ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics คาดมาตรการ "เที่ยวดีมีคืน 2568" จะช่วยผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมในระยะสั้น พร้อมแนะภาครัฐต่อยอดและพัฒนาโครงการท่องเที่ยวเมืองรองให้ต่อเนื่อง เพื่อยกระดับศักยภาพจังหวัดเมืองรองให้น่าสนใจต่อการท่องเที่ยว และเพิ่มมิติทั้งจำนวนและค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว ทำให้เมืองรองสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
วันที่ 21 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ผ่าน 5 มาตรการย่อย โดยเฉพาะ 3 มาตรการที่ช่วยกระตุ้นอุปสงค์ภาคการโรงแรมของไทยอันประกอบด้วย 1) มาตรการภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว โดยให้สิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุดคนละ 20,000 บาท เมื่อใช้จ่ายในเมืองรองสามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้เพิ่มเติมเป็น 1.5 เท่า สำหรับเมืองหลักได้ 1 เท่า 2) มาตรการภาษีสำหรับนิติบุคคลเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ เพื่อนำมาหักรายจ่ายได้ 2 เท่าสำหรับการอบรมสัมมนาที่จัดในจังหวัดเมืองรอง หากไม่ใช่เมืองรองสามารถหักได้1.5 เท่า โดยทั้งสองมาตรการนี้เริ่มตั้งแต่ 29 ต.ค. 2568 - 15 ธ.ค. 2568 ที่ผ่นมา และ 3) มาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรม ประชุม สัมมนาของภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 (Front Load) โดยกำหนดให้เร่งรัดเบิกจ่ายไม่น้อยกว่า 60% นับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2568 - 31 ม.ค. 2569 ซึ่งทั้ง 3 มาตรการกระตุ้นฝั่งอุปสงค์ได้ตรงจุด ทาง ttb analytics คาดว่าสามารถช่วยกระตุ้นภาคโรงแรมและท่องเที่ยวไทยในช่วงที่เหลือของปีได้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ภายใต้สถานการณ์ท่องเที่ยวไทยที่เปลี่ยนแปลงไป
สืบเนื่องจากปี 2568 ภาคท่องเที่ยวไทยอยู่ภายใต้แรงกดดันจากทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หดตัวเป็นครั้งแรกนับจากปี 2557 (ไม่นับช่วงสถานการณ์โควิด-19) โดยเฉพาะแรงกระทบจากนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเคยเป็นแรงหนุนสำคัญให้ภาคท่องเที่ยวไทยหดตัวเมื่อเทียบกับจุดสูงสุดกว่า 60% (คาดนักท่องเที่ยวจีนปีนี้จะอยู่ที่ 4.6 ล้านคน จากสูงสุดปี 2562 ที่มีจำนวน 11.1 ล้านคน) อีกทั้งในส่วนของนักท่องเที่ยวในประเทศที่แม้ยังมีโมเมนตัมการเติบโตแต่เริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 2567 ที่นักท่องเที่ยวไทยโต 6.8% และในปี 2568 ที่เติบโตเพียง 4.7% ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำเมื่อเทียบกับปี 2566 ที่เติบโตถึง 24.4% ทั้งนี้ การชะลอตัวในภาคท่องเที่ยวซึ่งเป็นภาคอุปสงค์ของกลุ่มธุรกิจโรงแรมจึงกดดันให้ในปี 2568 ธุรกิจโรงแรมอาจหดตัวเป็นครั้งแรกนับจากผ่านช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ราว 0.4% ที่มูลค่า 3.59 แสนล้านบาท โดยเฉพาะในกลุ่มของโรงแรมขนาดใหญ่ที่คาดว่าจะหดตัว 2.1% ที่รายได้ 1.90 แสนล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.94 แสนล้านบาท เนื่องด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หดตัวและมีแนวโน้มรุนแรงกว่าที่คาดไว้ ในขณะที่โรงแรมขนาดเล็กยังได้รับอานิสงส์จากนักท่องเที่ยวในประเทศยังมีการขยายตัวแม้จะชะลอตัวอยู่บ้างแต่ยังรักษาการเติบโตที่รายได้ในปี2568 ราว 1.69 แสนล้านบาท ขยับเพิ่มจากปีก่อนที่ 1.5%
ภาพรวมที่ชะลอตัวดังกล่าว ส่งผลให้ภาครัฐมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นภาคท่องเที่ยว ผ่านนโยบาย "เที่ยวดีมีคืน 2568" ซึ่ง ttb analytics มองทั้ง 3 มาตรการที่ช่วยกระตุ้นอุปสงค์ของภาคการโรงแรมคาดสร้างเม็ดเงินเพิ่มเติมประมาณกว่า 5,900 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นเม็ดเงินจากฝั่งเอกชนซึ่งประกอบด้วย รายได้จากการท่องเที่ยว จากการให้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รวมถึงสิทธิหักเป็นรายจ่ายสำหรับภาษีเงินได้นิติบุคคลเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ ซึ่งหากมีผู้ใช้สิทธิ์เต็มจำนวน คาดจะสามารถสร้างรายได้รวมกันราว 3,100 ล้านบาท และรายได้จากหน่วยงานภาครัฐที่มีการเร่งรัดการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรม ประชุม สัมมนาของภาครัฐ อีกกว่า 2,800 ล้านบาท เม็ดเงินเหล่านี้คาดว่าจะช่วยส่งผลให้รายได้ภาคโรงแรมในปี 2568 จากเดิมที่คาดหดตัว 0.4% มีโอกาสพลิกกลับเป็นขยายตัวราว 1.6% โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน พื้นที่เมืองรองมีสัดส่วนถึง 28% ของรายได้รวม คาดว่า SMEs ธุรกิจโรงแรมที่กระจายในเมืองรองมากกว่าเมืองหลัก จะเป็นกลุ่มได้รับอานิสงส์จากสิทธิประโยชน์ที่ผู้ใช้บริการได้รับเพิ่มเติม โดยคาดรายได้อาจขยับเพิ่มขึ้นได้ถึง 3.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน
โดยสรุป ttb analytics คาดมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ "เที่ยวดีมีคืน 2568" จะมีบทบาทสำคัญในการสร้างรายได้ผ่านกำลังซื้อของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ช่วยพลิกฟื้นภาคโรงแรมจากเดิมที่คาดว่าจะหดตัวให้กลับมามีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แต่ด้วยมาตรการดังกล่าวจะเน้นกระตุ้นฝั่งอุปสงค์ในระยะสั้น แม้ว่าครอบคลุมมาตรการดูแลฝั่งอุปทาน จากมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโรงแรมและที่พักเสริมศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะ SMEs ในจังหวัดเมืองรอง อย่างไรก็ตาม เมื่อมองแนวโน้มภาคการท่องเที่ยวไทยในปี 2569 ที่ชะลอตัว จึงเสนอแนะภาครัฐให้ออกมาตรการสนับสนุนกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากกลุ่มที่ยังมีศักยภาพท่องเที่ยว และยังช่วยการเพิ่มแรงจูงใจและเพิ่มความเชื่อมั่นให้ภาคธุรกิจ รวมถึงมีการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนส่วนกลางและในพื้นที่เพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มการประชาสัมพันธ์ และพัฒนาเส้นทางรวมถึงรูปแบบการท่องเที่ยวให้ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวคนไทยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวแบบวันเดียวหรือแบบพักแรม ซึ่งจะช่วยทำให้มีเม็ดเงินเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำในระดับภูมิภาคได้มากขึ้น
TISCO ESU ชี้เศรษฐกิจไทยเปราะบางหนัก คาดปีหน้า Fast-pass อาจเป็นปัจจัยบวกเดียว
ttb analytics คาดปี 2569 แนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยเผชิญความท้าทายมากขึ้นจาก 3 แรงกดดันเดิมและ 2 แรงกดดันใหม่ แนะเร่งปรับเปลี่ยนเชิงโครงสร้าง ก่อนตลาดเข้าสู่ภาวะซึมยาว
TISCO ESU ปรับเพิ่ม GDP ไทยปี 68 โต 2.1% มาตรการรัฐ-ส่งออกหนุน แต่ความเสี่ยงยังมีรอบด้าน
ttb analytics ประเมินธุรกิจประกันภัยสัตว์เลี้ยงของไทยเผชิญความท้าทายในการขยายตลาด จากแผนความคุ้มครองที่ยังไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภค และปัญหาข้อจำกัดของข้อมูลสัตว์เลี้ยงพื้นฐานในปัจจุบัน
ttb analytics ประเมินท่องเที่ยวไทยปี 2568 ยังโตต่อเนื่อง แต่ส่งสัญญาณชะลอตัวมากขึ้นในปี 2569 แนะเร่งยกเครื่องใหม่เพื่อรักษาโมเมนตัมหนุนภาคการท่องเที่ยวยุคใหม่
ttb analytics ประเมินรายได้เกษตรกร 5 พืชหลักปี 2568 มีแนวโน้มหดตัวหนักจากปัญหาอุปทานส่วนเกินกดดันราคาผลผลิตตกต่ำ และคาดปี 2569 ยังเผชิญแรงกดดันด้านราคาต่อเนื่อง
TISCO ESU ชี้เศรษฐกิจโลก - ไทย โค้งสุดท้ายปี 68 ท้าทายสูง แนะนักลงทุนปรับพอร์ตลดเสี่ยง เน้นหุ้นสาธารณูปโภค - ทองคำ - เงิน
ttb analytics คาดต้นทุนขนส่งต่อจีดีพีไทยปี 2568 ลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน บนความคาดหวังการลดต้นทุนค่าขนส่งจากการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multi-Modal Transport) สอดคล้องกับโครงสร้างพื้นฐานที่มีการพัฒนาต่อเนื่อง