะเทรนด์โลกที่ให้ความสำคัญกับ ESG มากขึ้น พร้อมสร้างความเชื่อมั่นด้านความยั่งยืนในระยะยาวแก่นักลงทุน โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ที่ 22,000 ล้านบาท

นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH เปิดเผยว่า TEGH ได้รับการคัดเลือกให้เข้าอยู่ในทำเนียบ "บริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน" (ESG Emerging List) โดยอยู่ในกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ประจำปี 2568 ซึ่งจัดทำโดยสถาบันไทยพัฒน์ นับเป็นปีแรกที่ TEGH ได้รับการจัดอันดับดังกล่าว สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความยั่งยืน ทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental Social and Governance: ESG) ควบคู่ไปกับการเปิดเผยข้อมูลผลการดำเนินงานอย่างโปร่งใสและต่อเนื่องสู่สาธารณะ โดย TEGH สามารถตอกย้ำบทบาทในฐานะผู้นำด้านการผลิตวัตถุดิบยางธรรมชาติ และน้ำมันปาล์มดิบ อย่างยั่งยืน (Sustainable Raw Material) รวมถึงผลิตพลังงานทดแทน และรับบริหารจัดการกากอินทรีย์แบบครบวงจรในพื้นที่ EEC
ทั้งนี้ หน่วยงาน ESG Rating ของสถาบันไทยพัฒน์ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจในประเทศไทย และเป็นผู้จัดทำข้อมูลกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 ได้จัดทำรายชื่อหลักทรัพย์มีการดำเนินงานโดดเด่นด้าน ESG ประจำปี 2568 ด้วยการคัดเลือกจาก 921 บริษัท/กองทุน/ทรัสต์เพื่อการลงทุน ทำการประเมินโดยใช้ข้อมูลที่เกี่ยวกับ ESG จาก 6 แหล่ง จำนวนกว่า 17,056 จุดข้อมูล และ TEGH ได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 13 หลักทรัพย์ให้เข้าอยู่ในทำเนียบ ESG100 เป็นครั้งแรกในปีนี้ ในกลุ่มหลักทรัพย์ "บริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน" หรือ ESG Emerging List
ทั้งนี้ หลักทรัพย์กลุ่ม ESG100 ที่ได้รับคัดเลือกในปี 2568 จะใช้เป็นข้อมูลนำเข้าในการปรับหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบของ Thaipat ESG Index ประจำปี สำหรับใช้เป็นดัชนีเปรียบเทียบผลตอบแทนจากการลงทุน (Benchmark Index) และใช้เป็นดัชนีอ้างอิงสำหรับการลงทุนแก่บริษัทจัดการลงทุนที่มีการให้บริการผลิตภัณฑ์การลงทุนในธีม ESG
"TEGH ดำเนินธุรกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ Sustainability to Profitability โดยใช้โมเดล Thai Eastern Symbiosis ซึ่งสะท้อนถึงการบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับการเติบโตทางธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม เราพิสูจน์แล้วว่า "ความยั่งยืนไม่ใช่ต้นทุน แต่คือโอกาส" ในการสร้างคุณค่าร่วมให้กับผู้มีส่วนได้เสีย พร้อมสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว รวมถึงการบริหารความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ได้ถูกผสานไว้ในทุกกระบวนการของเรา เพื่อเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกที่ให้ความสำคัญกับ ESG มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง" นางสาวสินีนุช กล่าว
ในด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) TEGH มุ่งมั่นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยตั้งเป้าหมายสู่ Carbon Neutrality ภายในปี 2573 และ Net Zero Emissions ภายในปี 2593 พร้อมเดินหน้าแผนลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้สอดคล้องกับแนวทาง Science Based Targets (SBT) สนับสนุนการทำ Green Transition เพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทน พัฒนาระบบบริหารจัดการกากอินทรีย์อย่างครบวงจร ขยายการผลิตพลังงานชีวภาพ ลดของเสีย และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร อีกทั้ง ยังให้ความสำคัญกับ ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) มีการส่งเสริมและจัดหาวัตถุดิบจากสวนเกษตรที่ไม่รุกล้ำพื้นที่ป่า และส่งเสริมเกษตรกรใช้แนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นได้ตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า
ด้านสังคม TEGH ดำเนินธุรกิจควบคู่กับการพัฒนาสังคมอย่างรับผิดชอบ โดยให้ความสำคัญกับแรงงาน สิทธิมนุษยชน ความปลอดภัย การมีส่วนร่วมของชุมชน และการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรผ่านการส่งเสริม การทำสวนเกษตรอย่างยั่งยืนตามมาตรฐานสากล เช่น FSC, RSPO, USDA-NOP หรือ EUDR เพื่อสร้างความเข้มแข็งในห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน ล่าสุด บริษัทฯ ได้รับการประเมิน EcoVadis ระดับเหรียญทอง สะท้อนมาตรฐานความยั่งยืนในระดับสากล ทั้งด้านแรงงาน จริยธรรม และการจัดซื้อจัดจ้างอย่างมีความรับผิดชอบ โดยในไตรมาส 1/2568 TEGH สามารถขยายสัดส่วนสินค้ายางแท่งตามข้อกำหนดของ EU Deforestation Regulation (EUDR) คิดเป็น 46.60% ของยอดขายรวม ในไตรมาส 4/2567 ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในตลาดยุโรป
ด้านธรรมาภิบาล (Governance) บริษัทฯ บริหารงานด้วยความโปร่งใส ยึดหลักธรรมาภิบาล และให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกกลุ่ม โดยมีการเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG อย่างต่อเนื่องและสอดคล้องกับข้อกำหนดทั้งในประเทศและสากล เช่น ข้อกำหนดของ SEC, SET, มาตรฐาน GRI, TCFD, FTSE Russell ESG Score และ IFRS S1, S2 รวมถึงมาตรฐานการรายงานด้านความยั่งยืนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ TEGH ยังนำ มิติทางการเงิน มาวิเคราะห์ความเสี่ยงและโอกาสด้าน ESG มาเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินและกำหนดกลยุทธ์ เพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนในเชิงธุรกิจ
ผลลัพธ์ของความมุ่งมั่นดังกล่าวสะท้อนผ่านการได้รับรางวัลและการรับรองจากหน่วยงานชั้นนำ เช่น รางวัล Best Sustainability Award จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, ได้รับการประเมิน SET ESG Rating ระดับ AAA, ได้รับการรับรอง CAC ระดับ 3 ดาว และได้รับ CGR ในระดับ 5 ดาว ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ TEGH ในการยกระดับมาตรฐาน ESG ให้เทียบเท่าระดับสากล และเป็นรากฐานของการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต
สำหรับปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 22,000 ล้านบาท คาดยอดขายยางแท่งปีนี้อยู่ที่ 250,000-280,000 ตัน โดยยังคงสัดส่วนยอดขายยางแท่งมาตรฐาน EUDR ที่ 30-40% ในครึ่งปีแรก และประมาณ 50% ในครึ่งปีหลัง ขณะที่ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบจะเทิร์นอะราวด์กลับมาได้ หลังจากติดตั้งหม้อต้มไอน้ำ (Boiler) ลูกใหม่ และหม้อนึ่งปาล์มต่อเนื่อง (Sterilizer) ที่ติดตั้งเสร็จแล้ว ทำให้ประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น พร้อมดำเนินการทดสอบและเดินเครื่องเครื่องจักรภายในไตรมาส 3/2568 เป็นต้นไป ทำให้กำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบจะเพิ่มขึ้นอีก 20% ภายในปีนี้
รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าจากชีวมวลที่ใช้ผลพลอยได้จากการผลิตน้ำมันปาล์มดิบเป็นเชื้อเพลิง จะช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าของบริษัทในเครือลงได้ ส่วนสายธุรกิจพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ ปีนี้รับรู้รายได้จากโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพโซน 3 เฟส 1 ได้อย่างเต็มที่ตั้งแต่ไตรมาส 1/2568 พร้อมเดินหน้าโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ โซน 3 เฟส 2 ต่อเนื่อง