"แฟลช เอ็กซ์เพรส" ผนึก "บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ" ปูพรมเปิด "แฟลช เอ็กซ์เพรส Drop Off" ภาคเหนือ-อีสาน กว่า 126 แห่ง พร้อมเร่งขยายสู่ภูมิภาคอื่นทั่วไทย

17 Feb 2021

แฟลช เอ็กซ์เพรส ผู้ให้บริการขนส่งสัญชาติไทย และ E-commerce แบบครบวงจร จับมือ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ผู้นำการให้บริการด้านโทรคมนาคม และดิจิทัลชั้นนำของประเทศ เปิดจุดรับส่งพัสดุ "แฟลช เอ็กซ์เพรส Drop Off" ให้บริการรับส่งพัสดุด่วนทั่วประเทศ ณ ศูนย์บริการลูกค้า บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) กว่า 126 แห่ง ครอบคลุม 35 จังหวัด โดยแบ่งเป็นภาคเหนือ จำนวน 75 แห่งและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 51 แห่ง ก่อนตั้งเป้าขยายสู่ทั่วภูมิภาคภายในปี 2021 ต่อไป

"แฟลช เอ็กซ์เพรส" ผนึก "บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ" ปูพรมเปิด "แฟลช เอ็กซ์เพรส Drop Off" ภาคเหนือ-อีสาน กว่า 126 แห่ง พร้อมเร่งขยายสู่ภูมิภาคอื่นทั่วไทย

นางจรัสพักตร์ การปลื้มจิตต์ พาร์ทเนอร์กลุ่มธุรกิจ แฟลช ผู้ให้บริการ E - commerce และขนส่งพัสดุสัญชาติไทยแบบครบวงจร กล่าวว่า ในปีนี้มีการคาดการณ์ว่าตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยจะเติบโตเพิ่มขึ้นกว่าในปีที่ผ่านมาโดยมีปัจจัยหลักมาจากพฤติกรรมของประชาชนที่ยังเน้นซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆมากขึ้น เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด19 ที่ยังคงเกิดขึ้น และอีกหนึ่งปัจจัยคือปัจจุบันไทยมีแพลตฟอร์มออนไลน์อันดับหนึ่งที่เรียกว่า "เป๋าตังค์" ซึ่งภาครัฐสนับสนุนให้คนไทยใช้งานผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการคนละครึ่ง เราชนะ และโครงการต่างๆ ด้วยเหตุนี้ผู้ให้บริการภาคขนส่งจึงต้องตื่นตัว และสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ลูกค้า หรือผู้ใช้บริการให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีอยู่เสมอ โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงการใช้บริการขนส่งได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม ล่าสุด แฟลช เอ็กซ์เพรส จึงได้จับมือกับ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือNT ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม และดิจิทัลชั้นนำของประเทศ เปิดตัว "แฟลช เอ็กซ์เพรส Drop off" หรือจุดให้บริการรับส่งพัสดุด่วนทั่วประเทศ "ภายใต้โครงการ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) & Flash Express ส่งพัสดุด่วนทั่วไทย" ณ ศูนย์บริการลูกค้าบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) โดยเปิดศูนย์บริการรวมจำนวนกว่า 126 แห่งใน 35 จังหวัด แบ่งเป็นในเขตพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด จำนวน 75 แห่ง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 18 จังหวัด จำนวน 51 แห่ง พร้อมยังตั้งเป้าขยายจุดบริการไปสู่ลูกค้าทั่วทุกภูมิภาคต่อไปในอนาคตอันใกล้

"สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นการเพิ่มโอกาส และความแข็งแกร่งในเรื่องจุดให้บริการรับ-ส่งพัสดุของแฟลช เอ็กซ์เพรส โดยการจับมือกับบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ ครั้งนี้จะสามารถนำพาให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ใช้บริการอย่างสูงสุด จากการมีสาขามากขึ้น อันจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน และลูกค้าผู้ใช้บริการ รวมไปถึงรองรับการเติบโตของตลาด e-Commerce ในประเทศ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในตลาดขนส่งพัสดุอีกด้วย โดยปัจจุบัน แฟลช เอ็กซ์เพรส นับเป็นผู้เล่น TOP 3 ของตลาด ซึ่งมียอดจัดส่งพัสดุเฉลี่ยต่อวันมากกว่า 1.3 ล้านชิ้น พร้อมจุดให้บริการรับ-ส่งพัสดุทั่วประเทศกว่า 10,000 แห่ง สำหรับในส่วนรถขนส่งพัสดุประเภทต่างๆ แฟลชมีรถที่วิ่งอยู่ทั่วประเทศกว่า 15,000 คัน บริษัทฯ มีพนักงานมากกว่า 27,000 คน แฟลช ยังนับว่าเป็นผู้ริเริ่มการทำบริการ "รับฟรีถึงที่ตั้งแต่ชิ้นแรกไม่มีขั้นต่ำ และเปิดให้บริการ 365 วัน ไม่มีวันหยุด"

ด้าน นายเชาว์ พันธ์รุ่งจิตติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและปฏิบัติการลูกค้า 3 บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือNT กล่าวว่า ปัจจุบันการดำเนินธุรกิจผ่านออนไลน์ หรือตลาด E - commerce มีบทบาทสำคัญในการค้าขายสินค้าทุกประเภท เป็นผลให้ธุรกิจด้านการขนส่งมีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วตามไปด้วย โดยในส่วนของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) เรามุ่งมั่นสร้างสรรค์ นวัตกรรม และบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองการให้บริการที่หลากหลาย สะดวก รวดเร็ว ให้กับคนไทยในยุคดิจิทัล โดยได้เล็งเห็นว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการช่วยเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจด้านโทรคมนาคม และด้านโลจิสติกส์เข้าด้วยกัน พร้อมทั้งจะช่วยเพิ่มทักษะ และขีดความสามารถให้กับบุคลากรของทั้งสององค์กร เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น อันส่งผลให้ลูกค้าของทั้ง 2 ธุรกิจได้รับความสะดวกในการใช้บริการมากยิ่งขึ้นด้วย จึงได้ร่วมมือกับ บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จำกัด เปิด "แฟลช เอ็กซ์เพรส Drop off" หรือจุดให้บริการรับส่งพัสดุด่วนทั่วประเทศ ภายใต้โครงการบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) & Flash Express ส่งพัสดุด่วนทั่วไทย

"แฟลช เอ็กซ์เพรส Drop off จะเป็นจุดให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนทั่วไทยที่ สะดวก รวดเร็ว ในราคาประหยัด เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน และลูกค้าที่ใช้บริการ ทั้งยังจะช่วยรองรับการค้าขายในสังคมออนไลน์ (Social Commerce) ที่มีอยู่อย่างแพร่หลายในยุคดิจิทัลที่การส่งของจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน โดยเฟสแรกจะเปิดให้บริการครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 126 แห่ง ครอบคลุม 35 จังหวัด"