กรุงเทพ--5 มิ.ย.--ธ.ศรีนคร
ศรีนครใช้กลยุทธ์ "ศรีนครกระชับมิตร" ระดมเงินฝากยุคเศรษฐกิจฝืด ให้พนักงาน ดูดเงินฝาก เสริมสภาพคล่อง ตั้งเป้า 2 เดือนไม่ต่ำกว่า 4,500 ล้านบาท
นางวิไลลักษณ์ นภินธากร ผู้อำนวยการฝ่ายอำนวยการสาขา เปิดเผยว่า ในภาวะที่ เศรษฐกิจชะลอตัว จำเป็นอย่างยิ่งที่ธนาคารฯ จะต้องวางกลยุทธ์ และกำหนดทิศทางนโย บายทางการเงินอย่างรัดกุม เพื่อรักษาสภาพคล่องและฐานะทางการเงินให้มั่นคง จากผล การดำเนินงานปี 2539 ที่ตกต่ำ และต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาสแรก ทำให้ธนาคารพาณิชย์ หลายแห่งต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อรองรับกับสถานการณ์ความผันผวนทางการเงิน เพื่อให้ ผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด ซึ่งในช่วงภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา หลาย ฝ่ายจึงหันมาสนใจการออมเงินในประเทศมากขึ้น เพื่อพยุงฐานะทางการเงินและเป็นการ เสริมสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ
นางวิไลลักษณ์ กล่าวว่า แนวโน้มการแข่งขันด้านเงินฝากในปี 2540 จะมีความรุน แรงมากยิ่งขึ้น จะเห็นว่าการระดมเงินฝากของแต่ละสถาบันในช่วงต้นปีที่ผ่านมามีการ หนดกลยุทธ์และวิธีจูงใจให้ลูกค้ามาฝากเงินกับธนาคารของตนมากยิ่งขึ้น ในส่วนของธนา คารศรีนครได้วางกลยุทธ์การระดมเงินฝากเพื่อเสริมสภาพคล่องทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยระยะสั้นธนาคารฯ มีโครงการ "เทศกาลศรีนครกระชับมิตร" เพื่อระดมเงินฝากระยะ สั้นทั่วประเทศ ทั้งประเภทเงินฝากออมทรัพย์และประเภทฝากประจำ โดยมีระยะเวลา โครงการ 2 เดือน คือ ตั้งแต่ 2 มิถุนายน-31 กรกฎาคม 2540 ซึ่งธนาคารฯ กำหนดเป้า หมายของโครงการฯ นี้ไว้จำนวน 4,500 ล้านบาท ณ เมษายน 2540 ธนาคารฯ มียอด เงินฝากทั้งสิ้น 149,591 ล้านบาท มีส่วนแบ่งตลาดด้านเงินฝากร้อยละ 3.89 ของระบบ วิธีการระดมเงินฝากของโครงการฯ ธนาคารฯ จะขอความร่วมมือจากพนักงานธนาคารฯ ทุกคน เข้าร่วมโครงการฯ นี้ โดยใช้ความมีมนุษยสัมพันธ์ และความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ของพนักงานแนะนำลูกค้าเงินฝากประเภทออมทรัพย์ และเงินฝากประจำให้กับธนาคาร รวมถึงเงินฝากยกเว้นภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก คือเงินฝากสินกาญจนา และเงินฝากสินปัญญา ซึ่งเป็นบริการใหม่ที่เพิ่งให้บริการเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาด้วย
นางวิไลลักษณ์ กล่าวต่อว่า โครงการศรีนครกระชับมิตร เป็นโครงการ ที่ธนาคารฯ จัดทำเป็นกลยุทธ์เงินฝากติดต่อกันมาเป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 20 ปี ในช่วงระยะเลา ก่อนครบรอบปีธนาคาร คือ เดือนสิงหาคมทุกปี ซึ่งพนักงานมีความเต็มใจ และให้ความร่วม มือในการรณรงค์หาเงินฝากเข้าธนาคารเป็นอย่างดี
ในด้านการระดมเงินฝากระยะยาว นางวิไลลักษณ์ กล่าวว่า ธนาคารฯ ได้ร่วมส่ง เสริมมาตรการการออมเงินในประเทศ เพื่อสนองต่อนโยบายของรัฐบาล และเป็นการระดม เงินฝากเข้าธนาคาร โดยการออกบริการเงินฝากปลอดภาษี ซึ่งเป็นการพัฒนาบริการเงิน ฝากรูปแบบใหม่ ให้ผลตอบแทนสูง โดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยภาษีเงินฝาก 2 ประเภท คือ เงินฝากสินกาญจนาและเงินฝากสินปัญญา ที่ผู้ฝากเงินต้องฝากติดต่อกันทุกเดือน เดือนละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 24 เดือน หรือ 2 ปี ด้วยจำนวนเงินฝ่ากที่เท่ากันทุกเดือนในจำนวนขั้นต่ำ 1,000 บาทในประเภทเงินฝากสินกาญจนา และ 500 ของสินปัญญา สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมครบกำหนดระยะเวลา การฝากแล้วต้องไม่เกิน 600,000 บาท
บัญชีเงินฝาก "สินกาญจนา" จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับดอกเบี้ยเงิน ฝากร้อยละ 15 ของดอกเบี้ยเงินที่จะได้รับ โดยธนาคารฯ คิดให้ในอัตราดอกเบี้ยเงิน ฝากประจำ 12 เดือนบวกด้วยอัตราดอกเบี้ยเพิ่มพิเศษอีกร้อยละ 2-5 ขของดอกเบี้ยที่ได้รับ กรณีฝากครบกำหนดและตามระยะเวลาที่ตกลงกับธนาคารฯ ทั้งนี้ผู้ฝากเงินกับบริการเงิน ฝากสินกาญจนา จะต้องเป็นบุคคลธรรมดา ซึ่งสามารถฝากได้ 1 บัญชีต่อ 1 เลขประจำผู้ เสียภาษีอากรเท่านั้น สำหรับผู้ไม่มีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร ธนาคารฯ จะให้บริการ ขอเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรได้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยปีแรกของการออกบริการเงิน ฝากสินกาญจนา ธนาคารฯ ตั้งเป้าหมายในการระดมเงินฝากประเภทนี้จำนวน 5,000 ล้านบาท
ส่วนเงินฝากสินปัญญา หรือเงินฝากสินมัธยัสถ์เพื่อทุนการศึกษาเดิม เป็นเงินเพื่อ การศึกษา เน้นกลุ่มเป้าหมายครอบครัว ซึ่งมีบุตร ธนาคารฯ คิดอัตราดอกเบี้ยให้ใน อัตราดอกเบี้ยเงินฝากปะจำ 12 เดือน ซึ่งเมื่อฝากครบ 24 เดือน สามารถถอนฝากเงิน พร้อมดอกเบี้ยได้ทันที โดยไม่ต้องเสียภาษีดอกเบี้ยเงินฝากของดอกเบี้ยที่ได้รับ นอกจากนี้ผู้ มีบัญชีเงินฝากสินปัญญา ยังมีโอกาสได้รับทุนการศึกษาเมื่อฝากครบ 1 ปี อีกด้วย โดยมีข้อ แม้จะต้องฝากติดต่อกันทุกเดือนโดยไม่ขาดส่ง นางวิไลลักษณ์ กล่าวในที่สุด--จบ--