จากกรณีที่ยาดมหงส์ไทย สูตร 2 ล็อตการผลิตหมายเลข 332 ถูกตรวจพบการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์เกินมาตรฐาน รวมถึงเชื้อก่อโรคคลอสทริเดียม จนสร้างความตื่นตระหนกในวงกว้าง รศ.ภก.ดร.บดินทร์ ติวสุวรรณ ภาควิชาอาหารและเภสัชเคมี คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ข้อมูลถึงสาเหตุ ความเสี่ยง และแนวทางแก้ไขปัญหาในระยะยาว โดยอธิบายว่า การพบเชื้อคลอสทริเดียมในยาดมไม่ใช่เรื่องแปลกอย่างที่คิด เนื่องจากเชื้อดังกล่าวมีถิ่นอาศัยตามธรรมชาติในดิน ซึ่งผลิตภัณฑ์สมุนไพรส่วนใหญ่มาจากพืชที่ปลูกในดิน จึงมีโอกาสปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆ รวมทั้งแบคทีเรีย เชื้อรา และยีสต์ชนิดต่างๆได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือการควบคุมปริมาณเชื้อเหล่านี้ให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภคจนวันสิ้นอายุของผลิตภัณฑ์
"ในความเป็นจริงยาทุกชนิดที่เราใช้ ไม่ว่าจะเป็นยาเม็ดพาราเซตามอลหรือยาดม ล้วนมีเชื้อจุลินทรีย์ปนเปื้อนอยู่แล้ว แต่อยู่ในปริมาณที่น้อยจนไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย กฎหมายจึงกำหนดมาตรฐานว่าเชื้อเหล่านี้ควรมีไม่เกินปริมาณเท่าใด และเชื้อก่อโรคบางประเภทที่เป็นอันตรายจะต้องไม่พบเลย ดังนั้นผู้ผลิตมีหน้าที่ควบคุมและลดปริมาณเชื้อให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานอยู่เสมอ" รศ.ภก.ดร.บดินทร์ กล่าว
รศ.ภก.ดร.บดินทร์ กล่าวถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาดมที่ปนเปื้อนเชื้อ สำหรับคนทั่วไปที่มีสุขภาพแข็งแรง ร่างกายมีระบบภูมิคุ้มกันที่สามารถจัดการกับเชื้อในปริมาณน้อยได้ อันตรายจะเกิดขึ้นกับกลุ่มเสี่ยง คือ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือผู้ที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน ซึ่งหากมีการปนเปื้อนเชื้อในปริมาณสูง อาจทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจได้ โดยมีอาการที่อาจพบ ได้แก่ การระคายเคือง แพ้ หรือติดเชื้อทางเดินหายใจ ซึ่งอาจลุกลามไปถึงปอดได้ในรายที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ระยะเวลาในการแสดงอาการขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อและสภาวะของผู้ป่วยแต่ละคน ซึ่งในคนที่มีสุขภาพแข็งแรงนั้น ยังสามารถใช้ยาดมท่ได้มาตรฐานได้ตามปกติ แต่ควรเลือกใช้อย่างระมัดระวัง เลือกผลิตภัณฑ์จากผู้ประกอบการที่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบเลขขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เลือกผลิตภัณฑ์ที่ผลิตมาไม่นาน ส่วนบุคคลในกลุ่มเสี่ยง ยิ่งควรเลือกใช้ยาดมให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อร่างกาย และผู้ใช้ยาดมไม่ควรเก็บใช้งานจนกลิ่นหมด เพราะหลังเปิดใช้งานแล้วอาจมีการปนเปื้อนเชื้อต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ นอกจากนี้ ควรจัดเก็บอย่างถูกวิธีเพื่อป้องกันการปนเปื้อนด้วย
"เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนถึงปัญหาโครงสร้างที่สำคัญของอุตสาหกรรมสมุนไพรไทย แม้ว่ายาสมุนไพรไทย โดยเฉพาะยาดม กำลังกลายเป็น Soft Power ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก แต่ยังมีจุดอ่อนหลายประการที่ต้องพัฒนาอย่างจริงจัง ปัญหาหลักมาจากข้อจำกัดในองค์ความรู้ของผู้ประกอบการบางราย ต้นทุนการผลิตที่สูง และโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่ไม่เอื้อต่อการผลิตอย่างมีมาตรฐาน เช่น การเก็บพืชสมุนไพรแห้ง หากไม่มีการทำความสะอาด ล้าง และอบแห้งอย่างดี เชื้อจุลินทรีย์จะยังคงอยู่และสามารถเจริญเติบโตได้ การควบคุมสุขอนามัย การใช้เทคโนโลยีในการลดปริมาณเชื้อ และการรักษามาตรฐานการผลิตที่ดี ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญ แต่ผู้ประกอบการบางรายอาจขาดความชำนาญหรือมีข้อจำกัดด้านต้นทุนในการลงทุนเทคโนโลยีเหล่านี้" รศ.ภก.ดร.บดินทร์ กล่าวถึงปัญหาที่ต้องพัฒนาในอุตสาหกรรมสมุนไพรไทย
รศ.ภก.ดร.บดินทร์ ชี้ให้เห็นถึงประเด็นสำคัญว่า เทคโนโลยีการฉายรังสี สามารถลดปริมาณเชื้อหรือฆ่าเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีการใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องมือแพทย์อยู่แล้ว แต่ในประเทศไทยต้นทุนการฉายรังสีมีราคาสูงมาก และมีสถานที่ให้บริการไม่กี่แห่ง หากมีผู้ประกอบการหลายสิบหรือหลายร้อยรายต้องการใช้บริการ ก็จะต้องเข้าคิวรอเป็นเวลานาน ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องที่ผู้ประกอบการรายใดรายหนึ่งจะแก้ไขได้เอง แต่เป็นปัญหาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่ต้องอาศัยการสนับสนุนจากภาครัฐ ซึ่งคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล็งเห็นว่าต้องผลักดันให้รัฐบาลเข้ามาสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านนี้ เพราะเชื่อว่าหากภาครัฐให้การสนับสนุน จะทำให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยมีคุณภาพดีขึ้น และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อ ซึ่งเป็นองค์ความรู้ที่ผู้ประกอบการต้องพัฒนาเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน
รศ.ภก.ดร.บดินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาอีกประการหนึ่งคือ วิธีการตรวจเชื้อในยาสมุนไพร มีความแตกต่างจากการตรวจเชื้อในสิ่งแวดล้อมหรืออาหารทั่วไป ผู้ประกอบการบางรายอาจมีการตรวจเชื้อก่อนส่งออกและพบว่าไม่มีปัญหา แต่หากวิธีการตรวจไม่เหมาะสม ผลที่ได้อาจไม่สะท้อนความปลอดภัยอย่างแท้จริง นอกจากนี้ แม้ผลิตภัณฑ์ใหม่จะผ่านการตรวจเชื้อแล้ว แต่หากเก็บไว้ 2-3 ปี เชื้อ ก็อาจเจริญเติบโตขึ้นได้ หากไม่มีการจัดเก็บและออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม รวมทั้งถ้าไม่มีการศึกษาเรื่องความคงตัวของผลิตภัณฑ์อย่างจริงจัง ดังนั้นผู้บริโภคจึงต้องเลือกใช้ยาดมให้เหมาะสม หากเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรงปกติ สามารถใช้ยาดมได้โดยไม่ต้องกังวลมากจนเกินไป แต่ควรมีวิธีการเลือกใช้ให้ถูกต้อง โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีเลขขึ้นทะเบียนจากองค์การอาหารและยา เลือกผู้ประกอบการที่น่าเชื่อถือ และแม้ว่ายาดมจะมีราคาไม่แพง แต่ควรเปลี่ยนใหม่เป็นระยะ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด
รศ.ภก.ดร.บดินทร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า สมุนไพรไทยเป็นทรัพยากรและจุดแข็งของประเทศที่สามารถพัฒนาต่อยอดเชิงธุรกิจและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศได้ ทั้งภาคการศึกษาและรัฐบาลต้องร่วมมือกันพัฒนาอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน การถ่ายทอดองค์ความรู้ และการยกระดับมาตรฐานการผลิต เพื่อให้สมุนไพรไทยสามารถเป็น Soft Power ที่แข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืนและปลอดภัยต่อผู้บริโภคทุกกลุ่ม
โปรโมชันพิเศษเฉพาะสาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ ชั้น 3 ตลอดเดือนพฤศจิกายน 2568 เนื่องในโอกาสเปิดร้านอย่างเป็นทางการ เอซุสขอมอบความพิเศษให้กับลูกค้าทุกท่านระหว่างวันที่ 13 - 30 พฤศจิกายน 2568 ที่ ASUS Exclusive Store สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ ชั้น 3 เท่านั้น
พบกับโปรโมชันสุดคุ้ม ของแถมจัดเต็ม พร้อมสิทธิ์ลุ้นรับคูปองส่วนลดมูลค่าสูงสุดถึง 3,900 บาท (จำนวนจำกัด โปรดตรวจสอบรายละเอียด ณ จุดขาย)
จุฬาฯ จัดเสวนา President's Distinguished Talk ครั้งที่ 6 เสนอมุมมองระบบนิเวศนวัตกรรมใหม่โดยสองผู้เชี่ยวชาญระดับโลก
ธนาคารกรุงเทพ จุฬาฯ - MIT ลงนาม MOU เปิดหลักสูตร "Chula-LGO" ยกระดับการศึกษา สร้างผู้นำรุ่นใหม่ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งความยั่งยืน
"CBS Grand Open House 2025" จุดพลังผู้นำแห่งอนาคต! เปิดบ้านครั้งใหญ่สู่โลกธุรกิจยุคใหม่
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย - สำนักงานทรัพย์สินจุฬาฯ - เอไอเอส ร่วมจัดกิจกรรมเนื่องในวันคนพิการแห่งชาติ "สยามน้อมอาลัย ด้วยหัวใจที่เท่าเทียม"
จุฬาฯ อันดับ 1 มหาวิทยาลัยไทยเป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน จากการจัดอันดับโดย QS Asia University Rankings 2026
อักษรฯ จุฬาฯ เปิดสอนรายวิชา "Dracula and Modern Culture" จากวรรณกรรมสยองขวัญสู่กระจกสะท้อนวัฒนธรรมร่วมใหม่
จุฬาฯ จับมือ NIA ปั้น "ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัย" สร้างเวทีบ่มเพาะนวัตกรรมและธุรกิจ Startup จากงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม (สวส.) ร่วมกับ สถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดตัว "Green Social Enterprise Catalog"