สธ.เตรียมตั้งศูนย์วิจัยวัคซีนรักษาเอดส์ ร่วมกับสถาบันชื่อดังของฝรั่งเศส

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพ--25 ก.ค.--กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข ร่วมมือกับสถาบันปาสเตอร์ ประเทศฝรั่งเศส จัดตั้งศูนย์ความร่วมมือในการศึกษาวิจัยผลิตวัคซีนป้องกันหรือยารักษาโรคเอดส์สายพันธุ์ของไทยโดยเฉพาะ นับเป็นเครือข่ายประเทศแรกในเอเซีย หากสำเร็จจะสามารถประหยัดรายจ่ายประเทศได้ปีละไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาท เช้าวันนี้ ที่กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี พลเรือตรีนายแพทย์วิทุร แสงสิงแก้ว ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังให้การต้อนรับศาสตราจารย์ลุค มองทาเนีย (Professor Luc Montagnier) ผู้เชี่ยวชาญชาวฝรั่งเศสจากสถาบันปาสเตอร์ของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ค้นพบเชื่อไวรัสเอช ไอ วี คนแรกของโลก เมื่อพ.ศ. 2524 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นประธานกองทุนวิจัยเอดส์ทั่วโลก ได้เดินทางมาประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเจรจาความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขของไทยในการจัดตั้งศูนย์การวิจัยโรคเอดส์ในเชิงป้องกันและรักษา ระหว่างประเทศไทยกับสถาบันปาสเตอร์ ซึ่งมีความก้าวหน้าทางด้านวิชาการในเรื่องไวรัสเอดส์มาก เพื่อร่วมมือกันควบคุมป้องกันโรคเอดส์ โดยศูนย์วิจัยที่จะจัดตั้งขึ้นในประเทศไทย ครั้งนี้นับว่าเป็นแห่งแรกของเอเชีย ซึ่งไทยยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ในการร่วมมือดังกล่าว จะเน้นที่การศึกษาพัฒนาวัคซีนที่ใช้ในการป้องกันและยารักษาผู้ที่ติดเชื้อเอดส์สายพันธุ์อี ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่พบในประเทศไทยมากกว่า 80% และยังไม่มีการคิดค้นตัวยาหรือวัคซีนสำหรับใช้กับสายพันธุ์นี้ โดยศาสตราจารย์ลุค ได้ให้ความสนใจประเทศไทยเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่มีระบบการบริหารจัดการเอดส์ที่ดีมากแห่งหนึ่ง และไม่ปิดบังข้อมูลเอดส์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า สำหรับการจัดตั้งศูนย์ความร่วมมือนั้น จะดำเนินการในภาพรวมของการระดมความร่วมมือจากนักวิชาการ นักไวรัสวิทยา จากทบวงมหาวิทยาลัยได้แก่ มหาวิทยาลัยมหิดล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยขอนแก่น และหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุขได้แก่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และกรมควบคุมโรคติดต่อ โดยมีฐานใหญ่อยู่ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และมีสาขาย่อยอยู่ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์จังหวัดเชียงใหม่ โดยพื้นที่ดำเนินการ จะร่วมกันศึกษาที่ 6 จังหวัดภาคเหนือตอนบนได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน พะเยา และแม่ฮ่องสอน เนื่องจากเป็นพื้นฐานที่มีปัญหามากที่สุดในประเทศ ซึ่งในวันที่ 25 กรกฏาคม 2540 ศาสตราจารย์ลุค จะเดินทางไปที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร และที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อศึกษาวิธีการดูแลผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อเอดส์ในพื้นที่ หลังจากนั้นจะนำข้อสรุปมาร่วมหารือกับคณะวิจัยของไทยอีกครั้งในวันที่ 26 กรกฏาคม เพื่อกำหนดรายละเอียดในความร่วมมือต่อไป ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวอีกว่า ปัจจุบันคาดว่าประเทศไทยจะมีผู้ติดเชื้อเอดส์แล้วประมาณ 9 แสนราย แม้ว่าอัตราการติดเชื้อเอดส์รายใหม่ของไทยจะชะลอตัวลงก็ตาม แต่เรื่องที่รัฐบาลและชุมชนจะต้องรับภาระอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็คือการดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง คาดประมาณว่าในปี พ.ศ. 2553 ไทยจะมีผู้ป่วยโรคเอดส์เพิ่มขึ้นถึง 8 แสนราย และคาดว่าจะมีเด็กติดเชื้อเอดส์จำนวน 2 แสนราย ซึ่งขณะนี้นับตั้งแต่พ.ศ. 2527-สิ้นเดือนพฤษภาคม 2540 เรามีผู้ป่วยเอดส์ทั้งเด็กและผู้ใหญ่แล้วใกล้ 9 หมื่นราย ดังนั้นหากประเทศไทยสามารถผลิตวัคซีนหรือยารักษาได้เอง เราก็ช่วยเหลือบุคคลกลุ่มนี้ไม่ให้ป่วยและเสียชีวิตจากโรคนี้ได้ ซึ่งจะสามารถลดรายจ่ายของประเทศได้ปีละไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาททีเดียว ทางด้านนายแพทย์มงคล ณ สงขลา อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่าขณะนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ร่วมมือกับต่างประเทศในการศึกษาวิจัยโรคเอดส์ เพื่อก้าวไปสู่การผลิตวัคซีนหรือยารักษาผู้ป่วยหรือผู้ที่ติดเชื้อเอดส์ของประเทศไทย เป็นการเฉพาะ โดยมีความร่วมมือกับประเทศสหรัฐอเมริกาคือศูนย์ควบคุมโรคติดต่อหรือซีดีซี เพื่อหาวิธีทำลายเชื้อไวรัสเอดส์ และกับประเทศญี่ปุ่นเพื่อผลิตวัคซีนสำหรับใช้กับสายพันธุ์อี ซึ่งในการผลิตวัคซีนร่วมกับญี่ปุ่นนี้จะใช้เวลาศึกษา 4 ปี งบประมาณ 220 ล้านบาท โดยเป็นงบฝ่ายไทยเพียง 47 ล้านบาท ที่เหลือเป็นเงินช่วยเหลือจากประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด ซึ่งจะทำสัญญาความร่วมมือในต้นเดือนสิงหาคมนี้ ทั้งนี้ในการร่วมมือกับต่างประเทศครั้งนี้จะทำให้นักวิทยาศาสตร์ไทยได้มีโอกาสพัฒนาความรู้ความสามารถ โดยเฉพาะการพัฒนาเทคโนโลยีในการผลิตวัคซีนตัวอื่นในอนาคตต่อไปได้อีกด้วย--จบ--

ข่าวกระทรวงสาธารณสุข+วิทุร แสงสิงแก้ววันนี้

อย. มอบประกาศนียบัตร ยกย่อง ซิลลิค ฟาร์มา ที่ร่วมสนับสนุนจัดส่งยาและเวชภัณฑ์ช่วยผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้และเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา

มอบประกาศนียบัตรแก่ คุณธเนศ ชูวัฒนะเดช รองประธานบริหารฝ่ายการกระจายสินค้า การปฏิบัติการ และการกระจายเครื่องมือแพทย์ บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด (ซ้าย) ในงาน อย.เชื่อมโยงน้ำใจเครือข่ายส่งต่อความห่วงใยสู่ผู้ประสบภัยฝ่าภัยวิกฤต เนื่องในโอกาสสนับสนุนอย. ด้วยการร่วมส่งมอบยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับสถานพยาบาลในพื้นที่ภาคใต้ที่ประสบอุทกภัย และ จังหวัดแนวชายแดนไทย-กัมพูชาที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ณ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี ในภาพ: เภสัชกรหญิง

แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนา... กรมอนามัย-รพ.วชิระภูเก็ต เปิดตัวหลักสูตร "LIFE ศาสตร์แห่งการมีชีวิตที่ยืนยาว (Longevity)" — แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย และนายแพทย์วีระศั...

เผยรัฐบาลไทยเร่งแก้ปัญหาท้องในวัยรุ่น พร้... คกก. ป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น — เผยรัฐบาลไทยเร่งแก้ปัญหาท้องในวัยรุ่น พร้อมวางแนวทางช่วยเหลือ และป้องกันวัยรุ่นหลุดจากระบบการศึกษา ผ่าน...

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข โดยทีม SEhRT เ... ทีม SEhRT กรมอนามัย ฟื้นฟูหาดใหญ่หลังน้ำท่วมอย่างเต็มกำลัง เพื่อคืนพื้นที่สะอาด ปลอดภัย — กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข โดยทีม SEhRT เร่งฟื้นฟูสุขภาพของประชา...

กระทรวงสาธารณสุขพร้อมด้วยหน่วยงานทางแพทย์... "MEDEZE" พร้อมเดินหน้าตามนโยบายภาครัฐ ขับเคลื่อน "ผลิตภัณฑ์การแพทย์ชั้นสูง" ทุกมิติ — กระทรวงสาธารณสุขพร้อมด้วยหน่วยงานทางแพทย์ ร่วมจัดงานประชุม "Thailand...

กระทรวงสาธารณสุข ยกระดับมาตรการช่วยเหลือเ... สธ.ส่งโมบายคลินิกดูแลหญิงตั้งครรภ์ วางระบบส่งต่อฉุกเฉินรับมือสถานการณ์ไทย-กัมพูชา — กระทรวงสาธารณสุข ยกระดับมาตรการช่วยเหลือเชิงรุก ส่งรถโมบายคลินิกฝากครร...