กรุงเทพฯ--22 ม.ค.--ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย)
                                                                                                                                      
                                                                                                                                      ไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น ชื่นชมผลงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ทั่วภูมิภาคเอเชีย ทั้งในประเทศสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน  อินเดียและประเทศไทย 
                                                                                                                                      ในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินคดีกับผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์ผิดกฎหมายใน 13 เมืองใหญ่ทั่วภูมิภาคเอเชีย  และยึดของกลางจำนวนกว่า 45,000 ชุด  รวมทั้งซอฟต์แวร์ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ ในชุด Windows XP, Office XP และ Windows NT Server ของไมโครซอฟท์ด้วย การดำเนินการดังกล่าวรวมถึงการปราบปรามในประเทศไทย ซึ่งกองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ ได้ตรวจค้นร้านค้าปลีกซอฟต์แวร์ 10 แห่ง และจับกุมร้านค้าปลีก 9 แห่งพร้อมยึดของกลางซีดีซอฟต์แวร์เถื่อนอีกกว่า 23,000 แผ่น
                                                                                                                                      จากจำนวนการรายงานเบาะแสและจำนวนซอฟต์แวร์ผิดกฎหมายที่ถูกยึด แสดงให้เห็นว่าอัตราการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในภูมิภาคเอเชียยังคงอยู่ในระดับสูงและเป็นปัญหาสำคัญของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์   การสำรวจล่าสุดซึ่งกลุ่มพันธมิตรธุรกิจซอฟต์แวร์ (Business Software Alliance – BSA) จัดทำขึ้นระบุว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคเดียวที่มีอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์เพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา
                                                                                                                                      อัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ในภูมิภาคเอเชียในปี 2542 อยู่ในระดับ 51% ซึ่งนับว่าสูงเมื่อเทียบกับอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ทั่วโลกในปีเดียวกันซึ่งอยู่ในระดับ 37%   คิดเป็นมูลค่าความเสียหายของทั้งอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์รวมประมาณ 41,000 ล้านเหรียญสหรัฐ    สำหรับประเทศไทยมีอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ในปี 2544 ที่ผ่านมาสูงถึง 79 %  คิดเป็นมูลค่าความเสียหายของทั้งอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์รวมประมาณ 57 ล้านเหรียญสหรัฐ  ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของภูมิภาค  นอกจากนี้ กลุ่ม   ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ซึ่งดำเนินธุรกิจอยู่ได้โดยการจำหน่ายสินค้าผิดกฎหมายเอง ก็นับได้ว่าเป็นผู้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคม
                                                                                                                                      มร. ทอม โรเบิร์ตสัน ทนายความ ประจำฝ่ายกฎหมาย บริษัท ไมโครซอฟท์ เอเชีย กล่าวว่า “การปราบปรามและจับกุมซอฟต์แวร์ที่ไม่มีลิขสิทธิ์ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมานั้น เป็นการเตือนผู้กระทำผิดกฎหมายได้อย่างชัดเจนว่าการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ทั้งการผลิตและจำหน่ายนั้น เป็นการเอาชื่อเสียงและธุรกิจมาเสี่ยง และยังอาจจะได้รับโทษหนัก เช่น ปรับ และจำคุกได้”
                                                                                                                                      ไมโครซอฟท์ ได้จัดทำข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการจำแนกซอฟต์แวร์ที่ถูกกฎหมายและซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ หรือ “How To Tell ” ขึ้นและเผยแพร่บนเว็บไซต์ http://www.microsoft.com/piracy เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ซอฟต์แวร์ของไมโครซอฟท์สำรวจและระบุได้ว่าซอฟต์แวร์ที่ใช้อยู่นั้น เป็นซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์หรือไม่ อันเป็นการปกป้องผู้บริโภคและคู่ค้าของไมโครซอฟท์จากการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา 
                                                                                                                                      พร้อมกันนี้ ไมโครซอฟท์ยังได้เตือนอีกด้วยว่า ซอฟต์แวร์ผิดกฎหมายนั้นอาจไม่สมบูรณ์ ขาดคุณสมบัติสำคัญ ๆ  หรือมีไวรัส    อีกทั้งผู้ที่ใช้ซอฟต์แวร์ผิดกฎหมายยังจะไม่ได้รับการบริการด้านเทคนิค การรับประกันการใช้งาน และการอัพเกรดซอฟต์แวร์จากบริษัทฯ
                                                                                                                                      มร. โรเบิร์ตสันกล่าวเสริมว่า “ผู้ละเมิดกฎหมายลิขสิทธิ์นั้น นอกจากจะเอาเปรียบผู้บริโภคแล้ว ยังทำลายการสร้างสรรค์ และเอาเปรียบนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไม่ให้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ดี ๆ ที่มีประโยชน์ต่อไปในอนาคตได้    หากภูมิภาคเอเชียยังต้องการที่จะสร้างเศรษฐกิจแบบพึ่งพาความรู้ (Knowledge based economy) ให้แข็งแกร่งนั้น จะต้องตระหนักถึงความสำคัญและปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา จึงจะทำให้เศรษฐกิจในภูมิภาคนี้เติบโตได้เป็นอย่างดี”
                                                                                                                                      ไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น ก่อตั้งขึ้นในปี 2518 ปัจจุบันเป็นผู้นำด้านซอฟต์แวร์ บริการ และเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ตสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและองค์กร โดยมีผลิตภัณฑ์และบริการหลากหลายที่จะทำให้ผู้ใช้ได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดจากซอฟต์แวร์ชั้นนำโดยไร้ขีดจำกัดทั้งในด้านเวลา สถานที่ หรือประเภทของอุปกรณ์ใช้งาน--จบ--
                                                                                                                            
                                                                                                                            -สส-