สธ.ยันอีก 4 ปี เมืองไทยจะมีวัคซีนเอดซ์ใช้แล้ว

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพ--29 ส.ค.--กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข ร่วมลงนามกับประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมมือวิจัยวัคซีนเอดส์ เพื่อใช้กับสายพันธุ์อี จะทราบผลในปี 2544 การวิจัยครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งแรกในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีผู้ติดเชื้อเอดส์ประมาณ 10-15% ของจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลก โดยใช้งบวิจัยกว่า 200 ล้านบาท เริ่มลงมือในเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้าเป็นต้นไป ที่กระทรวงสาธารณสุข เช้าวันนี้ พลเรือตรีนายแพทย์วิทุร แสงสิงแก้ว ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการลงนามในบันทึกข้อตกลงกับนายโตชิโอะ โอกาซากิ ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมมือกันศึกษาวิจัยในการผลิตวัคซีนเอดส์ ที่ใช้สำหรับป้องกันการติดเชื้อเอดส์ชนิดอี ซึ่งพบในประเทศไทยได้โดยเฉลี่ยร้อยละ 85 และพบในประเทศญี่ปุ่นและแถบประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า โครงการที่ประเทศไทยร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้ นับเป็นการวิจัยเพื่อผลิตวัคซีนเพื่อใช้สำหรับผู้ติดเชื้อเอดส์สายพันธ์อีเป็นครั้งแรกในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นแหล่งที่มีผู้ติดเชื้อเอดส์มากถึง 10-15% ของผู้ติดเชื้อเอดส์ทุกภูมิภาคของโลก โดยจะทำการศึกษาวิจัยเป็นเวลา 4 ปี ระหว่าง พ.ศ. 2541-2544 ใช้เงินทุนไม่น้อยกว่า 220 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นงบที่รัฐบาลญี่ปุ่นจะให้การสนับสนุนรวม 175 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะเป็นงบของประเทศไทย ซึ่งการทำวิจัยดังกล่าวจะเป็นขั้นเริ่มต้น ส่วนใหญ่อยู่ในขั้นของการทดลองในห้องปฏิบัติการ โดยประเทศไทยพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ และกระทรวงสาธารณสุขจะได้นำโครงการนี้เข้าชี้แจงในคณะกรรมการเอดส์แห่งชาติ เพื่อให้งานนี้สำเร็จเป็นไปตามเป้าหมาย และให้ประเทศไทยและทั่วโลกสามารถควบคุมโรคเอดส์ได้เป็นผลสำเร็จ ทั้งนี้ขั้นตอนของการทำวิจัยดังกล่าว จะใช้เทคนิคทางพันธุวิศวกรรม โดยการคัดเลือกยีนส์หรือสารพันธุกรรม จากเชื้อไวรัสเอชไอวีที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เลี้ยงไว้ ซึ่งจากการทดลองที่ผ่านมาพบว่าวัคซีนที่ผลิตด้วยกรรมวิธีนี้ในสัตว์ทดลอง สามารถกระตุ้นให้เกิดภูมิต้านทานในระดับที่ป้องกันการติดเชื้อได้ดี โดยภูมิต้านทานนี้เกิดได้ดีทั้งชนิดผ่านของเหลว (Human Immunity) และชนิดผ่านเซล (Cellular Meddiated Immunity) ในขณะที่วัคซีนที่ไทยนำมาใช้ทดลองในช่วงที่ผ่านมา สามารถกระตุ้นได้เพียงภูมิต้านทานชนิดผ่านของเหลวได้เป็นส่วนใหญ่ จึงมีผลในการป้องกันการติดเชื้อได้น้อย โดยจะเริ่มลงมือวิจัยได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2541 เป็นต้นไป ทางด้านนายแพทย์มงคล ณ สงขลา อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กล่าวว่า การวิจัยครั้งนี้จะใช้ทีมนักวิจัยไทยจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะแพทย์ศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สงขลา ขอนแก่น และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับทีมวิจัยญี่ปุ่นจากสถาบันโรคติดเชื้อแห่งชาติ โดยจะทำวิจัยในสัตว์ทดลองก่อน ถ้าได้ผลดีก็จะนำมาใช้ทดลองในคนต่อไป--จบ--

ข่าวกระทรวงสาธารณสุข+วิทุร แสงสิงแก้ววันนี้

รัฐบาลไทยเร่งแก้ปัญหาท้องในวัยรุ่น บูรณาการความร่วมมือ 3 หน่วยงาน ถอดบทเรียน 8 คู่มือปฏิบัติงานเสริมสร้างกลไกความเข้มแข็งในระดับพื้นที่

วันนี้ (19 ธันวาคม 2568) ที่ห้องประชุมไดมอนด์บอลรูม โรงแรมแกรนด์ ริชมอนด์ สไตลิช คอนเวนชั่น โฮเทล จังหวัดนนทบุรี นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีเปิด "การประชุมวิชาการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อส่งมอบผลงานโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นของประเทศ" โดยจัดขึ้นร่วมกันระหว่างสมาคมแพทย์สตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)และกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แพทย์หญิงอัมพร

นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง... สธ. เดินหน้าปั้น 'Super CG' เสริมพลังระบบดูแลผู้สูงอายุ ครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 10,000 คน — นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานใน...

กระทรวงสาธารณสุข คุมเข้มระบบด้านสุขอนามัย... สธ.คุมเข้มมาตรการสุขอนามัย-สิ่งแวดล้อม รองรับนักกีฬา 11 ชาติ แข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 33 — กระทรวงสาธารณสุข คุมเข้มระบบด้านสุขอนามัย สิ่งแวดล้อมโรงแรม ที่พั...