กรุงเทพ--2 เม.ย.--ซิทก้า
ซิทก้าทวนกระแสเศรษฐกิจซบเซา สร้างผลกำไรปี 2539 จำนวน 423 ล้านบาท พร้อมปรับปรุงโครงสร้างองค์กร และเพิ่มประสิทธิภาพระบบงานภายในรองรับการขยายตัวในอนาคต
นายวีระ มานะคงตรีชีพ กรรมการผู้อำนวยการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ซิทก้า จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานของซิทก้าในปี 2539 ว่าบริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 423 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2538 คิดเป็นร้อยละ 2.9 ขณะเดียวกันก็มีรายได้รวมจำนวนทั้งสิ้น 4,598 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2538 คิดเป้นร้อยละ 12 ทั้งนี้ ร้อยละ 95 ของรายได้รวมเกิดจากรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลจำนวน 4,372 ล้านบาท และอีกร้อยละ 5 ของรายได้รวมเกิดจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจำนวน 225 ล้านบาท ซึ่งจากอัตราการขยายตัวของกำไรและรายได้รวมดังกล่าว สามารถคิดเป็นกำไรต่อหุ้นได้จำนวน 2.02 บาท ในขณะที่ผลการดำเนินงานของอุตสาหกรรมโดยเฉลี่ยมีอัตรากำไรลดลงกว่าร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานปีที่ผ่านมา
"เนื่องจากในปี 2538 ต่อเนื่องถึงปี 2539 สถานการณ์เศรษฐกิจอยู่ในภาวะถดถอยประกอบกับทางการใช้นโยบายทางการเงินที่เข้มงวด โดยจำกัดสินเชื่อสำหรับธุรกิจบางประเภท ซิทก้าจึงใช้นโยบายควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ พร้อมกับเร่งพัฒนาระบบงานภายในให้มีประสิทธิภาพสูง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการขยายตัวในปีต่อๆ ไป จึงส่งผลให้สินทรัพย์รวมของบริษัทฯ ในปี 2539 มีจำนวน 33,947 ล้านบาท โดยเป็นเงินให้กู้ยืมและลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับจำนวน 25,939 ล้านบาท และเป้นเงินลงทุนในหลักทรัพย์จำนวน 5,457 ล้านบาท และหากรวมบริษัทย่อยด้วย ซิทก้าจะมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 44,896 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มจากปี 2538 จำนวน 1,309 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3" นายวีระกล่าว พร้อมให้รายละเอียดอีกว่า
ส่วนด้านธุรกิจหลักทรัพย์ในปี 2539 ซิทก้ามีรายได้จากค่านายหน้าหลักทรัพย์จำนวน 78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 111 เมื่อเทียบกับปี 2538 ทั้งนี้ เนื่องจากซิทก้าได้รับอนุมัติให้เป็นสมาชิกตลาดหลักทรัพย์หมายเลข 46 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2538 พร้อมกันนี้ซิทก้ายังได้ร่วมกับสถาบันการเงินที่สำคัญอื่นๆ จัดตั้งกลุ่มประมูลพันธบัตรมูลค่ารวม 9,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2538 คิดเป็นร้อยละ 185
"สำหรับการขยายธุรกิจของซิทก้าในปี 2540 บริษัทฯ จะมุ่งเน้นการจัดหาแหล่งเงินทุนระยะยาวที่มีต้นทุนดอกเบี้ยต่ำ และไม่มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนจากต่างประเทศในรูปแบบใหม่ ๆ โดยอาศัยความร่วมมือจากเครือพันธมิตรต่างประเทศ ขณะเดียวกันบริษัทฯ เตรียมขยายรายได้จากดอกเบี้ยและเงินปันผลด้วยการรุกธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ พร้อมกับเพิ่มรายได้การค่าธรรมเนียมด้วยการรับเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับภาคธุรกิจทั่วไป ซึ่งขณะนี้ทางบริษัทฯ ได้รับเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับ บมจ.ธนาคารศรีนคร ในการหาผู้สนใจเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของธนาคารจำนวน 300 ล้านหุ้น
"ปัจจุบัน ซิทก้าถือเป็นสถาบันการเงินที่มีฐานะทางการเงินมั่นคงอยู่ในอันดับต้นของอุตสาหกรรม ทั้งนี้พิจารณาได้จากฐานเงินกองทุนเทียบกับสินเชื่อรวม (Capital Adequacy Ratio) ซึ่งมีสูงกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ถึง 3 เท่า หรือร้อยละ 20 นอกจากนี้สินทรัพย์ของบริษัทฯ ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดีเป็นส่วนใหญ่ กล่าวคือ มีสินทรัพย์ที่มีปัญหาต่ำกว่ามาตรฐานหรือจัดชั้นเป็นหนี้สงสัยจะสูญเพียงร้อยละ 0.3 ของสินเชื่อรวมเท่านั้น และสิ่งสำคัญอีกประการ คือ ซิทก้ามีทีมผู้บริหารที่แข็งแกร่ง มีประสบการณ์ความรู้จากสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ" นายวีระกล่าวในที่สุด--จบ--