สธ.เตรียมวิจัยระบบยารักษาวัณโรคแบบใหม่ ช่วยประหยัดค่ายาได้มากกว่าครึ่งของระบบเดิม

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพ--19 มี.ค--กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุขเตรียมศึกษาวิจัยระบบยารักษาวัณโรคแบบใหม่ที่จะช่วยประหยัดค่ายาได้มากกว่าครึ่งของค่ายาในระบบยาเดิมที่ใช้ในโครงการ DOTS ซึ่งผู้ป่วยต้องรับประทานยาทุกวันแต่ระบบยาแบบใหม่นี้เป็นแบบเว้นระยะรับประทานยาเพียงสัปดาห์ละ 3 ครั้งเท่านั้นคาดว่าจะประเมินผลได้ในอีก 1 ปีข้างหน้า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่กระทรวงสาธารณสุขนายแพทย์ปรากรม วุฒิพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะประกอบด้วย นายแพทย์ยุทธ โพธารามิกอธิบดีกรมควบคุมโรคติดต่อ , นายแพทย์นัดดา ศรียาภัย ที่ปรึกษาด้านวัณโรค กรมควบคุมโรคติดต่อ, Dr.E.B.Doberstyn ผู้แทนองค์การอนามัยโลก , Dr. Holges Sawert ที่ปรึกษาองค์การอนามัยโลกด้านวัณโรค , นายแพทย์วิชัย โชควิวัฒนผู้ทรงคุณวุฒิด้านเวชกรรมป้องกัน และ นายแพทย์วัลลภ ปายะนันทน์ ผู้อำนวยการกองวัณโรคได้ร่วมกันแถลงข่าวแก่สื่อมวลชนเรื่อง "การควบคุมวัณโรคในยุค IMF " ว่า หลังจากที่กระทรวงสาธารณศุขได้นำระบบยารักษาวัณโรคแบบ DOTS คือการให้ผู้ป่วยรับประทานยาวันละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 6 เดือน มาใช้และพบว่าได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจไปแล้วนั้น ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขกำลังจะดำเนินการศึกษาวิจัยเพื่อหาระบบยารักษาวัณโรคที่ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าเดิมโดยจะทดลองให้ผู้ป่วยรับประทานยาในขนาดเดิม แต่รับประทานเพียงสัปดาห์ละ 3 วัน คือ จันทร์ พุธศุกร์ เท่านั้น ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มาก จากระบบยาเดิมมีค่าใช้จ่ายประมาณ 3,000 บาทเหลือเพียง 1,000 บาท ต่อผู้ป่วย 1 ราย เท่านั้นโดยจะเริ่มศึกษาวิจัยประมาณเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ ใช้เวลาประมาณ 1 ปีก็สามารถประเมินผลได้ หากพบว่าได้ผลดีเท่าเทียมกับระบบยาแบบเดิมก็จะช่วยให้ประหยัดงบประมาณค่ายาลงได้มาก ซึ่งจะสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้เป็นอย่างยิ่ง โครงการรักษาวัณโรคแแบบ DOTS ( Directly Observed Treatment , Shortcourse )หรือการรักษาผู้ป่วยวัณโรคแบบมีพี่เลี้ยงคอยดูแลการรับประทานยาของผู้ป่วยให้ครบถ้วนทุกมื้อได้เริ่มดำเนินการใน 8 อำเภอนำร่องในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2539พบว่าเมื่อรักษาครบระยะเข้มข้น 2-3 เดือนแรกผู้ป่วยมีผลการตรวจเสมหะหาเชื้อวัณโรคเปลี่ยนจากบวกเป็นลบถึงร้อยละ 86 และเมื่อรักษาครบ 6เดือนปรากฎว่าผู้ป่วยมีอัตราการรักษาหายขาดสูงถึงร้อยละ 80นับเป็นการตัดวงจรการแพร่เชื้อที่แหล่งแพร่เชื้อโดยตรง และช่วยลดปัญหาเชื้อดิ้อยาซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้เกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจมากกว่าผู้ป่วยทั่วไปเนื่องจากการรักษาผู้ป่วยที่มีเชื้อดื้อยาต้องเสียค่าใช้จ่ายหลายหมื่นบาทต่อรายจึงอาจกล่าวได้ว่า โครงการ DOTS นั้นประสบความสำเร็จทั้งในแง่ผลการรักษาและช่วยประหยัดงบประมาณของประเทศซึ่งในขณะนี้ได้ขยายพื้นที่ดำเนินการโครงการดังกล่าวจนครบทุกจังหวัดแล้ว จังหวัดละ 2 อำเภอและจะดำเนินการให้ครบทุกอำเภออย่างช้าที่สุดภายในปี พ.ศ.2544 นี้ สำหรับสถานการณ์วัณโรคของประเทศต่างๆทั่วโลก พบว่า วัณโรคเคยเป็นโรคที่เกือบจะถูกลืมแต่ ผลกระทบจากโรคเอดส์ทำให้จำนวนผู้ป่วยวัณโรคกลับเพิ่มขึ้นในหลายๆประเทศจนกระทั่งในเดือนเมษายน พ.ศ.2536 องค์การอนามัยโลกต้องประกาศว่าวัณโรคเป็นเรื่องฉุกเฉินระดับสากล สำหรับในประเทศไทยจำนวนผู้ป่วยวัณโรคเริ่มสูงขึ้นเล็กน้อยตั้งแต่ปี 2535 หลังจากที่ลดลงไปมากแล้ว และถึงแม้ว่าโดยภาพรวมของประเทศจะสูงขึ้นไม่มาก แต่ในพื้นที่ที่มีปัญหาเอดส์สูง เช่นภาคเหนือตอนบน การเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยวัณโรคปรากฎชัดเจนกว่าภาคอื่นๆแต่ยังนับว่าโชคดีที่ฐานจำนวนผู้ป่วยวัณโรคเดิมในพื้นที่นี้มีไม่มากนักจึงมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเพียงปีละ 400-500 คนเท่านั้นส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งมีผู้ป่วยวัณโรคหนาแน่นที่สุดปีละ 8,000-9,000 คน นั้นยังได้รับผลกระทบน้อยกว่า เนื่องจากสถานการณ์เอดส์ไม่รุนแรงเหมือนภาคเหนือตอนบน เมื่อสถานการณ์เอดส์ชะลอตัวลงในระยะ2-3ปีที่ผ่านมาทำให้สามารถตรึงจำนวนผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ไม่ให้เพิ่มขึ้นมากนักในปัจจุบันนี้จำนวนผู้ป่วยวัณโรคเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 2 ต่อปี ซึ่งขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้โครงการ DOTS เป็นโครงการหนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติครบรอบ 72 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปี2542 อีกด้วย คาดว่าหากโครงการ DOTS สำเร็จตามเป้าหมาย ปัญหาวัณโรคจะเริ่มลดลงในปี พ.ศ.2544 เป็นต้นไป และในอีก 17 ปี ข้างหน้าวัณโรคจะลดลงมากจนไม่เป็นปัญหาสำคัญทางด้านสาธารณสุขของประเทศอีกต่อไป และหากการศึกษาวิจัยระบบยาแบบเว้นระยะประสบความสำเร็จก็จะช่วยให้การควบคุมวัณโรคได้ผลดียิ่งขึึ้้น ขณะเดียวกันยังสามารถประหยัดงบประมาณค่ายาไปพร้อมๆกันอีกด้วย --จบ--

ข่าวอธิบดีกรมควบคุมโรค+กระทรวงสาธารณสุขวันนี้

SVT ร่วมขับเคลื่อนการป้องกันโรคติดต่อทางเพศ แจกฟรี "ถุงยาง-ชุดตรวจ HIV ด้วยตัวเอง" ผ่าน Vending Machine

บริษัท ซันเวนดิ้ง เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SVT นำโดย นายคเณศร์ อรรถไพศาลกุล รองผู้อำนวยการสายงานการตลาด ให้การต้อนรับ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยอธิบดีกรมควบคุมโรค ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในโอกาสเข้าเยี่ยมชมตัวตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ Vending Machine "ชุดตรวจ HIV ด้วยตัวเองและถุงยางอนามัยอัตโนมัติ" ในกิจกรรมส่งเสริมการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่กองโรคเอดส์และโรคติดต่อทาง

นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้า... "MEDEZE" เดินหน้าเตรียมปรับปรุงพื้นที่และเยี่ยมชม โครงการ ATMPs Sandbox อาคารศูนย์การแพทย์บางรัก — นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษ...

แพทย์หญิงอัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล อธิบดีกรมอ... กรมอนามัย ร่วมกับ ภาคีเครือข่าย รณรงค์ป้องกัน “4 เน้น 4 เดือน” ลดผู้ป่วยไข้เลือดออก — แพทย์หญิงอัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล อธิบดีกรมอนามัย มอบหมายแพทย์หญิงนงนุช...

อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนต... รองนายกฯ บรรยายการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ — อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้เกียรติมาเป็นวิทยากรบรรยายเรื่อง ...