นิวยอร์ค--15 ส.ค.--พีอาร์นิวสไวร์-เอเชียเน็ท
บริษัทคาลเอเนอร์จี้ คอมพานี อิงค์ได้ออกแถลงการณ์เพื่อเป็นการตอบโต้ต่อ การเปิดเผยในช่วงที่ผ่านมาของบริษัทนิวยอร์ค สเตท อิเล็คทริค แอนด์ แก๊ส คอร์ปอเรชั่น (NYSEG) ที่ว่าจะทำการพิจารณาทบทวนนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัท โดยแถลง การณ์มีดังต่อไปนี้ :-
"ผู้ถือหุ้นของบริษัท NYSEG ไม่ควรเข้าใจผิดไปกับกลยุทธ์ปกป้องตนเองล่าสุด ของทาง NYSEG โดยนับตั้งแต่บริษัทคาลเอเนอร์จี้ได้ประกาศทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้น NYSEG จำนวน 9.9 % ในวันที่ 15 ก.ค.เป็นต้นมา ทางผู้บริหารของ NYSEG ก็ได้ ดำเนินกลยุทธ์อย่างเป็นระบบเพื่อปกป้องตนเองซึ่งสร้างความเสียหายให้กับผู้ถือหุ้นและ ratepayer ของบริษัท นอกจากนี้ NYSEG ยังได้สร้างความสับสนให้เกิดขึ้นอันเป็นความ พยายามที่จะกีดกันผู้ถือหุ้นของ NYSEG ไม่ให้รับข้อเสนอของเรา ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นจำต้องตระ หนักว่า การทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ของบริษัทคาลเอเนอร์จี้ได้ครบกำหนดลงในเวลาเที่ยง คืนวานนี้
ทั้งนี้ ตัวอย่างกลยุทธ์ล่าสุดของ NYSEG คือการที่ NYSEG ได้เปิดเผยออกมา อย่างไม่ละอายว่า ทาง NYSEG จะ 'ทบทวนนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัท' ดังนั้น เราจึงเห็นว่าควรที่จะได้เตือนความทรงจำของผู้ถือหุ้นว่า NYSEG นั้นเคยปรับลดเงินปันผล มาก่อนแล้ว โดยครั้งล่าสุดเมื่อเดือนต.ค.ปี 1994 และต่อไปนี้คือสิ่งที่นายเจมส์ เอ. คาร์ ริกก์ ผู้เป็นประธานกรรมการ, ประธานและซีอีโอและกรรมการบอร์ดบริษัท NYSEG ใน ขณะนี้นั้น ได้กล่าวไว้ถึงผลที่ผู้ถือหุ้นของ NYSEG จะได้รับจากการปรับลดเงินปันผลในปี 1994 ดังนี้ :-
นายเจมส์กล่าวว่า "การปรับลดเงินปันผลในวันนี้ถือเป็นจุดหักเหของบริษัท NYSEG ทั้งนี้ แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าอัตราการเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรมของเราจะ ยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป ในขณะที่ความยืดหยุ่นทางการเงินจะกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นภายใต้ภาวะ การแข่งขันในระดับสูง และสาธารณูปโภคที่แข็งแกร่งขึ้นก็จะทำให้ราคาหุ้นเพิ่มสูงขึ้นด้วย โดยการปรับลดเงินปันผลในครั้งนี้จะทำให้เราสามารถปรับปรุงความมั่นคงทางการเงิน ของ NYSEG และจะทำให้มูลค่าหุ้นของผู้ถือหุ้นเพิ่มสูงขึ้นในช่วงระยะยาว และเรายัง คงเชื่อมั่นว่า NYSEG จะประสบความสำเร็จ และเราจะมอบผลตอบแทนที่น่าดึงดูดใจให้ กับผู้ถือหุ้นของเรา"
"ถึงแม้ NYSEG จะเชื่อมั่นเช่นนั้น แต่ตลาดหุ้นกลับไม่ได้เชื่อเช่นนั้นเลย"
"ในความเป็นจริงแล้ว ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐเป็นหนึ่งในตลาดที่คึกคักที่สุดเท่าที่ เคยเป็นมา ผู้ถือหุ้นของ NYSEG กลับได้รับความทุกข์จากการที่ราคาหุ้นของ NYSEG ร่วง ลง 32 % ในช่วงระหว่างวันที่ 31 ก.ค. 1992 จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.ปีนี้ และในขณะนี้ บริษัทคาลเอเนอร์จี้ก็ได้เสนอซื้อหุ้นด้วยราคาที่สูงกว่าที่ทาง NYSEG ได้ทำไว้ และทาง NYSEG กลับเสนอที่จะทบทวนนโยบายการจ่ายเงินปันผลอีกครั้ง การให้สัญญาที่ว่างเปล่า ในช่วงเวลานี้นั้นย่อมไม่ใช่เหตุการณ์บังเอิญอย่างแน่นอน
"ผู้ถือหุ้นควรถามตัวเองว่า บริษัท NYSEG ซึ่งมีราคาหุ้นร่วงลงเรื่อยๆ เช่นนี้ จะให้อนาคตเช่นใดกับผู้ถือหุ้น ถ้าหากบริษัทคาลเอเนอร์จี้ไม่ได้เสนอขอควบกิจการด้วย"
"ผู้ถือหุ้นควรถามตัวเองด้วยว่า NYSEG ได้ตอบโต้กลับมาเช่นใดต่อข้อเสนอ ซื้อหุ้นเป็นเงินสดของทางเรา เพื่อที่จะยกระดับราคาหุ้นให้สูงขึ้น"
"ภายในช่วงเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ NYSEG ไม่ได้พอใจแต่แค่การกันเงิน 52 ล้านดอลล่าร์ไว้ในบัญชีธนาคารสำหรับจ่ายให้กับพนักงานอาวุโสในกรณีที่ต้องออกจากงาน เมื่อบริษัทมีการเปลี่ยนเจ้าของเท่านั้น แต่ทาง NYSEG ได้ใช้หรือสร้างภาระผูกพันที่จะต้อง จ่ายเงินทุนเพิ่มเติม ซึ่งเป็นการใช้เงินของผู้ถือหุ้นประเมินทั้งหมดได้เท่ากับ 80 ล้านดอล ล่าร์เพื่อ 'ปกป้อง' ผู้บริหารของ NYSEG โดยการกระทำดังกล่าวนี้ได้รวมถึงการที่ NYSEG ได้ยื่นฟ้องดำเนินคดีที่ไม่จำเป็นและเสียค่าใช้จ่ายสูงมากจำนวนหลายคดีด้วย
ในคดีที่ NYSEG เป็นผู้เริ่มฟ้องที่นิวยอร์คนั้น สำนักงาน PSC ได้ตัดสินเข้าข้าง บริษัทคาลเอเนอร์จี้เมื่อวานนี้ โดยได้ระบุว่า :-
"คณะกรรมาธิการพบว่า ทางคณะกรรมการควรปฏิบัติตามมาตรา 202 (6) ของกฎหมาย State Administrative Procedure Act ในทันทีด้วยการให้การอนุมัติ การทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ เนื่องจากถ้าไม่รีบให้การอนุมัติแล้ว ผู้ถือหุ้น 9.9 % ในบริษัท NYSEG อาจได้รับความเสียหาย และผู้เสียภาษีอาจไม่ได้รับผลประโยชน์ที่ควรจะได้ภายใต้ เงื่อนไขในคำสั่งใหม่ ทั้งนี้ หลังจากการทบทวนแล้ว เป็นที่พิสูจน์ได้ว่า การเทคโอเวอร์ ของบริษัทคาลเอเนอร์จี้จะส่งผลดีต่อผู้เสียภาษี แต่การกีดกันการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์อาจ เป็นการปิดกั้นช่องทางในการเทคโอเวอร์และเป็นการกีดกัน ratepayer จากผลประโยชน์ ที่ควรจะได้รับด้วย"
"การดำเนินกลยุทธ์ต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมาได้ส่งผลให้ในขณะนี้ คณะผู้บริหารของ NYSEG ต้องเผชิญกับคดี 6 คดีที่ยื่นฟ้องโดยผู้ถือหุ้นของ NYSEG ในข้อหาไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ ของผู้พิทักษ์ผลประโยชน์"
"ผู้ถือหุ้นของ NYSEG ไม่ควรเข้าใจผิด โดยการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ของ บริษัทคาลเอเนอร์จี้ได้ครบกำหนดในช่วงเที่ยงคืนวานนี้ บางที นายจิม คาร์ริกก์อาจพูด ประโยคที่ถูกต้องที่สุดที่ว่า "ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอุตสาหกรรมของเราจะต้องเผชิญกับการ เปลี่ยนแปลงที่ทวีความเร็วยิ่งขึ้นเรื่อยๆ" บริษัทคาลเอเนอร์จี้เองไม่ต้องการให้ผู้ถือหุ้น ของ NYSEG ถูกทิ้งไว้ข้างหลังอีกครั้ง"
บริษัทคาลเอเนอร์จี้ซึ่งจัดการและถือครองหุ้นในโรงงานผลิตไฟฟ้ากำลังผลิต สุทธิกว่า 5,000 เมกกะวัตต์ต่างๆในการดำเนินงาน, ก่อสร้างและพัฒนาทั่วโลกนั้น ใน ขณะนี้ได้เป็นผู้ดำเนินการโรงงานผลิตไฟฟ้า 20 แห่งและได้ทำหน้าที่จัดส่งและจัดจำหน่าย กระแสไฟฟ้าให้กับลูกค้า 1.5 ล้านราย--จบ--
--บิสนิวส์แปลและเรียบเรียง-จพ/กช--
มอร์แกน สแตนลีย์ ไพรเวท อิควิตี้ เอเชีย ประกาศความสำเร็จ หลังปิดการทำคำเสนอซื้อหุ้นของบริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (DSGT) โดยมีผู้ถือหุ้นตอบรับคำเสนอซื้อหุ้นเป็นจำนวนถึง 322,888,400 หุ้น คิดเป็น 25.63% ของหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของDSGT ซึ่งสูงกว่าจำนวนหุ้นขั้นต่ำที่ต้องการซื้อ ย้ำจ่ายค่าหุ้น 13 ตุลาคมนี้ ในการทำคำเสนอซื้อหุ้น (tender offer) ดังกล่าว North Haven Private Equity Asia Angel Company Limited(NHPEA) ในฐานะผู้ทำคำเสนอซื้อได้ยื่นคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ